ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติไม่ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการใช้ศึกษาผลกระทบจากประกาศคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44 ไปเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมี 10 เสียง ส.ส.ฝ่ายค้านมาช่วยเป็นองค์ประชุมนั้น
แต่ในส่วนของ 6 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ลงมติเห็นด้วยให้ตั้ง กมธ.ดังกล่าว ยังคงลงมติยืนยันตามเดิม 4 ราย ประกอบด้วย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง , นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช , นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี ขณะที่ นางกันตวรรณ ตันเถียร ส.ส.พังงา และนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ส.ส.ตาก ร่วมแสดงตนเป็นองค์ประชุม แต่ไม่ออกเสียงลงมติ สร้างความไม่พอใจให้กับแกนนำระดับสูงของรัฐบาลเป็นอย่างมาก เนื่องจากได้มีการกำชับกับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค เพื่อให้ควบคุมการลงมติของลูกพรรค ทั้งในระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และในช่วงงานเลี้ยงสังสรรค์พรรคร่วมรัฐบาล เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.แล้ว และมีการระบุด้วยว่าหากไม่สามารถควบคุมองค์ประชุมสภาฯและควบคุม ส.ส.รัฐบาลได้ก็อาจจำเป็นต้องยุบสภา
แต่ผลปรากฏว่าทางพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังไม่สามารถควบคุม ส.ส.ในสังกัดได้ และไม่มีทีท่าว่าจะมีมาตรการลงโทษใดๆ ออกมา อีกทั้งยังปล่อยให้ ส.ส.และผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเห็นโจมตีรัฐบาลบ่อยครั้ง ที่สำคัญการทำงานของรัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์ที่ผ่านมา ก็ไม่เข้าขาและมีปัญหากับพรรคร่วมรัฐบาลหลายกรณี ทั้งในส่วนของกระทรวงเศรษฐกิจ รวมไปถึงกรณีการแบน 3 สารเคมีทางการเกษตร จึงเริ่มมีความเห็นพ้องกันของแกนนำระดับสูงในรัฐบาล ในการที่จะปรับพรรคประชาธิปัตย์ออกจากรัฐบาลในการปรับ ครม.ที่คาดว่าจะมีขึ้นในช่วงต้นปี 2563 หรือภายหลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
"เชื่อว่าถ้าปรับพรรคประชาธิปัตย์ออกจากรัฐบาล ก็จะยังมี ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ส่วนใหญ่ไม่ต่ำกว่า 30 คน ยังอยู่ร่วมรัฐบาล ส.ส.กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ใกล้ชิดกับ นายสุเทพ เทือกสุวรรณ อดีตรองนายกฯ และอดีตเลขาธิการ กปปส. ที่สนับสนุนให้ร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐตั้งแต่ต้น" แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุ
แหล่งข่าว ยังได้กล่าวถึงการแก้ปัญหาไม่ให้กลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยด้วยว่า เสียงที่อาจจะหายไป 20-30 เสียงนั้น จะทดแทนด้วยเสียงของ ส.ส.บางส่วน ของพรรคเศรษฐกิจใหม่, พรรคอนาคตใหม่, พรรคประชาชาติ และพรรคเพื่อชาติ รวมแล้วราว 10 เสียง จึงมีการประสานระหว่างแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ไปยังผู้บริหารระดับสูงของพรรคเพื่อไทย ที่มีความคุ้นเคยกัน เพื่อทาบทามให้นำ ส.ส.จำนวนหนึ่งราว 20-30 เสียง ทั้งที่มีการดูแล หรือฝากเลี้ยงไว้อยู่แล้ว รวมกับบางส่วนที่ไม่กังวลกระแสต่อต้านในพื้นที่ ให้เข้ามาแทนที่เสียงของพรรคประชาธิปัตย์ที่ขาดหายไป โดยมีการเสนอตำแหน่งรัฐมนตรี และตำแหน่งอื่นในฝ่ายบริหารให้ตามสัดส่วนจำนวน ส.ส.ที่เข้ามาร่วมกับรัฐบาลด้วย
นอกจากนี้ ยังมีการพูดคุยกันว่า ในอนาคตอาจจะดึง ส.ส.เพื่อไทย เข้ามาช่วยงานรัฐบาลเพิ่มมากขึ้น หากยังประสบปัญหาความไม่เข้าขากันของ พรรคพลังประชารัฐ กับพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งพรรคภูมิใจไทย
ทั้งนี้ รายงานข่าวแจ้งว่า แกนนำพรรคเพื่อไทยได้นำประเด็นดังกล่าวไปหารือ และขอความเห็นชอบจาก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ฮ่องกง เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว แต่ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน
ความเห็น 43
Thiti
ปรับไปดึงใครเข้ามาก็ไร้ประโยชน์ตราบใดที่ผลงานของนายกกับทีมเศรษฐกิจที่ห่วยแตกสุดๆแบบนี้
08 ธ.ค. 2562 เวลา 15.45 น.
WUT
ทะเลาะกันจะเอาเป็นเอาตาย.พอมีตำแหน่งทุกอย่างจะเงียบ
08 ธ.ค. 2562 เวลา 15.52 น.
เก่ง..มาจากไหนก็แพ้.
ก็ดี จะได้แบ่งฝังไปชัดเจน ไหนเลวไหนดี จะได้เลิกแอบสักที
08 ธ.ค. 2562 เวลา 15.40 น.
ปรากฏการณ์ ก่อนการล่มสลาย บางอย่าง
08 ธ.ค. 2562 เวลา 15.48 น.
KANUENGSAG
พากันเป็นบ้าไปหมดเเล้ว. คิดว่าปชช.จะเห็นด้วยเรอะเขาเป็นคนเลือกสส.เข้าไปเพราะอะไร. อยู่ดีๆจะไปเปลี่ยนขั้วง่ายๆ เลือกคราวหน้าเอวังสูญพันธุ์แน่นอน
08 ธ.ค. 2562 เวลา 15.54 น.
ดูทั้งหมด