PM 2.5 กลับมาเปิดตัวต้อนรับศักราชใหม่ได้ยิ่งใหญ่เกรียงไกรกว่าเดิม ด้วยการพา กทม. ไปติดอันดับเมืองอากาศแย่ของโลกเป็นที่เรียบร้อยราวกับจะรีบทำคะแนนคัดตัวเหรียญทองโอลิมปิก ทั้งในรอบอาทิตย์ที่ผ่านมา รวมถึงวันนี้ (16 ม.ค. 63) ที่ค่าฝุ่นพุ่งสูงที่สุด ซึ่งคนไทยไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะคว้าหน้ากาก N95 เพื่อนยากมาปิดจมูก แล้วก้มหน้าก้มตาทำกิจกรรมในร่มตามคำแนะนำของรัฐแต่โดยดี
โดนฝุ่นทำร้ายซ้ำ ๆ ย้ำ ๆ กันขนาดนี้ ลองมาย้อนดูกันหน่อยว่าที่ผ่านมา ระหว่าง “ฝุ่น” กับ “รัฐ” ใครปล่อยหมัดได้โหดกว่ากัน บนสังเวียนที่มีปอดของคนไทยเป็นเดิมพัน! (แค่ก ๆ)
ยกแรก : ฝุ่นนำไปก่อน
สถานการณ์ฝุ่นหนักหนาจนคนไทยพากันป่วย โดยรายงานสถิติจากสำนักงานพัฒนาระบบบริการทางการแพทย์ มีผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ฝุ่นละอองของโรงพยาบาลในสังกัด กทม. ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย. 62 ถึง 9 ม.ค. 63 แล้ว จำนวนกว่า 38,803 ราย
ความร้ายกาจของเจ้าฝุ่นคือเมื่อหายใจเข้าไปนาน ๆ จะยิ่งสะสมในเนื้อเยื่อปอด ทำให้การทำงานของปอดเสื่อมประสิทธิภาพ นำมาซึ่งภูมิแพ้ หลอดลมอักเสบ หอบหืด และบรรดาโรคระบบทางเดินหายใจต่าง ๆ ดังนั้นช่วงนี้ถ้ารู้สึกว่าหายใจลำบาก แสบจมูก ป่วยบ่อย หรือแสบตา ทำยังไงก็ไม่หายซักที ให้สันนิษฐานว่าเป็นเพราะฝุ่นได้เลย
เรียกได้ว่าโหมทำลายล้างด้วยการโจมตีแบบคอมโบมาสองปีติด เลือดเย็นขนาดนี้ รัฐจะรับมืออย่างไรดี?
พักยก แล้วมาดูมาตรการขจัดฝุ่นจากทั่วโลก
เชื่อว่าผู้ประสบภัยจากฝุ่นทั้งหลายต่างก็ทำเต็มที่ในการป้องกันตัวเองจากฝุ่น ไม่ว่าจะใส่หน้ากากกันฝุ่นเป็นประจำ หมั่นล้างจมูก หรือถอยเครื่องกรองอากาศรุ่นใหม่ล่าสุดมาประดับบ้าน แต่หากพูดถึงการสกัดฝุ่นแบบองค์รวมที่ต้องพึ่งพาอำนาจรัฐ ต่างประเทศเขามีกลยุทธ์สกัด PM 2.5 อย่างไร เราสรุปตัวอย่างมาให้ ดังนี้
- ลอนดอน : ลอนดอนมีผู้เสียชีวิตจากมลพิษทางอากาศกว่า 10,000 คนต่อปีเลยทีเดียว รัฐบาลอังกฤษใช้วิธีประกาศให้บางเขตเป็นเขตควบคุมมลพิษและจำกัดการปล่อยควัน นโยบายนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ายังไม่โหดพอ และแก้ปัญหาได้เพียงเล็กน้อย
- จีน : อีกประเทศที่เคยตกอยู่ในภาวะฉุกเฉินด้านมลพิษทางอากาศ ต่อปีมีผู้เสียชีวิตจากโรคทางเดินหายใจกว่า 1.6 ล้านคน ซึ่งรัฐเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ทั้งสร้างพลังงานทดแทน และจำกัดจำนวนประชากรในเมืองใหญ่ ๆ ที่เป็นต้นเหตุสำคัญในการเกิดฝุ่น
- เซา เปาโล, ออสโล, ปักกิ่ง : เมืองใหญ่เหล่านี้เลือกวิธีแบนการใช้รถ เพื่อจำกัดการปล่อยคาร์บอนในศูนย์กลางของเมืองหลวง
- เกาหลีใต้ : ภัย “ฝุ่นเหลือง” ที่กรุงโซลเพิ่งประสบเมื่อปีที่แล้วนับว่าสาหัสที่สุดในประวัติศาสตร์เกาหลีเลยก็ว่าได้ ซึ่งทางการเลือกแก้ปัญหาด้วยการส่งข้อความแจ้งเตือนปริมาณฝุ่นให้ประชาชนรับรู้รายวัน รณรงค์ให้ใช้รถสาธารณะ และจำกัดการใช้รถส่วนตัว เพื่อลดตัวการเกิดฝุ่นให้ได้มากที่สุด
