วันนี้ (1 ม.ค.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้โพสต์ข้อความกรณีมีภาพข่าว ในสื่อสังคมออนไลน์อย่างกว้างขวาง กรณีพล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พยายามเกลี้ยกล่อมให้ผู้ขับขี่รถยนต์รายหนึ่ง เป่าเครื่องวัดปริมาณแอลกอฮอล์ หลังขับรถยนต์เข้ามาด่านตรวจแต่ขัดขืนด้วยการไม่ยอมเป่าเครื่องวัดให้ถูกวิธี และอ้างเหตุผลต่างๆ นานกว่า 30 นาที ซึ่งจากการตรวจสอบภายในรถ พบขวดเหล้าถูกดื่มไปแล้วครึ่งขวด และต่อมาได้มีการส่งตัวชายดังกล่าวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายนั้น
กองบัญชาการตำรวจนครบาล ขอเรียนชี้ข้อมูลเพิ่มเติม หลังจากพนักงานสอบสวนได้ส่งตัวไปฟ้องต่อศาลแขวงดอนเมืองแล้ว ปรากฏรายละเอียดดังนี้ ในคำฟ้องของพนักงานสอบสวน ได้ระบุว่าพฤติการณ์ของผู้ต้องหา เป็นการกระทำความผิด 1.ข้อหาขับขี่รถในขณะเมาสุรา ตามพ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2542 มาตรา 43 (2) ซึ่งห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น โดยบทกำหนดโทษเป็นไปตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2542 มาตรา 160 ตรี ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 43 (2) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้น มีกำหนดไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
2. ข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานที่ให้ทำการทดสอบผู้ขับขี่ ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2542 มาตรา 142 วรรคสอง ในกรณีที่เจ้าพนักงานจราจร พนักงานสอบสวน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่เห็นว่าผู้ขับขี่ฝ่าฝืนมาตรา 43 (1) หรือ (2) ให้เจ้าพนักงานจราจร พนักงานสอบสวน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่สั่งให้มีการทดสอบผู้ขับขี่ดังกล่าวว่าหย่อนความสามารถในอันที่จะขับ หรือเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่นหรือไม่ โดยบทกำหนดโทษเป็นไปตาม มาตรา 154 (3) ผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานจราจร พนักงานสอบสวน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 142 วรรคสอง ต้องระวางปรับครั้งละไม่เกิน 1,000 บาท
ทั้งนี้ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2542 มาตรา 142 วรรคสอง ได้บัญญัติว่า ในกรณีที่มีพฤติการณ์อันควรเชื่อว่าผู้ขับขี่ขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น หากผู้น้ันยังไม่ยอมให้ทดสอบตามวรรคสามโดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้น้ันฝ่าฝืน มาตรา 43 (2) (สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้นั้นขับขี่รถในขณะเมาสุรา แม้ไม่ยอมทดสอบ)
เจอจำคุก 2 เดือน-คุมประพฤติ-ยึดใบขับขี่
โดยพนักงานสอบสวนได้บรรยายพฤติการณ์การกระทำความผิดของชายคนดังกล่าวโดยละเอียด และได้เสนอให้ศาลพิจารณาสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ ไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ ซึ่งภายหลังจากศาลได้สอบคำให้การ และจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลพิพากษา ดังนี้ 1.จำคุก 2 เดือน และปรับ 20,000 บาท ข้อหาขับขี่รถในขณะเมาสุรา 2.ปรับ 1,000 บาท ข้อหาขัดคำสั่งเจ้าพนักงานจำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 เดือน ปรับ 2 ข้อหารวม 10,500 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี
นอกจากนี้ยังพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ 6 เดือน นอกจากนี้ ให้คุมประพฤติจำเลยเป็นเวลา 1 ปี, ให้บำเพ็ญประโยชน์ 24 ชั่วโมง, เข้าอบรมความรู้เกี่ยวกับจราจร 1 ครั้ง, ห้ามออกจากที่พัก ระหว่างเวลา 22.00 น.-04.00 น. เป็นเวลา 15 วัน ทั้งนี้ได้มีการติดเครื่องติดตามบุคคลที่บริเวณข้อเท้าสำหรับคุมประพฤติจำเลยรายดังกล่าว เพื่อให้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลโดยเคร่งครัดอีกด้วย
กองบัญชาการตำรวจนครบาล จึงเรียนชี้แจงมายังพี่น้องประชาชนให้ทราบถึงข้อกฎหมายและโทษที่เกี่ยวข้องกับกรณีการขับรถในขณะเมาสุราและการขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงานให้ทำการทดสอบ และขอรณรงค์พี่น้องประชาชนให้ช่วยกันลดอุบัติเหตุทางท้องถนนในช่วงเทศกาลโดยการ เมาไม่ขับ ไม่ขับเร็ว และปฏิบัติตามกฎจราจรโดยเคร่งครัด
ความเห็น 11
ພີຮພງສື
เป็นไงพวกหัวหมอ หัวหมา อ้างสิทธิ์ไม่ยอมเป่า ถ้าไม่เมาก็เป่าไปก็จบ ไอ้ที่ไม่ยอมเป่า เมาทั้งนั้น สมควรโดน
01 ม.ค. 2561 เวลา 13.45 น.
Narongsak Phoaong
บทลงโทษต้องเอาให้หนักครับ ไม่ใช่สารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง แถมรอลงอาญาอีก ไม่งั้นก็จะมีฆาตกรบนท้องถนนคนต่อไปเรื่อยๆ
01 ม.ค. 2561 เวลา 13.46 น.
เมาแล้วขับควรยกเลิกโทษปรับ จับเข้าคุกอย่างเดียวแล้วก็ไม่ต้องลดโทษ ถ้ายึดรถด้วยยิ่งดี
01 ม.ค. 2561 เวลา 13.54 น.
Nuengtawan S
ไม่ยอมเป่าจำคุก5ปีปรับ100000ไม่รออาญาลองออกกฏนี้ซิแต่ถ้าเป่าก็ว่าไปตามกฏหมาย
01 ม.ค. 2561 เวลา 14.32 น.
ake
แม่งแก้ที่ปลายเหตุ ลองตรวจใบอนุญาติเปิดสถานบริการ รับรองรร้านหายเพียบ80% คนกินเหล้าก็ลดน้อยลง
01 ม.ค. 2561 เวลา 14.46 น.
ดูทั้งหมด