โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

รู้จัก “สิวทารก” เพราะเด็กน้อยตัวจิ๋วก็มีสิวได้

Motherhood.co.th

เผยแพร่ 20 ต.ค. 2562 เวลา 04.00 น. • Motherhood.co.th Blog

รู้จัก "สิวทารก" เพราะเด็กน้อยตัวจิ๋วก็มีสิวได้

หลังจากทารกน้อยคลอดและกลับมาอยู่บ้านแล้ว ผ่านไปสัก 2-3 สัปดาห์ คุณพ่อคุณแม่อาจจะพบว่าลูกมีตุ่มๆเล็กๆขึ้นตามใบหน้า คล้ายว่าจะเป็น "สิวทารก" อย่างไรอย่างนั้น และคงรู้สึกกังวลว่าเป็นปัญหาผิวหนังหรือเปล่า ตุ่มพวกนี้เกิดจากอะไร จะส่งผลเสียกับลูกหรือไม่ มาติดตามกันค่ะว่าจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้อย่างไรบ้าง

สิวบนผิวของทารกแรกเกิด

สิวทารกแรกเกิด โดยมากจะเริ่มปรากฎขึ้นในช่วงอายุระหว่าง 2-6 สัปดาห์ และช่วงอายุระหว่าง 3-6 เดือน ซึ่งสิวเหล่านี้จะหายไปเมื่อเด็กมีอายุประมาณ 2 ปี ขึ้นไป และลักษณะของการเกิดสิวก็จะแตกต่างกันไปในทารกแต่ละคน ซึ่งทำให้ต้องใช้วิธีการรักษาสิวที่แตกต่างกันตามไปด้วย

ทารกเริ่มมีสิวได้ตั้งแต่ 2 สัปดาห์ ถึง 6 เดือน

ลักษณะของสิวทารก

สิวของทารกแรกเกิดจะมีลักษณะเป็นตุ่มหนองสีชมพูหรือสีแดงบริเวณใบหน้า แต่สิวประเภทนี้ไม่ทำให้เกิดการอุดตัน และไม่ได้ทำให้เกิดแผลเป็นหรือหลุมสิวแต่อย่างใด ในบางครั้งก็จะมีลักษณะเป็นตุ่มหนองบริเวณหนังศีรษะ หน้าผาก แก้ม และคาง ซึ่งสิวในทารกมีอยู่ 2 ประเภทด้วยกัน คือ

  • สิวในทารกแรกเกิด (Neonatal acne) มีลักษณะเป็นสิวเม็ดเล็กๆ และอาจเป็นตุ่มหนอง (Pustules) ร่วมด้วย พบบ่อยที่บริเวณหน้าผาก จมูก และแก้ม โดยพบได้มากถึง 20 เปอร์เซ็นต์ของทารกแรกเกิด และพบได้ในเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง
  • สิวในทารกอายุ 3-6 เดือน (Infantile acne) มีลักษณะเหมือนสิวของวัยรุ่น โดยเป็นสิวอุดตันทั้งแบบสิวหัวเปิดและสิวหัวปิด มีตุ่มหนอง (Pustules) มักจะมีการอักเสบ (Inflammatory papules) มากกว่า มีอาการรุนแรงกว่าสิวในทารกแรกเกิด หรือบางครั้งอาจเป็นสิวอุดตัน (Comedones) ได้ อาจเริ่มมีอาการตอนทารกอายุ 2-3 เดือนหรือเป็นสิวที่ขึ้นต่อเนื่องมาจากช่วงแรกเกิดและไม่หายก็ได้

ทำไมทารกถึงเป็นสิวได้

คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าการเป็นสิวจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะกับวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่เท่านั้น พอเห็นว่าทารกแรกเกิดมีตุ่มเล็กๆแบบสิวผดก็สร้างความสงสัยว่าทารกจะมีสิวได้อย่างไร ซึ่งปัจจุบันก็ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดสิวในทารก แต่มีการศึกษาหลายชิ้นระบุว่าสิวในทารกอาจเกิดจากสาเหตุ ดังนี้

1. การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนขณะตั้งครรภ์

การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนขณะตั้งครรภ์ของแม่อาจทำให้เกิดสิว เพราะการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนแอนโดรเจนระหว่างช่วงสัปดาห์สุดท้ายของการตั้งครรภ์อาจไปกระตุ้นต่อมไขมันในร่างกายของทารกให้ทำงานมากกว่าปกติจนเกิดสิว ทำให้ลูกน้อยเป็นสิวในช่วง 2-3 เดือนแรกหลังคลอด เมื่อระดับฮอร์โมนดังกล่าวลดลง สิวก็จะหาย และผิวของลูกก็จะกลับมาเป็นปกติ

2. การใช้ยาบางประเภท

การใช้ยาบางประเภทของแม่อาจกระตุ้นการเกิดสิวในทารกผ่านการให้นมแม่ โดยสารออกฤทธิ์ในตัวยาอาจเข้าสู่ร่างกายของลูกผ่านน้ำนมแม่และทำให้เกิดสิว

3. การแพ้สารบางอย่าง

อาจเกิดจากการที่ทารกแพ้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบางชนิด หรือการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อันตรายบางอย่าง เช่น มิเนอรัลออยล์ อาจไปอุดตันรูขุมขนของลูก ทำให้เกิดสิวที่แก้มและใบหน้า

นอกจากนี้สิวบนผิวทารกอาจเกิดจากสาเหตุทางพันธุกรรม และยังมีการศึกษาที่พบว่าสิวในทารกแรกเกิดอาจเป็นปฏิกิริยาการอักเสบที่ทารกมีการตอบสนองต่อเชื้อรา Malassezia spp. อีกด้วย

ปกติแล้วสิวของทารกแรกเกิดจะค่อยๆหายไปเองแต่อาจใช้เวลานานสักเล็กน้อย

สาเหตุที่ทารกเป็นสิวมีหลายอย่าง แพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยให้

หากลูกเป็นสิวทารกควรทำอย่างไร

1. หลีกเลี่ยงการเกา 

สิวบนผิวหนังของลูกจะต่างจากสิวในผู้ใหญ่หรือวัยรุ่น การรักษาสิวในทารก คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่แกะหรือเกาสิวบนใบหน้าของลูกน้อยอย่างเด็ดขาด และต้องสวมถุงมือให้ลูกน้อยเพื่อป้องกันการเกาผื่นหรือสิวที่อาจทำให้อาการยิ่งแย่ลงและติดเชื้อทางผิวหนัง

2. ปรึกษาแพทย์

ปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนใช้ยาใดๆ เช่น Benzoyl peroxide หรือ Erythromycin gel ที่เหมาะสมสำหรับสิวที่มีการอักเสบ หรือยาฆ่าเชื้อรา (Salicylic Acid) ถ้าแพทย์สั่งให้ใช้ยาได้ ให้ทายาลงผิวทารกโดยใช้คอตตอนบัดนุ่มๆ ทั้งในช่วงเช้า​และเย็น​ ทาทิ้ง​ไว้​ 5-10 นาที​แล้ว​จึง​ล้าง​ออก​

ในทารกรายที่มีอาการรุนแรงมากแพทย์อาจสั่งให้ใช้กลุ่มยากินคือ Erythromycin และ Trimethoprim หรือ Isotretinoin แต่จะไม่ให้ใช้ Tetracycline เพราะยาตัวนี้จะทำให้ฟันแท้ของเด็กเหลืองถาวร

3. รักษาความสะอาดให้ใบหน้าของลูกเสมอ

ล้างหน้าลูกด้วยสบู่อ่อนๆที่ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง หากรูขุมขนอุดตันจะยิ่งกระตุ้นการเกิดสิว สิ่งสำคัญคือต้องไม่ทำให้รูขุมขนอุดตัน ผิวของเด็กแรกเกิดยังอ่อนบางมาก จึงควรใช้สำลีชุบน้ำอุ่นเช็ดหน้าลูกอย่างเบามือเพื่อทำความสะอาดสิวบนใบหน้า

