ทุกคนน่าจะเคยได้ยินประโยคที่ว่า “กินอย่างไร ก็เป็นอย่างนั้น” หรือ “You are what you eat” กันมาบ้าง
เพราะอาหารที่เรากินเข้าไปทุกวันส่งผลกระทบโดยตรงต่อร่างกายเราทั้งนั้น กินของดี ๆ ร่างกายก็แข็งแรง ในทางกลับกันถ้าเลือกกินแต่ของไม่มีประโยชน์ ร่างกายก็ได้รับผลกระทบนั้นไปเต็ม ๆ แถมด้วยวิถีชีวิตในปัจจุบันที่มีแต่ความเร่งรีบ ทำให้เราเลือกอะไรไม่ได้มากนัก จะหาอาหารสุขภาพกินทั้งทีก็หายาก แถมบางทียังแพงหูฉี่อีกต่างหาก ทำให้บางคนมองข้ามอาหารสุขภาพไปเลย
ในเมื่อไม่มีเวลา ไม่มีปัจจัยมากพอจะกินอาหารสุขภาพ เราก็สามารถเลือกกินอาหารที่อยู่ในชีวิตประจำวันให้เกิดประโยชน์กับร่างกายได้เหมือนกัน ไม่จำเป็นว่าต้องกินอาหารสุขภาพอย่างเดียว
วิธีเลือกก็ไม่ยาก แค่กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ตามหลักโภชนการ และที่ง่ายกว่านั้นก็คือในแต่ละมื้อให้กินแบบ 2:1:1 คือกินผัก 2 ส่วน ข้าว 1 ส่วน และเนื้อ 1 ส่วน ต่อ 1 มื้ออาหาร ซึ่งถ้ากินได้ตามนี้ บวกกับทำทั้ง 6 อย่างนี้ควบคู่กันไปด้วย รับรองว่ายังไง ๆ ก็ไม่มีโรคภัยมาถามหาแน่นอน
1. ไม่ละเลยอาหารเช้า
อาหารเช้าเป็นมื้อที่สำคัญมากที่สุด เพราะร่างกายและสมองต้องการพลังงานไปใช้เพื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดวัน คนที่ไม่ค่อยกินอาหารเช้ามักจะมีประสิทธิภาพการคิดวิเคราะห์ต่ำกว่าคนที่กินอาหารเช้าเป็นประจำ แถมบางรายที่นิยมรวบมื้อเช้าไปรวมกับมื้อเที่ยง แม้ตอนนี้จะยังไม่เห็นผลกระทบอะไร แต่บอกไว้เลยว่าการกินแบบนี้เป็นประจำจะทำให้ได้รับสารอาหารต่อมื้อมากเกินความจำเป็นทำให้อ้วนได้ง่ายขึ้นด้วย
2. กินอาหารให้ตรงเวลา
คนเราต้องกินอาหาร 3 มื้อ ที่สำคัญก็คือร่างกายคนเราถูกออกแบบมาให้กินอาหารให้ตรงเวลาในทุก ๆ วัน การทำแบบนี้จะช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ตามปกติ ร่างกายได้รับพลังงานสม่ำเสมอเพียงพอต่อความต้องการตลอดทั้งวัน หากทานอาหารไม่ค่อยตรงเวลาเป็นประจำก็มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับทางเดินอาหาร เช่น ปวดท้อง โรคกระเพาะ แผลในกระเพาะอาหาร เป็นต้น ถึงแม้จะไม่ได้เป็นโรคที่รุนแรงอะไรมากนัก แต่ก็ส่งผลต่อการใช้ชีวิตได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
3. หลีกเลี่ยงอาหารจานด่วน
กลุ่มอาหารจานด่วนมักมีไขมันและโซเดียมในปริมาณมาก มีสารอาหารค่อนข้างน้อยแถมยังให้พลังงานมาก แสดงให้เห็นว่ากลุ่มอาหารนี้ไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จะกินเข้าไปเป็นประจำ เพราะกินแล้วไม่ค่อยได้ประโยชน์ต่อร่างกาย แถมยังเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคอ้วนหรือโรคไตด้วย เพราะฉะนั้นถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงอาหารจานด่วนซะจะดีกว่า
4. ออกกำลังกายเป็นประจำ
