‘เบอร์เกอร์คิง’ ส่ง ‘แบล็ก แอนด์ พิงค์’ เบอร์เกอร์ 2 สี 2 สไตล์เขย่าตลาด เริ่มต้น 79 บาท
ไม่มีคำว่าตกเทรนด์หรือตกกระแส สำหรับ “เบอร์เกอร์คิง” (Burger King) แบรนด์เบอร์เกอร์สัญชาติอเมริกัน ในเครือยักษ์ใหญ่ไมเนอร์ มีสาขาทั่วทิศทั่วไทย
หลังสร้างปรากฏการณ์ยอดฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง ล่าสุด “เบอร์เกอร์คิง” ได้นำเมนู “แบล็ก แอนด์ พิงค์ เบอร์เกอร์” กลับมาทำตลาดออกวางจำหน่ายอีกครั้งในทุกสาขา ตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน 2566 เป็นต้นไป
สำหรับ “แบล็ก แอนด์ พิงค์ เบอร์เกอร์” เป็นเบอร์เกอร์ “สองสี สองสไตล์” ที่เบอร์เกอร์คิง ต้องการเอาใจผู้บริโภคกลุ่มคนรุ่นใหม่ ในราคาที่เข้าถึงง่าย
โดย “เบอร์เกอร์สีดำ” หรือ แบล็ก วอปเปอร์ จูเนียร์ ที่มีให้เลือกทั้งเนื้อและหมู พร้อมซอสพริกไทยดำ ในราคา 149 บาท
ส่วน “เบอร์เกอร์สีชมพู” พิงค์ฟิชเบอร์เกอร์ เป็นเบอร์เกอร์ปลาอลาสก้า พอลล็อค พร้อมชีสเต็มแผ่น ราดด้วยซอสค็อกเทลสูตรพิเศษ ในราคาเพียง 79 บาท
“ธนวรรธ ดำเนินทอง” ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เบอร์เกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เล่าถึงการนำเมนูดังกลับมาขายอีกครั้งเนื่องจากปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคมีความต้องการที่หลากหลายในการมองหาความแปลกใหม่ และพร้อมใช้จ่ายไปกับการซื้อสินค้าและบริการที่ตอบสนองความพึงพอใจ เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ
“เบอร์เกอร์คิง ทำดำเนินธุรกิจในไทยมานาน มีเป้าหมายการเป็นแบรนด์ในใจของผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย จึงไม่หยุดพัฒนาและปรับโมเดลธุรกิจให้สอดรับกับวิถีชีวิตคนยุคใหม่ และสร้างการรับรู้เพื่อให้ผู้บริโภคมีประสบการณ์ร่วมไปด้วยกันกับแบรนด์ ที่ผ่านมาจึงมีการพัฒนาเมนูให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคคนไทยมากขึ้น” ธนวรรธกล่าว
ธนวรรธกล่าวต่อว่า โดยจะทำคู่ขนานไปพร้อมการทำแคมเปญการตลาดที่เป็นกระแสอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองต่อความต้องการพร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบให้ผู้บริโภค อาทิ ช็อกโกแลตคิง ครั้งแรกของโลกกับเบอร์เกอร์ขนมปังจากส่วนผสมช็อกโกแลตเฮอร์ชีส์หรือจะเป็น Ghost Burger ขนมปังสีดำชาร์โคลในช่วงเทศกาลฮาโลวีน หรือแคมเปญล่าสุด The Real burger เป็นกระแสถล่มทลายในโลกออนไลน์ เช่น The Real Cheeseburger เบอร์เกอร์ประกอบด้วยชีส 20 แผ่น และ The Real Meat Burger เบอร์เกอร์เนื้อ 100 ชิ้น ซึ่งจากกลยุทธ์การตลาดดังกล่าว ทำให้เบอร์เกอร์คิงขยายกลุ่มฐานลูกค้าใหม่ๆ ได้เพิ่มขึ้นกว่า 50%
จึงเป็นที่มาการนำเมนูยอดนิยมจากผลสำรวจของลูกค้าทางโซเชียลมีเดีย แบล็ก แอนด์ พิงค์ เบอร์เกอร์ กลับมาเขย่าวงการเบอร์เกอร์ให้กลับมามีสีสันอีกครั้ง โดยความพิเศษครั้งนี้มาในคอนเซปต์ “ไม่ว่าโหมดไหนก็อร่อย” นั่นเอง
“ทิศทางการทำตลาดในธุรกิจอาหารเริ่มยากขึ้นหลังจากเกิดบริการดิลิเวอรีที่สร้างเวทีให้กับผู้จำหน่ายอาหารที่ไม่ต้องมีหน้าร้านมากขึ้น จึงทำให้ผู้ประกอบการต้องทำการบ้านหนัก และเริ่มมีความท้าทายที่ต้องเข้าไปตอบโจทย์ให้หลากหลาย บริษัทจะมีกลยุทธ์ดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับลูกค้าปัจจุบันที่เริ่มกระจายไม่ได้บริโภคสินค้าเหมือนเดิม เช่น ช่วงวันหยุดไม่ได้เข้าห้างสรรพสินค้าแต่สั่งสินค้าหลากหลายช่องทางทำให้เราต้องขยายไปในทุกช่องทางทั้งเฟสบุ๊ก ไลน์ เดลิเวอรี่ ลาซาด้า เพื่อเข้าหาให้ครอบคลุมที่สุด” นายธนวรรธกล่าว
พร้อมย้ำว่า จากกลยุทธ์ดังกล่าว รวมถึงการเปิดประเทศ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาทำให้ทั้งปี 2566 มียอดขายเติบโต 20% จากปีก่อนหน้า และหากเทียบปีก่อนโควิดจะโตขึ้นดับเบิลดิจิต
ความเห็น 0