กลับมาที่ยกสอง : รัฐไทยพร้อมเอาคืน
เคราะห์ดีของปอดคนไทย ที่รัฐบาลออกแผนปฏิบัติการ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” รับมือฝุ่นจิ๋วมาตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 62 นอกจากนี้ยังประกาศหนักแน่นว่ามีแผนรับมือฝุ่นที่กำลังรอคลอด ซึ่งเราสรุปมาสั้น ๆ ดังนี้
- ตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยกให้การแก้ปัญหา PM 2.5 เป็นวาระแห่งชาติ ก็มีมาตรการเร่งด่วน เช่น ดักตรวจรถควันดำ และปรับเปลี่ยนการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของ ขสมก. อยู่เป็นระยะ
- นายกฯ ยังให้สัมภาษณ์กับสื่อเมื่อวันที่ 14 ม.ค. 63 ว่ารัฐพยายามเร่งแก้ปัญหาฝุ่นละอองทุกวิถีทาง รวมถึงขอความร่วมมือประเทศเพื่อนบ้านให้ลดการเผา เพื่อลดฝุ่นควันด้วย
- และเพราะตัวการเกิดฝุ่นใน กทม. มีที่มาจากยานพาหนะเป็นส่วนใหญ่ นายวรารุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ จึงได้ออกมาเกริ่นถึง “ยาแรง” แก้ฝุ่น ที่แม้จะยังไม่เปิดเผยข้อมูล แต่หลายฝ่ายคาดว่าน่าจะเกี่ยวกับการประกาศห้ามรถวิ่งในเขตเมืองแบบที่ประเทศเกาหลีใต้เคยทำ เพียงยังไม่ประกาศใช้จริง และจะดำเนินการในห้วงเวลาคับขันเท่านั้น
มาตรการอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ ก็มีการสั่งควบคุมการเผาในแต่ละจังหวัด รวมถึงการแจ้งค่าฝุ่นแบบเรียลไทม์ แต่โชคร้ายที่สภาพอากาศช่วงนี้มีความกดอากาศต่ำ ทำให้การเคลื่อนตัวของอากาศน้อยลง น้องฝุ่นจึงยังคงวนเวียนอยู่แถวน่านฟ้าประเทศไทย และอาจไม่รามือในเร็ววัน
ไม่รู้ว่าใครจะโดนน็อกก่อนกัน แต่ประชาชนอย่างฉันคงต้องดูแลตัวเอง
แม้หลายมาตรการของรัฐฟังดูเข้าท่า แต่ประชาชนส่วนมากยังคงไม่เชื่อมั่นในวิธีแก้ปัญหาของทางการ แถมดูแนวโน้มว่าศึกระหว่างฝุ่น PM 2.5 VS รัฐบาล จะไม่จบลงง่าย ๆ งานนี้คนเดินถนนอย่างพวกเราคงต้องดูแลตัวเองไปก่อน ขออย่าเพิ่งหยุดตื่นตัวในเรื่องสุขภาพ และช่วยกันผลักดันสังคม รวมถึงสร้างความตระหนักรู้ด้านมลพิษทางอากาศไปเรื่อย ๆ เพราะเราเชื่อว่า #อากาศดี จะกลับมาเยือนปอดคนไทยอีกครั้งแน่นอน อดทนไว้นะ!
--
อ้างอิง
ความเห็น 147
บุญส่ง
ควันไฟป่าจากออสซี่ ทำไมมั่วจัง จะหา%ไม่จบสิ้น
20 ม.ค. 2563 เวลา 08.18 น.
Tee S
https://bit.ly/2VIYd85
เราทุกคนมาช่วยกันแก้ PM 2.5ครับ
20 ม.ค. 2563 เวลา 06.21 น.
jumppyhigh
เบื่อไอ้พวกนักการเมืองโหนกระแสด่ารัฐว่าแก้ปัญหาpm2.5ไม่ได้แล้วไอ้ที่ไปเดินแจกหน้ากากน่ะแก้ได้มั้ย ให้ในกทม จำกัดไม่ให้รถวิ่งได้มั้ยล่ะ ถ้าแก็ได้ลอนดอนจีนโซลคงไม่มีปัญหาเหมือนวันนี้หรอก
19 ม.ค. 2563 เวลา 23.46 น.
Aekwood
สวดมนต์สิรอไร 555
19 ม.ค. 2563 เวลา 16.05 น.
BOM
ทหารด้านอยู่แล้วยังใงก็ไม่ไป
19 ม.ค. 2563 เวลา 11.59 น.
ดูทั้งหมด