ใครบ้างไม่เคยโกหก…
เชื่อหรือไม่..คนเรามีพรสวรรค์ในการโกหกและหลอกลวงอยู่เต็มเปี่ยม ไม่ต้องเรียน ไม่ต้องให้ใครสอน ทุกคนโกหกเป็นกันทั้งนั้น แต่จะแนบเนียนหรือโป๊ะแตกขึ้นอยู่กับการปูเรื่องและประสบการณ์การของแต่ละคน
ในเมื่อการโกหกฝังรากลึกอยู่กับคนเรามานาน หลายคนสงสัยว่าการโกหกมีต้นกำเนิดมาจากไหน ตั้งแต่มนุษย์ถือกำเนิดขึ้นมาเลยไหม โดยนักวิจัยจากสหรัฐอเมริกา สันนิษฐานว่าการโกหกเป็นพฤติกรรมที่เกิดหลังจากภาษาได้ถือกำเนิดขึ้นไม่นาน เรียกว่าพอสื่อสารได้ก็เริ่มโกหกกันเลย
ย้อนกลับไปในอดีตไม่มีข้อพิสูจน์ใด ๆ บ่งบอกว่าคนที่เริ่มโกหกคนแรกคือใคร และเรื่องอะไร แต่ที่แน่ ๆ ก็คือเราถูกหล่อหลอมมาด้วยคำพูดหลอกลวงมานานแสนนาน จนอาจเข้าใจได้ว่าคนส่วนใหญ่บนโลกนี้มีความเชี่ยวชาญเรื่องการโกหกพอ ๆ กับการกินข้าวสักมื้อเลยทีเดียว เพราะเราสามารถโกหกใครก็ได้ โดยไม่คำนึงว่าจะเป็นเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่ หรือจะโดนจับโกหกได้หรือไม่ก็ตาม
นั่นก็เพราะความสามารถในการโกหกเป็นหนึ่งในธรรมชาติของมนุษย์ ที่วางรากฐานไว้อย่างแน่นหนายิ่งกว่าอะไรทั้งปวง ทำให้คนหลายคนไม่ตะขิดตะขวงสักนิดในยามที่จะต้องโกหกใครสักคน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะไม่มีข้อบ่งชี้ใด ๆ ที่บอกว่ากำลังพูด “โกหก” เช่น โกหกแล้วจมูกไม่ได้ยาวขึ้นเหมือนพิน็อกคิโอ ฯลฯ ซึ่งเป็นสมมติฐานที่น่าเป็นไปได้ที่สุดว่าทำไมคนเราถึงยังโกหกกันอยู่เรื่อย ๆ
ถ้าถามว่า “ทำไมคนเราต้องโกหก” คงมีคำตอบได้ร้อยแปดพันอย่าง และอีกสารพัดเหตุผลมารองรับ
แต่ถ้าถามว่า “ไม่โกหกได้ไหม” หลายคนน่าจะทำหน้า งง แล้วคิดอยู่พักใหญ่กว่าจะได้คำตอบออกมาว่า “ได้” หรือ “ไม่ได้” ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะไม่มั่นใจตัวเองว่าทำได้ และอีกส่วนน่าจะเพราะโกหกจนเคยชินโดยไม่รู้ตัว
คนส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงการโกหกไม่ได้เลย แม้กระทั่งกับเด็กที่เพิ่งโตก็ยังเรียนรู้ที่จะโกหกได้ด้วยตัวเอง ซึ่งพ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะกังวลเมื่อลูกเริ่มพูดโกหก แต่นักจิตวิทยาเด็กได้ออกมายืนยันแล้วว่า “การโกหกของเด็กวัยหัดเดินคือสัญญาณยืนยันว่า สมองส่วนการคิดของพวกเขากำลังพัฒนา” ทำเอาพ่อแม่ตัดสินใจไม่ถูกเลยว่าจะดีใจหรือเสียใจ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการโกหกคือธรรมชาติของมนุษย์อย่างแท้จริง
แต่คนเราก็ฝืนธรรมชาติกันได้ ยังมีคนอีกมากบนโลกนี้ใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยการไม่โกหก แถมยังเป็นชีวิตที่ดีด้วย สิ่งที่พวกเขาเชื่อก็คือ การโกหกคือ “พฤติกรรม” ไม่ใช่ “ธรรมชาติ” และไม่มีใครที่ใช้ชีวิตได้อย่างดีด้วยคำโป้ปดมดเท็จ เพราะฉะนั้นการไม่โกหกย่อมดีกว่า