4. ดูแลผิวลูกให้แห้งเสมอ

อย่าให้ใบหน้าลูกเปียกชื้นนานๆ ให้ใช้ผ้านุ่มๆเช็ดหน้าลูกทันทีที่ลูกพ่นน้ำลาย เพราะความเปียกชื้นจะทำใหเกิดอาการคัน และลูกจะยิ่งหงุดหงิดรำคาญ และควรเลือกใช้ผ้าเช็ดตัวที่มีขนอ่อนนุ่ม ไม่ระคายเคืองผิวทารก

5. ซักผ้าให้ลูกเป็นประจำ

ซักผ้าลูกเป็นประจำเพื่อป้องกันเชื้อโรคแพร่มาสู่ผิวลูก ซักเสื้อผ้าและผ้าขนหนูใหม่ของลูกก่อนใช้ทุกครั้ง คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่อ่อนโยนต่อผิวของทารกเช่นกัน

อย่าทำความสะอาดจนเกินพอดี เพราะสิวทารกไม่ได้เกิดจากความสกปรก

สิ่งที่ไม่ควรทำกับสิวของลูก

  • ไม่ควรซื้อยารักษาสิวมาใช้กับทารกด้วยตัวเอง เนื่องจากอาจเกิดอันตรายต่อลูกน้อยได้
  • ไม่ควรใช้เบบี้ออยล์ทาสิว
  • พยายามอย่าเช็ดถูหรือทำความสะอาดมากกว่าปกติ เพราะสิวเด็กไม่ได้เกิดจากสิ่งสกปรก

หากลูกโตแล้วยังไม่หาย?

โดยทั่วไปสิวในทารกจะหายไปได้เองเมื่อทารกอายุมากกว่า 6 เดือน เพราะในวัยนี้ทารกจะมีขนาดของต่อมไขมันที่เล็กลง สิวจึงค่อยๆลดลงไป หากสิวที่เป็นมีสาเหตุเกิดจากฮอร์โมนในร่างกาย และเมื่อลูกโตขึ้นถึง 3-4 ขวบแล้วอาการสิวก็ยังไม่ดีขึ้นหรือยังมีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แนะนำให้ไปพบแพทย์จะดีกว่า เพราะการทำงานของฮอร์โมนอาจเกิดความผิดปกติ ทั้งนี้ ทารกที่เป็นสิวอาจมีโอกาสจะเป็นสิวในวัยรุ่นสูงกว่าปกติได้

สิ่งที่คุณแม่ช่วยป้องกันได้ระหว่างให้นมลูก

  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในช่วงให้นม

ระหว่างให้นมลูก คุณแม่ควรระวังเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษ หลีกเลี่ยงอาหารมันๆหรืออาหารฟาส์ทฟู้ด เพราะจะทำให้สิวในทารกแย่ลง ควรดื่มน้ำมากๆ เพื่อขับถ่ายสารพิษในร่างกาย และเพื่อให้ลูกน้อยได้รับนมแม่ที่สะอาด กินผักและผลไม้สดๆ เพื่อให้ผิวของลูกน้อยเปล่งปลั่งสดใส

  • แจ้งรายการยาที่ใช้ให้แพทย์ทราบ

การใช้ยาบางอย่างของคุณแม่อาจกระตุ้นการเกิดสิวของลูกน้อยโดยส่งผ่านน้ำนมแม่ได้ จึงควรแจ้งรายการยาทุกอย่างที่คุณแม่ใช้ระหว่างให้นมลูก หากมียาตัวไหนที่กระตุ้นการแพ้ในทารก แพทย์จะได้รีบเปลี่ยนเป็นยาตัวอื่นให้แทน

เรื่องสิวของทารกไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลมากนะคะ เพราะเป็นสิ่งที่สามารถหายเองได้ภายในเวลาไม่นานมาก เพียงแต่ต้องดูแลความสะอาดให้ลูกน้อยอย่างสม่ำเสมอ และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อาบน้ำและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเสื้อผ้าที่อ่อนโยนต่อผิวทารกจริงๆ ก็จะเป็นการช่วยลดปัจจัยของสิวได้อีกทางค่ะ

 

อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th

มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...