จากตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ถูกส่งต่อ ๆ กันมา ข่าวสารจากหลากหลายแหล่งเกี่ยวกับสถานการณ์ COVID-19 ในตอนนี้ที่เป็นจริงบ้างและเป็นเท็จอีกมาก ปัญหาของการรบรวมข้อมูลและสื่อสารมันอย่างมีประสิทธิภาพไปสู่บริโภคเป็นตัวกระตุ้นให้กับดีไซเนอร์และนักพัฒนากลุ่มนี้ริเริ่มโปรเจกต์เล็ก ๆ ที่ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามนี้ขึ้นมา
“COVID Tracker” เว็บไซต์จากทีม 5lab ที่ช่วยให้เราแทร็กการแพร่กระจายของไวรัสโควิดในประเทศไทยรวมถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่าง ๆ ในช่วงนี้กับทีมงานคนรุ่นใหม่เพียงแค่ 7 ชีวิตที่อยู่เบื้องหลัง วันนี้ LINE TODAY จะขอพาทุกคนไปรู้จักกับ เจนนี่ - รมิดา จึงไพศาล หนึ่งในเจ้าของโปรเจกต์นี้ และพูดคุยกับเธอถึงความเป็นมาเป็นไปของ COVID Tracker การใช้งานดีไซน์มาช่วยจัดการการสื่อสารข้อมูล รวมไปถึงอาชีพสุดคูลของเธอด้วย
อ่านจบแล้วคุณจะต้องรู้สึกเหมือนกับเราว่า “น่าดีใจจริง ๆ ที่มีคนคิดริเริ่มทำอะไรแบบนี้ขึ้นมา” : )
เจนนี่คือดีไซเนอร์สาวอายุ 24 ปีที่ทำงานกับทีม 5lab บริษัทรับออกแบบเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น มาตั้งแต่เธอเรียนจบจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เธอเล่าให้เราฟังว่าการค้นเจอความชอบของตัวเองรวมถึงสายอาชีพที่อยากทำเกิดขึ้นตอนที่เธอเรียนอยู่ปีสุดท้ายในมหาวิทยาลัย การได้ลงคอร์สเรียนที่ผูกการดีไซน์เข้ากับเทคโนโลยีคือความสนใจและแพสชั่นของเธอ และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เจนนี่เริ่มเดินสายนักออกแบบที่ควบบทบาทของนักพัฒนาฟรอนต์เอนด์ไปด้วย
"เอาจริง ๆ ว่าตอนเรียนเราก็ยังไม่รู้หรอกว่าตัวเองชอบอะไร เพราะคณะค่อนข้างเปิดกว้างเรื่องวิชาเลือก จนตอนที่เจนนี่ได้มาเรียนคอร์สที่พี่ใหม่ ผู้ร่วมก่อตั้ง 5lab มาเป็นอาจารย์พิเศษสอน เรื่องการโคดดิ้งขั้นพื้นฐาน เลยรู้สึกว่าได้เจอทางของตัวเอง บวกกับตอนเด็ก ๆ ที่เราเป็นคนชอบเล่นเกม ชอบการตกแต่งพวกธีมใน Hi5 นั่งปรับ HTML เราเคยสนุกกับอะไรอย่างนั้น พอได้กลับมาทำอีกครั้ง ก็รู้สึกว่าตัวเองถนัดกับมันและทำได้ดี จริง ๆ ตอนนั้นเราก็ไม่ได้คิดต่อหรอกว่ามันจะมีงานให้ทำไหม (หัวเราะ) แต่คิดแค่ว่าเดี๋ยวต่อไป เทคโนโลยีมันก็จะเริ่มสำคัญขึ้นเรื่อย ๆ ก็เลยรู้สึกว่าอาจเป็นทางเลือกที่ดีและยึดจากสิ่งที่เราชอบ"
