“โรตีดิบ” กับปรากฏการณ์ “อุปาทานหมู่” ของมนุษย์ยุคโซเชียล - จุดประเด็น

รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ชาวเน็ตไทยเพิ่งได้รู้จัก "โรตีดิบ" เทรนด์กินแป้งโรตีดิบไม่ผ่านการทอดที่กลายมาเป็นดราม่าด้วยความไม่ถูกหลักอนามัยทั้งปวง ดราม่าดังกล่าวมีต้นตอจากผู้ใช้ชื่อ “แม่เกด” อินฟลูเอนเซอร์ในแอปพลิเคชัน TikTok ที่รีวิวการกินโรตีดิบได้น่าอร่อย จนเหล่าแฟนคลับและฟอลโลเวอร์พากันไปตามรอยที่รถเข็นโรตีใกล้บ้าน ทำให้ #โรตีดิบ (หลายคนเปลี่ยนมาเรียกว่า #โรตีสด เพิ่มความน่ากินเข้าไปอี๊ก!) ฮิตติดลมบนทั้งใน TikTok และ Twitter 

ปรากฏการณ์ “อุปาทานหมู่” หรือการท้ากินตาม ๆ กันในโซเชียลไม่ได้เพิ่งมีในกรณีของ #โรตีดิบ แต่ในประเทศเจริญแล้วอย่างสหรัฐอเมริกาก็เคยมีเทรนด์ท้ากินน้ำยาซักผ้า! ซึ่งนำมาซึ่งความปวดหัวระคนเอือมระอาแก่ชาวเน็ต'เมกันอยู่พักใหญ่

Welp, 2020 is start of with a trsh trend "eating a raw Roti" becuase Some idol in tiktok done it.
Rn thai teenager will getting a diarrhea or and infection in the bloodstream from bacteria inside raw roti
Happy 2020 everyone #โรตีสด #โรตีดิบ #TrashTrends pic.twitter.com/SvTNjCKdYs

— That Riyo Lancer (@TMtheEQplusNerd) January 4, 2020

เอาไว้ซักผ้า แต่น่ากินเฉย

ราวต้นปี 2561 ที่ประเทศอเมริกาก็มีเทรนด์สุดเหวอเกี่ยวกับการกินของที่ไม่ควรนำมากินเหมือนกัน เหตุเกิดจาก “Tide Pods” ผลิตภัณฑ์ซักผ้าบรรจุแคปซูล ที่สามารถโยนเข้าเครื่องซักผ้าแล้วกดซักได้เลย ด้วยรูปร่างหน้าตาของเจ้า Tide Pods ที่มีสีสันสดใสและยั่วน้ำลาย (?) คนไม่รู้เกิดเข้าใจผิดหยิบกินเพราะคิดว่าเป็นขนมก็มี จึงกลายมาเป็นเทรนด์ตัดต่อภาพ Tide Pods เข้าไปในอาหารเพื่อล้อเลียนเหตุการณ์ดังกล่าว เลยเถิดไปทำให้คนจำนวนหนึ่งเข้าใจว่า Tide Pods สามารถนำมากินได้จริง ๆ เกิดเป็นแฮชแท็ก #TidePodChallenge ที่ชวนชาวเน็ตมากิน Tide Pods กันอย่างจริงจัง!

ด้วยเหตุนี้จึงมีการรณรงค์จากภาครัฐให้เด็ก ๆ และชาวเน็ตทั้งหลายคำนึงถึงอันตรายของการบริโภคน้ำยาซักผ้า นอกจากนี้แพล็ตฟอร์มที่เป็นศูนย์กลางของกระแส #TidePodChallenge อย่างเฟซบุ๊กและยูทูปเองถึงกับต้องลบเนื้อหาเกี่ยวกับชาเลนจ์ดังกล่าวออกไปจากระบบของตัวเอง กระแส #TidePodChallenge จึงค่อย ๆ หายไปจากโลกอินเทอร์เน็ต

จบเรื่องด้วยรายงานจากศูนย์ควบคุมสารพิษแห่งอเมริกา ที่ระบุว่าในปี 2017 นั้น มีผู้ป่วยจากการหยิบ Tide Pods เข้าปากไปกว่า 10,570 รายทีเดียว

โรตีดิบก็คือ “ดิบ” ไม่ใช่สด!