การโกหกในทางธรรม
หนึ่งในศีล 5 หรือก็คือมุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทังสะมาทิยามิ หมายถึงการละเว้นจากการพูดปด งดเท็จ พูดเพ้อเจ้อ พูดไม่อยู่กับร่องกับรอย ฯลฯ ซึ่งเป็นศีลข้อ 4 ที่แทบทุกคนมักรักษาไว้ไม่ได้ แม้จะเป็นศีลขั้นพื้นฐานของมนุษย์ก็ตาม แต่ศีลไม่ใช่ข้อห้ามอย่างที่ทุกคนเข้าใจ คนรักษาศีลไม่ใช่คนที่ถูกห้ามทำโน่นทำนี่ แต่เป็นคนที่มีเจตนางดเว้นการกระทำทางกายและวาจาที่จะสร้างความเดือดร้อนให้แก่คนอื่นเสียมากกว่า
แน่นอนอยู่แล้วว่าการโกหกถือว่าผิดศีล และเป็นบาป แต่ทำไมคนเรายังคงทำบาปด้วยการผิดศีลข้อ 4 กันอย่างต่อเนื่อง นั่นก็เพราะความเคยชิน ความตั้งใจ และ
แม้แต่การโกหกด้วยเจตนาดีเพื่อให้อีกคนสบายใจก็ยังถือว่าผิดศีล เพราะไม่ว่าจะเพื่ออะไรก็ยังถือเป็นการโกหกอยู่ดี จะยกเหตุใด ๆ มาอ้างก็หนีไม่พ้นการผิดบาปด้วยกันทั้งนั้น
การพยายามไม่โกหกเป็นสิ่งที่ต้องตั้งใจและปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง เพราะโดยธรรมชาติแล้วคนเรามีแนวโน้มที่จะโกหกมากขึ้นเรื่อย ๆ จากเรื่องเล็ก ๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่ และยิ่งถ้าได้เริ่มโกหกเมื่อไหร่ ก็ยากที่จะไม่กลายเป็นโกหกคำโตไปได้ ดังนั้นอย่าปล่อยให้สัญชาตญาณครอบงำ มีสติกับทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิต อย่าลืมว่านอกจากจะผิดศีลแล้ว ยังทำบาปโดยรู้ตัวอีกด้วย
ความเห็น 15
BEST
ชีวิตจริงคนส่วนใหญ่ไม่ชอบคนพูดเรื่องจริงกันทั้งนั้น แต่ชอบคนที่พูดในสิ่งที่ตัวเองอยากได้ยินมากกว่า. คนที่พูดเก่งๆให้คนคล้อยตามได้จึงมักมีคนชอบ มากกว่าคนที่พูดแต่เรื่องจริง
15 ส.ค. 2561 เวลา 00.44 น.
Iy 😁
โกหกไม่ดี แต่บางทีก็ต้องถนอมน้ำใจอีกฝ่าย
เหมือนหัวหน้าหลอกว่าคุณทำงานเก่ง ผ่านไปหลายปีตำแหน่งงานของคุณก็ยังเท่าเดิม ไม่มีเพิ่มเติม เงินเดือนเท่าเดิม
14 ส.ค. 2561 เวลา 13.14 น.
Poppy Stitch Meow
โกหก ผิดทั้งนั้น ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร
14 ส.ค. 2561 เวลา 13.22 น.
Another Dimension
ทำไมคนต้องโกหก???
ทำความผิด > กลัวความผิด > จึงโกหก
การรักษาศีลห้า ข้อ 4 มุสา > จึงเริ่มจากไม่ทำความผิด > จึงไม่ต้องกลัว > จึงไม่ต้องโกหก
การโกหกเป็นบาป > เพราะ บาป คือการทำให้จิตใจเราสกปรก หม่นหมอง ตรงข้ามกับ บุญ คือเครื่องชำระจิตใจเราให้สะอาด ผ่องแผ้ว
การทำความผิด ก็ทำให้จิตใจเราสกปรก
จิตใจที่หวาดกลัว ก็เป็นจิตใจที่หม่นหมอง
การโกหก ก็ทำให้จิตใจสะสมสิ่งสกปรกและหม่นหมองไปด้วยกัน ....
15 ส.ค. 2561 เวลา 10.50 น.
@...
การโกหกก็เปรียบดั่งเหมือนว่าเป็นการที่ได้บิดเบือนกับในความเป็นจริงที่เกิดขึ้น และก็ต้องย่อมที่จะผิดต่อในข้อของศลี5อย่างแน่นอน.
14 ส.ค. 2561 เวลา 20.00 น.
ดูทั้งหมด