ใคร ๆ ก็รู้ว่าการออกกำลังกายมีประโยชน์กับร่างกายมากแค่ไหน แต่รู้แล้วต้องทำถึงจะถูก สำหรับคนที่มีอ้างเยอะสามารถออกกำลังกายให้ร่างกายสูบฉีดอย่างน้อยที่สุดครั้งละ 10 นาทีขึ้นไป แต่สำหรับคนทั่วไปควรออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อย 30 นาทีขึ้นไปถึงจะอยู่ในเกณฑ์ที่ถูกต้องและเหมาะสม
แต่อย่างไรก็ดี การออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากเสมอไป ถ้าไม่ว่างหรือมีเวลาน้อย ก็อาจขยับร่างกายเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นประจำสม่ำเสมอ ก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นการออกกำลังกายได้เหมือนกัน
5. งดอาหารไม่มีประโยชน์
อะไรที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ คนส่วนใหญ่จะชอบนักชอบหนา ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่มีประโยชน์นั่นแหละ แต่ก็ยังจะกิน ลองเปลี่ยนพฤติกรรมการกินลด ละ เลิกอาหารที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ลงบ้าง สิ่งที่จะเห็นได้ชัดเลยก็คือร่างกายจะแข็งแรงขึ้น เพราะถ้ากินอาหารที่ไม่มีประโยชน์บ่อย ๆ ก็จะทำให้อ้วนง่าย ถ้าอ้วนแล้ว โรคภัยอื่น ๆ ก็จะตามมา เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันอุดตัน โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ โรคเบาหวาน เป็นต้น แต่ละโรคเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ อีกด้วย
6. งดเหล้าและบุหรี่
เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าเหล้าและบุหรี่ไม่ใช่สิ่งที่ดีต่อสุขภาพ เมื่อร่างกายรับเข้าไปแล้วมีแต่จะเกิดผลเสียทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น อีกทั้งยังเป็นบ่อเกิดของโรคมากมาย ดังนั้นถ้าลด ละ เลิกได้ก็เป็นเรื่องดี
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าไม่คิดจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิตก็คงไม่ได้ประโยชน์อะไร แต่ถ้ารู้แล้ว ลองปรับ ลองเปลี่ยนแบบค่อยเป็นค่อยไป รับรองว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะเกิดเรื่องดี ๆ กับร่างกายของคุณอย่างแน่นอน
ความเห็น 19
เด็กบ้านวัง
ขอบคุณครับสำหรับข้อมูลดีๆ
04 ธ.ค. 2562 เวลา 23.07 น.
Maitri
กินแต่พอดี และเลือกกินอาหารหลายๆ ชนิด ร่วมกับการออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ ฟังเสียงของร่างกายเราเอง เพราะร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน
24 ธ.ค. 2562 เวลา 00.08 น.
zhiea
กินบ้านกินเมือง
แบบนักการเมือง
04 ธ.ค. 2562 เวลา 15.40 น.
Surapun
ข้าวเช้า ???? มีงานวิจัยอะไรที่ยืนยันว่าดี .. ผลวิจัยใหม่ ไม่ได้ยืนยันตามความเชื่อเดิมแล้วนะ คนไม่กินข้าวเช้าในโลกนี้มีมีเท่าๆหรือมากกว่าคนกินข้าวเช้า .. และผลวิจัยกลับต่างตากความเขื่อเสียด้วย
04 ธ.ค. 2562 เวลา 13.45 น.
Aof_Fortuner
มีชีวิตอยู่อยากแดกอะไรก้อแดกให้เต็มที่ตายไปแล้วจะไม่ได้แดก รู้แต่วันเกิดแต่ไม่รู้วันตาย
07 ก.ค. 2563 เวลา 13.31 น.
ดูทั้งหมด