ถึงจะไม่ได้เป็นภาพจำในวงกว้างสักเท่าไร แต่ตำแหน่งของนักพัฒนาเว็บไซต์ก็มีผู้หญิงที่ทำงานอยู่ในสาขาอาชีพนี้เยอะ ซึ่งเจนนี่บอกว่าความสนุกของมันอยู่ที่การได้ลองตีโจทย์ และการจับเอาเทคโนโลยีและการดีไซน์มาตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในขณะนั้น ซึ่ง COVID Tracker ก็เป็นหนึ่งในผลผลิตที่เธอต้องการช่วยอุดช่องโหว่ในเรื่องการสื่อสารข้อมูลระหว่างวิกฤตช่วงนี้
ข่าวปลอมและข้อมูลที่แพร่สะพัดคือจุดเริ่มต้นของ COVID Tracker
"มันมาจากการที่เราได้รับข่าวสารเยอะมากจนเรารู้สึกทุกอย่างมันล้นไปหมด ไอเดียนี้เกิดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม ตอนเย็นคุณแม่ก็ส่งข้อความมาบอกว่ามีคนติดโควิดอีกแล้ว คราวนี้อยู่ในตึกออฟฟิศของเราเลย ส่วนตัวเราก็เป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่แถว ๆ พื้นที่สุ่มเสี่ยงอยู่แล้วด้วย พอได้ยินข่าวว่ารอบ ๆ ตัวมีแต่คนติดเชื้อ เป็นข่าวที่ส่ง ๆ ต่อกันมาในแชท มันเลยกลายเป็นความรู้สึกที่ว่าจะเชื่ออะไรดี เราก็เลยคุยกันกับพี่ใหม่ (หัวหน้า) ว่าอยากลองทำสิ่งนี้ขึ้นมาจะดีไหม พอได้ไฟเขียว เจนนี้ก็เลยเริ่มรวบรวมข้อมูล พี่ใหม่ช่วยขึ้นโครง และสร้างเว็บขึ้นมาในวันนั้นเลย" เจนนี่เราให้เล่าฟังว่าตัวเว็บไซต์เกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วข้ามคืน และคนก็ให้ความสนใจอย่างมากจนมีผู้เข้าชมเว็บไซต์มากถึง 40,000 คนต่อนาที
"เวอร์ชั่นแรกใช้เวลาไม่นานมากเพราะมันยังไม่ได้มีฟีเจอร์อะไร เพราะเราตั้งใจจะทำออกมาใช้กันเอง แชร์กับเพื่อน ๆ แค่รวมข้อมูลที่ถูกต้องไว้ในที่เดียวกัน เวอร์ชั่นที่ออกต่อ ๆ มาเลยค่อย ๆ เพิ่มสิ่งที่จำเป็นเข้ามาทีละอย่าง จากตอนแรกที่ทำกัน 3 คน กลายเป็นว่าทั้งบริษัทเข้ามาช่วยหมดเลยค่ะตอนนี้ (หัวเราะ) เราไม่ได้นึกว่าจะมีคนมาสนใจมากขนาดนี้ ไม่ได้นึกด้วยซ้ำว่าทางหลังจากที่เราปล่อยเว็บออกไปแล้วจะทำยังไงกันต่อ เพราะมันเกิดขึ้นจากความตั้งใจที่อยากทำอะไรสักอย่างเพื่อที่จะช่วยให้คนเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องได้ง่ายขึ้น และใช้สกิลที่เรามีคือการ พัฒนาเว็บไซต์และดีไซน์มาช่วย จะใช้คำว่าวู่วามก็ได้ค่ะ (หัวเราะ)"
COVID Tracker เวอร์ชั่นปัจจุบัน
"ตอนนี้มีอาสาสมัครมาช่วยแปลเป็นอีก 4 ภาษาในเวอร์ชั่นปัจจุบันคือ อังกฤษ, ญี่ปุ่น, จีนแบบ simplified และจีนแบบ traditional มีฟีเจอร์ใหม่ที่เป็นหมุดรูปโรงพยาบาลเข้ามาเพิ่ม ซึ่งทางทีมก็รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาว่าโรงพยาบาลไหน ตรวจอะไร ค่ารักษาพยาบาลอยู่ที่เท่าไร เพราะตอนนี้เคสมันเริ่มเยอะขึ้นมาก ต่อให้แทร็กไปก็ไม่สามารถเดินทางไปไหนได้อยู่ดี ข้อมูลเรื่องการรักษาพยาบาล ถ้าติดเชื้อแล้วควรทำยังไงต่อ น่าจะเป็นประโยชน์กับตอนนี้มากกว่า
