เรื่องที่แน่นอนที่สุดในชีวิตคนเราก็คือ “ทุกคนเกิดมาต้องตาย” ไม่มีใครหลีกหนีสัจธรรมข้อนี้ได้พ้น แต่จะมีสักกี่คนที่กล้าและพร้อมเผชิญหน้ากับความตาย
ทุกคนมักคิดว่า “ความตายเป็นเรื่องไกลตัว ยังอีกนานกว่าจะตายกันไปข้าง” แต่จริง ๆ แล้วความตายติดตามไปทุกที่ ไม่มีใครเลือกได้ว่าจะตายตอนไหน ตายอย่างไร เพราะฉะนั้นคงไม่แปลกที่เราจะเตรียมตัวตายเพื่อจะได้ไม่ต้องมีห่วงกังวลกับอะไรก็ตามที่อยู่ข้างหลัง
จะเตรียมตัวตายได้อย่างไร
ความตายเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญ จะหลีกเลี่ยงหรือหลบหนีไม่ได้เป็นอันขาด และจริงอยู่ที่คนเราไม่สามารถรู้ได้ว่าจะตายเมื่อไหร่ อย่างไร อาจตายแบบรู้ตัว ป่วยตาย หรืออยู่ดี ๆ ก็เกิดอุบัติเหตุตายไปแบบไม่รู้ตัวก็เป็นได้ โดยพระพุทธศาสนาสอนว่าถ้าเผชิญความตายด้วยใจสงบหรือวางจิตให้เป็นกุศลได้ จิตก็จะนำไปสู่สุคติ ซึ่งการเตรียมตัวที่จะตายนี่แหละ ที่จะทำให้เรากล้าเผชิญหน้ากับมัน
บางคนคิดว่าการเตรียมตัวตายเป็นการแช่ง เป็นเรื่องอัปมงคล แต่ถึงอย่างไรคนเราก็ต้องตาย และเพื่อให้คุ้นชินกับความตายที่จะเกิดขึ้นทั้งกับตัวเราเองและคนใกล้ชิด การนึกถึงความตายอยู่เนือง ๆ ก็เป็นการเตือนสติตัวเองได้ดีอย่างหนึ่ง ให้เราพร้อมที่จะรับมือกับความตายอย่างมีสติมากขึ้น
ตายแล้วไปไหน
ตามหลักพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าได้กล่าวถึงความตายไว้ว่า “ความตายที่แท้จริงนั้นไม่มี การที่ร่างกายเสื่อมสลายหายไป เป็นเพียงการแตกสลายแยกกันไปของธาตุที่เคยรวมกันอยู่ เหลือเพียงดวงจิตของเราซึ่งจะท่องไปตามเหตุ ตามกรรม ในต่างวาระ นั่นก็คือการเวียนว่ายตายเกิด”
ด้วยเหตุนี้ คนเราเมื่อตายแล้วก็ต้องไปตามกรรมของตน ทำกรรมดีก็ไปสู่ภพภูมิที่ดี ทำกรรมชั่วก็เวียนว่ายตายเกิดต่อไป และหากทำกรรมดีโดยปราศจากกิเลสทั้งปวง ก็นำไปสู่ “นิพพาน” หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ซึ่งถือเป็นความสุขอันแท้จริงยิ่งใหญ่และเป็นจุดหมายสูงสุดในทางพระพุทธศาสนา
เมื่อความตายไม่ไกลตัว
จริง ๆ แล้วสิ่งที่แน่นอนอย่างความตายไม่ใช่อะไรที่ไกลตัวเลย แต่กลับเป็นเรื่องที่เราต้องเตือนตัวเองตลอดเวลาว่าไม่มีใครหนีความตายพ้นและทุกคนต้องตาย เพื่อที่เราจะได้เตรียมตัวตายอย่างมีสติ