แม้ยังไม่มีรายงานจากกระทรวงสาธารณะสุขว่าโรตีดิบทำให้คนไทยป่วยไปแล้วกี่ราย แต่ทางกระทรวงฯ กรมอนามัย รวมถึงนักวิชาการหลาย ๆ คนก็ออกมาเตือนว่าโรตีดิบที่มีส่วนผสมจากแป้งเอนกประสงค์ เนย ไข่ไก่ เกลือ และนมข้นหวาน เมื่อกินดิบ ๆ ไม่ผ่านความร้อนจะเป็นสาเหตุให้ท้องอืด ท้องเฟ้อ อีกทั้งการกินของดิบก็อาจมีเชื้อแบคทีเรียอันตรายที่ทำให้ท้องร่วงได้ด้วย

เคราะห์ดีที่เทรนด์ #โรตีดิบ มีอายุสั้นหน่อย อาจเพราะนักวิชาการบ้านเราออกมาเตือนกันไว ล่าสุด “แม่เกด” ต้นตำรับโรตีดิบก็ออกมาอัดคลิปขอโทษชาวเน็ตเป็นที่เรียบร้อย ยุติไวรัลชวนมวนท้องไปได้ในเวลาอันสั้น

#InternetChallenge ท้ามาก็เอาหน่อย!

ไม่แปลกที่เมื่อมีไวรัลหรือเทรนด์ดัง ๆ ในอินเทอร์เน็ต เรื่องราวจะตามมาด้วยปรากฏการณ์ “อุปาทานหมู่” ที่ทุกคนในโซเชียลแห่ทำตามกันเป็นหมู่คณะ โดยเฉพาะในหมู่ “วัยรุ่น” ที่ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นประจำ

ผลวิจัยบอกว่าเหตุผลหลัก ๆ ที่เป็นบ่อกำเนิดของอุปาทานหมู่ดังกล่าวเกิดจากธรรมชาติของมนุษย์ที่มักต้องการเป็นที่ยอมรับ หรือพูดง่าย ๆ ว่าอยากจะเข้าแก๊งกับเขาด้วย วัยรุ่นยิ่งอายุน้อย ยิ่งได้รับอิทธิพลจากเพื่อนรุ่นเดียวกันมากเป็นพิเศษ ยิ่งถ้าบุคคลนั้นเป็นอินฟลูเอนเซอร์ หรือยูทูปเบอร์ที่มีชื่อเสียงยิ่งพร้อมเชื่อ ส่วนหนึ่งอาจเพราะสมองของเด็กวัยรุ่นมักโฟกัสไปที่การ“ลอกเลียนแบบ” มากกว่า ในช่วงอายุนี้ การเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่เด็ก ๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก จดไว้นะ เจ้าผู้ใหญ่!

ท้าทายขำขัน ดันกลายเป็นอันตราย

นอกจาก #โรตีดิบ และ #TidePodChallenge โลกเรายังเคยท้ากันกินผงอบเชยที่เอาเข้าปากได้ไม่กี่วินาทีก็ต้องพ่นทิ้ง ท้ากินลูกอม Mentos กับโค้กพร้อม ๆ กัน รวมถึงการท้ากินกลิตเตอร์วิบวับเพื่อให้ขับถ่ายออกมามีอุจจาระฟรุ้งฟริ้ง ยังไม่กล่าวถึงการนำปัสสาวะมารักษาโรคที่ยังเป็นที่ถกเถียงกันในวงการแพทย์จนถึงทุกวันนี้

การทำชาเลนจ์ ถ่ายคลิป แชร์ เพื่อร่วมสนุกในโลกโซเชียลไม่ใช่เรื่องผิดซักนิด กลับกันหลาย ๆ เทรนด์ก็เป็นเรื่องสร้างสรรค์ อย่างการถ่ายภาพก่อน-หลังเก็บขยะ หรือIce Bucket Challenge ที่มีขึ้นเพื่อกระตุ้นให้ทุกคนคำนึงถึงโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ที่ต่างสร้างผลักดันให้ชาวเน็ตรับรู้ว่าการทำความดีแทนการเล่นอะไรแผลง ๆ ก็เท่ได้ไม่ต่างกัน ที่สำคัญคืออย่าลืมใส่ใจความปลอดภัยของตนเอง และควรตระหนักถึงผลกระทบของสิ่งที่ตัวเองแชร์ออกไปเสมอนะ!

--

อ้างอิง

1 / 2 / 3 / 4 / 5