โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ทำไมคนเราต้องโกหก

LINE TODAY

เผยแพร่ 14 ส.ค. 2561 เวลา 11.48 น. • Pimpayod

ใครบ้างไม่เคยโกหก…

เชื่อหรือไม่..คนเรามีพรสวรรค์ในการโกหกและหลอกลวงอยู่เต็มเปี่ยม ไม่ต้องเรียน ไม่ต้องให้ใครสอน ทุกคนโกหกเป็นกันทั้งนั้น แต่จะแนบเนียนหรือโป๊ะแตกขึ้นอยู่กับการปูเรื่องและประสบการณ์การของแต่ละคน

ในเมื่อการโกหกฝังรากลึกอยู่กับคนเรามานาน หลายคนสงสัยว่าการโกหกมีต้นกำเนิดมาจากไหน ตั้งแต่มนุษย์ถือกำเนิดขึ้นมาเลยไหม โดยนักวิจัยจากสหรัฐอเมริกา สันนิษฐานว่าการโกหกเป็นพฤติกรรมที่เกิดหลังจากภาษาได้ถือกำเนิดขึ้นไม่นาน เรียกว่าพอสื่อสารได้ก็เริ่มโกหกกันเลย 

ย้อนกลับไปในอดีตไม่มีข้อพิสูจน์ใด ๆ บ่งบอกว่าคนที่เริ่มโกหกคนแรกคือใคร และเรื่องอะไร แต่ที่แน่ ๆ ก็คือเราถูกหล่อหลอมมาด้วยคำพูดหลอกลวงมานานแสนนาน จนอาจเข้าใจได้ว่าคนส่วนใหญ่บนโลกนี้มีความเชี่ยวชาญเรื่องการโกหกพอ ๆ กับการกินข้าวสักมื้อเลยทีเดียว เพราะเราสามารถโกหกใครก็ได้ โดยไม่คำนึงว่าจะเป็นเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่ หรือจะโดนจับโกหกได้หรือไม่ก็ตาม

นั่นก็เพราะความสามารถในการโกหกเป็นหนึ่งในธรรมชาติของมนุษย์ ที่วางรากฐานไว้อย่างแน่นหนายิ่งกว่าอะไรทั้งปวง ทำให้คนหลายคนไม่ตะขิดตะขวงสักนิดในยามที่จะต้องโกหกใครสักคน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะไม่มีข้อบ่งชี้ใด ๆ ที่บอกว่ากำลังพูด “โกหก” เช่น โกหกแล้วจมูกไม่ได้ยาวขึ้นเหมือนพิน็อกคิโอ ฯลฯ ซึ่งเป็นสมมติฐานที่น่าเป็นไปได้ที่สุดว่าทำไมคนเราถึงยังโกหกกันอยู่เรื่อย ๆ 

ถ้าถามว่า “ทำไมคนเราต้องโกหก” คงมีคำตอบได้ร้อยแปดพันอย่าง และอีกสารพัดเหตุผลมารองรับ 

แต่ถ้าถามว่า “ไม่โกหกได้ไหม” หลายคนน่าจะทำหน้า งง แล้วคิดอยู่พักใหญ่กว่าจะได้คำตอบออกมาว่า “ได้” หรือ “ไม่ได้” ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะไม่มั่นใจตัวเองว่าทำได้ และอีกส่วนน่าจะเพราะโกหกจนเคยชินโดยไม่รู้ตัว

คนส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงการโกหกไม่ได้เลย แม้กระทั่งกับเด็กที่เพิ่งโตก็ยังเรียนรู้ที่จะโกหกได้ด้วยตัวเอง ซึ่งพ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะกังวลเมื่อลูกเริ่มพูดโกหก แต่นักจิตวิทยาเด็กได้ออกมายืนยันแล้วว่า “การโกหกของเด็กวัยหัดเดินคือสัญญาณยืนยันว่า สมองส่วนการคิดของพวกเขากำลังพัฒนา” ทำเอาพ่อแม่ตัดสินใจไม่ถูกเลยว่าจะดีใจหรือเสียใจ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการโกหกคือธรรมชาติของมนุษย์อย่างแท้จริง 

แต่คนเราก็ฝืนธรรมชาติกันได้ ยังมีคนอีกมากบนโลกนี้ใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยการไม่โกหก แถมยังเป็นชีวิตที่ดีด้วย สิ่งที่พวกเขาเชื่อก็คือ การโกหกคือ “พฤติกรรม” ไม่ใช่ “ธรรมชาติ” และไม่มีใครที่ใช้ชีวิตได้อย่างดีด้วยคำโป้ปดมดเท็จ เพราะฉะนั้นการไม่โกหกย่อมดีกว่า

การโกหกในทางธรรม

หนึ่งในศีล 5 หรือก็คือมุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทังสะมาทิยามิ หมายถึงการละเว้นจากการพูดปด งดเท็จ พูดเพ้อเจ้อ พูดไม่อยู่กับร่องกับรอย ฯลฯ ซึ่งเป็นศีลข้อ 4 ที่แทบทุกคนมักรักษาไว้ไม่ได้ แม้จะเป็นศีลขั้นพื้นฐานของมนุษย์ก็ตาม แต่ศีลไม่ใช่ข้อห้ามอย่างที่ทุกคนเข้าใจ คนรักษาศีลไม่ใช่คนที่ถูกห้ามทำโน่นทำนี่ แต่เป็นคนที่มีเจตนางดเว้นการกระทำทางกายและวาจาที่จะสร้างความเดือดร้อนให้แก่คนอื่นเสียมากกว่า

แน่นอนอยู่แล้วว่าการโกหกถือว่าผิดศีล และเป็นบาป แต่ทำไมคนเรายังคงทำบาปด้วยการผิดศีลข้อ 4 กันอย่างต่อเนื่อง นั่นก็เพราะความเคยชิน ความตั้งใจ และ

แม้แต่การโกหกด้วยเจตนาดีเพื่อให้อีกคนสบายใจก็ยังถือว่าผิดศีล เพราะไม่ว่าจะเพื่ออะไรก็ยังถือเป็นการโกหกอยู่ดี จะยกเหตุใด ๆ มาอ้างก็หนีไม่พ้นการผิดบาปด้วยกันทั้งนั้น

การพยายามไม่โกหกเป็นสิ่งที่ต้องตั้งใจและปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง เพราะโดยธรรมชาติแล้วคนเรามีแนวโน้มที่จะโกหกมากขึ้นเรื่อย ๆ จากเรื่องเล็ก ๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่ และยิ่งถ้าได้เริ่มโกหกเมื่อไหร่ ก็ยากที่จะไม่กลายเป็นโกหกคำโตไปได้ ดังนั้นอย่าปล่อยให้สัญชาตญาณครอบงำ มีสติกับทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิต อย่าลืมว่านอกจากจะผิดศีลแล้ว ยังทำบาปโดยรู้ตัวอีกด้วย

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0