แชร์ข่าวบนโลกโซเชียล เคยได้เช็คให้ชัวร์ก่อนไหม? หลายข่าวที่เคยได้ยินบนโลกโซเชียล ข่าวที่โดนแชร์กระหน่ำ คอมเมนท์กระจาย คุณเชื่อข่าวนั้นเต็มร้อยหรือไม่ ที่ผ่านมามีหลายครั้งหลายคราวที่ข่าวถูกแชร์ออกไปโดยไม่เป็นความจริงบ้าง มั่วบ้าง หรือข่าวลือบ้าง แต่หลายคนก็ยังส่งต่อความมั่วไปยังคนอื่น ๆ อย่างแพร่หลาย จนคนที่เป็นข่าวได้รับความเสียหาย โดนด่าฟรีบ้าง ภาพลักษณ์เสียหายไปบ้าง
อย่างวันนี้มีข่าวที่โลกโซเชียลแชร์กระหน่ำกันตลอดวัน กรณีเด็กมัธยมต้นหนึ่งตกจากตึกชั้น 3 ของโรงเรียน จ.กระบี่ อาการสาหัส ซึ่งแพทย์ต้องนำตัวเข้าห้องผ่าตัดด่วน ซึ่งชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าเหตุใดเด็กนักเรียนจึงตกตึกได้ ทำไมโรงเรียนจึงปล่อยปละละเลยได้ถึงขนาดนี้ แต่หลังจากได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วปรากฎว่kเหตุการณ์ที่มีการแชร์กันในโลกโซเชียลนั้นไม่เป็นความจริง การที่เด็กได้รับบาดเจ็บเกิดจากนักเรียนเล่นกระโดดโหนราวคานของหลังคาทางเดิน สูงจากพื้นประมาณ 2.5 เมตร ขณะที่กระโดดมือจับราวไม่ติด จึงได้ตกลงมาล้มหัวฟาดพื้นอย่างแรง ศีรษะได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก จึงได้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลตามที่เป็นข่าว โดยหลังจากมีข่าวแชร์ออกไปโรงเรียนและอาจารย์ได้รับความเสียหายจากข่าวนี้เป็นอย่างมาก (หยุดแชร์! เด็กนักเรียนอ่าวลึกตกตึก กระโดดจับราวหลังคาล้มหัวฟาดพื้น)
หรืออีกข่าวแชร์กระหน่ำอย่างกรณีที่กระทรวงอุตสาหกรรมออกโรงโต้ข่าวโซเชียลที่กล่าวถึงการขึ้นภาษีรถยนต์เก่าเกิน 7 ปีเพื่อกระตุ้นยอดขายรถใหม่ ย้ำว่าเป็นข่าวเก่าสมัยปี 2559 ซึ่งเคยพูดคุยถึงความเป็นไปได้ในสมัยนั้น แต่ไม่เคยมีนโยบายออกมาแต่อย่างใด โดยได้ขอร้องประชาชนให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนเชื่อหรือแชร์ข่าวนั้น ๆ เพื่อป้องกันความสับสนต่อไป (ก.อุตฯโต้ข่าวโลกโซเชียลขึ้นภาษีรถเก่าเกิน7ปีมั่วแนะชัวร์ก่อนแชร์)
ทั้งสองข่าวเป็นเพียงตัวอย่างการแชร์แบบผิด ๆ โดยไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเสียก่อน ยิ่งเดี๋ยวนี้การแชร์ข่าวเป็นอะไรที่ง่ายและรวดเร็ว ข่าวปุ๊บแชร์ปั๊บ เข้าถึงกลุ่มคนขนาดใหญ่ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งหากเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ข้อมูลที่เป็นจริงก็คงไม่ผิดอะไร แต่ถ้าเป็นเรื่องราวที่มีผลกระทบร้ายแรง การแชร์ข่าวออกไปอาจทำให้เกิดความเสียหายในวงกว้างได้เหมือนกัน คงจะดีกว่าถ้าอดใจรอสักนิด เช็คให้ชัวร์ก่อนจะคอมเมนท์หรือแชร์ข่าวออกไป แล้วคุณล่ะเคยเช็คก่อนแชร์กันบ้างไหม