เตือนสติตัวเองให้รู้ว่าคนเราเกิดมาต้องตาย จริง ๆ แล้วนี่คือเรื่องปกติที่ทุกคนต้องรู้และเข้าใจ แต่น้อยคนที่จะคิดถึงเรื่องนี้ บางคนใช้ชีวิตอย่างประมาท เลื่อนลอย ไร้จุดหมายก็เพราะส่วนหนึ่งยังไม่คิดว่าตัวเองจะตายในเร็ววันนี้ ถึงแม้ความตายจะไม่เคยเลือกสถานที่และเวลา แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่คิดว่าความตายเป็นเรื่องไกลตัว สุดท้ายพอใกล้ตายเข้าจริง ๆ ก็มีห่วง มีบ่วงทำให้จากไปอย่างไม่สงบ
สิ่งสำคัญคือต้องวางแผนว่าชีวิตจะจบลงอย่างไร “เมื่อเราไม่อยู่แล้ว คนข้างหลังจะอยู่อย่างไร” เป็นความห่วงอันดับต้น ๆ ของแทบทุกคน ซึ่งถ้านี่คือห่วงของคุณ ก็ต้องคลายห่วงต่าง ๆ เหล่านี้เสียก่อน ด้วยการลองคิดเล่น ๆ ว่าเราจะเตรียมอะไรไว้สำหรับลูกหลานและคนรอบตัวได้บ้าง เช่น พินัยกรรม วิธีการเข้าถึงทรัพย์สิน เอกสารต่าง ๆ ฯลฯ อย่าลืมว่าเมื่อคุณไม่อยู่แล้ว คนข้างหลังไม่มีวันรู้หรอกว่าคุณมีบัญชีลับไว้ที่ไหนบ้าง ทีนี้พอจัดการทุกอย่างเรียบร้อย จะจากไปเมื่อไหร่ ก็หมดห่วงแล้ว
จะใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีความสุขได้อย่างไร เมื่อเตรียมตัวที่จะตาย ก็แปลว่าเราได้ตระหนักแล้วว่าชีวิตนี้มันสั้นนัก และมีเวลาเหลืออีกไม่นาน ทำให้เราใช้ชีวิตในทุกวันอย่างรู้คุณค่า และมีสติในทุกย่างก้าว ไม่เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง มีจุดโฟกัสที่ชัดเจนให้กับชีวิต จากนั้นก็จะรู้เองว่าจะใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีความสุขได้อย่างไร
ในที่สุดแล้วคนเราก็หนีความจริงไปไม่พ้น จะเตรียมหรือไม่เตรียม ทุกคนก็ต้องตาย เพราะฉะนั้นถ้าเลือกได้ก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้ พร้อมรับความตายอย่างมีสติ ดีกว่าตายแบบตระหนก ทุรนทุราย พาลทำให้ชีวิตช่วงสุดท้ายเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน..
ความเห็น 137
0-CHA-T
BEST
ก่อนที่จะตาย....
ก็ขอ ไป ขจัดไฟ 3กอง ที่คอยเผาไหม้ ดวงจิตเรา
ให้เหลือน้อยที่สุด หรือแทบไม่มีเลย
นั้นก็คือ โลภ โกรธ หลง....
อย่าเอาไปด้วย ในเวลา ที่จะตาย
02 ก.พ. 2561 เวลา 23.58 น.
P.S
BEST
เข้าใจแล้วว่าชีวิตนี้สั้นนัก
02 ก.พ. 2561 เวลา 23.47 น.
มาลินี เคร่งครัด
คิดอยู่เสมอว่าเกิดมาแล้วต้องตายไม่ช้าก็เร็วบางทีคิดแล้วก็ใจหาย
02 ก.พ. 2561 เวลา 14.52 น.
George
ถึงนาฬิกาจะแพงแค่ไหน ตายไปก็เอาไปไม่ได้ เหลือไว้แต่ความดี ความไม่ดี เมื่อตายแล้วคนจะบอกต่อๆกันไป
03 ก.พ. 2561 เวลา 01.19 น.
🤍
ชีวิตนี้น้อยนัก"แต่"สำคัญนัก
03 ก.พ. 2561 เวลา 00.39 น.
ดูทั้งหมด