ส่วนด้านข้อมูลจะมี 3 แหล่งที่เราเอามา คือ 1. ข้อมูลทางการจากการประกาศของสาธารณสุขและสำนักข่าวใหญ่ ๆ 2. ข้อมูลจากศูนย์ anti fake news และ 3. ประกาศทางการจากองค์กรเอกชนและรัฐบาลต่าง ๆ ซึ่งทั้งหมดจะผ่านการคัดกรองโดยทีมงานก่อนที่จะอัปเดตขึ้นหน้าเว็บไซต์"
เราถามเจนนี่ว่ารู้สึกอย่างไรที่ทำให้คนตื่นตัวกับการรับข่าวสารและการที่เว็บไซต์ได้เป็นศูนย์กลางข้อมูลที่ช่วยสื่อสารข้อมูลในยามวิกฤต เธอบอกกับเราว่ารู้สึกดีที่ตนสามารถเป็นส่วนช่วยในเรื่องนี้ได้ "ถ้ามีคนที่สนใจเรื่องข้อมูลมากกว่านี้หรือมีใครที่รวมข้อมูลที่ถูกต้อง ตรวจสอบได้ มันจะทำให้ปัญหาเรื่องข่าวปลอมลดน้อยลงไปเลย อีกอย่างที่เรียนรู้เกี่ยวกับการทำโปรเจกต์นี้ก็คือการที่โซเชียลมีเดียมันพัดออกไปเร็วมาก เลยทำให้คนรับสารไม่ค่อยกรอง ซึ่งเราก็พยายามอย่างเต็มที่นะในการทำเว็บนี้ อาจจะยังไม่ได้บรรลุเป้าหมาย 100% เพราะความยากของการทำตัวแทร็กเกอร์คือเรื่องข้อมูล แต่ทิศทางหลังจากนี้น่าจะดีขึ้น..
ตอนนี้เรากำลังเตรียมข้อมูลเรื่องโรงพยาบาลและการรักษาอยู่ จริง ๆ มีองค์กร NGO ที่ทำส่วนนี้อยู่แล้วอาจจะเข้ามาร่วมกับเราด้วยในเชิงข้อมูลด้วย อยากสื่อสารเรื่องเตียงที่ไหนเหลือ เตียงที่ไหนขาด ข้อมูลเกี่ยวกับทรัพยากรทางการแพทย์ทั้งหลาย คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ในเฟสต่อไปค่ะ"
เราฝากคำขอบคุณจากทุกคนที่ใช้COVID Tracker ในการติดตามข่าวถึงเธอ และเจนนี่ก็พูดทิ้งท้ายประโยคสุดท้ายนี้ไว้ก่อนจบการสัมภาษณ์ว่า “ขอบคุณทุก ๆ คนเช่นกันค่ะ เรารู้สึกว่าอย่างน้อยได้ทำสักอย่างดีกว่าไม่ทำอะไรเลย” ติดตามข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับสถานการณ์โควิดในประเทศไทยได้ที่ https://covidtracker.5lab.co
ความเห็น 36
tad 🏖 4 U
BEST
เก่งจังครับ ขอบคุณนะครับ!
20 มี.ค. 2563 เวลา 13.10 น.
เกยูร ยอดปรีดา
BEST
ได้เดินตามความฝัน ได้ทำในสิ่งที่ชอบ.... ขอบใจ... ที่ทำสิ่งดีๆให้สังคม... เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากกก ขอให้หนูและทีมงานมีความสุขความเจริญนะคะ
20 มี.ค. 2563 เวลา 13.26 น.
Namfon
BEST
ชื่นชมค่ะ
20 มี.ค. 2563 เวลา 13.21 น.
👍👍👍
20 มี.ค. 2563 เวลา 13.14 น.
Wiwattanachai
ถ้าประเทศไทยไม่เห็นค่าผลงานน้อง พี่แนะนำให้ไปไต้หวันเลยครับ
20 มี.ค. 2563 เวลา 13.29 น.
ดูทั้งหมด