จุฬาฯเผยผลทดลอง ‘วัคซีนโควิด-19’ ในลิงได้ผลดีมาก เตรียมส่งโรงงานผลิตทดลองในคน คาดแล้วเสร็จ พ.ย.นี้ เริ่มฉีดเฟส 1 ไม่เกินปลายปี’63
เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ที่โรงพยาบาล (รพ.) จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ศ.นพ.สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้อำนวยการ รพ.จุฬาฯ และพร้อมด้วย ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผู้อำนวยการบริหารโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ แถลงความคืบหน้าการพัฒนาและผลการทดสอบวัคซีนโควิด-19 ในลิงเข็มที่ 2 พร้อมเปิดแผนการเดินหน้าทดสอบในมนุษย์ (จิตอาสา)
ศ.นพ.สุทธิพงศ์ แถลงว่า เป็นครั้งแรกที่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ แถลงข่าววัคซีนอย่างเป็นทางการ และในวันนี้มีความชัดเจนของการดำเนินการวิจัยที่มาก โดยการระบาดโควิด-19 ทั่วโลก ที่ผ่านมา รพ.จุฬา ได้มีการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 กว่า 200 ราย แต่เป็นการรักษาปลายน้ำ จึงคิดค้นการป้องกันด้วยวัคซีน ในความพร้อมของศูนย์วัคซีนจุฬาฯ มีทีมนักวิจัยได้พัฒนาร่วมกันมามากว่า 15 ปี ในครั้งนี้จึงมีการวิจัยวัคซีนโควิด-19
ศ.นพ.เกียรติ แถลงว่า การพัฒนาวัคซีนที่ชื่อว่า CHULA-Covid19 เป็นการพัฒนาวัคซีนชนิด mRNA โดยผลิตจากสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโควิด-19 บางส่วน เพื่อผลิตใช้ในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันชนิดแอนติบอดี้เพื่อต่อสู้กับไวรัส ก่อนหน้านี้ มีการทดลองในหนูได้ผลดีเกินคาด จึงเริ่มทดลองต่อในลิง ทั้งนี้การทดลองฉีดเข็มที่ 2 เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน จนถึงวันนี้รวมระยะเวลากว่า 45 วัน พบว่าลิงทั้งหมด 13 ตัว ได้ภูมิคุ้มกันในระดับที่ 5,000 ไตเตอร์ (Titers) ซึ่งเป้าหมายคือ จะต้องมีภูมิคุ้มกันอย่างน้อย 1: 100 ไตเตอร์ จึงจะควบคุมเชื้อไวรัสได้ทั้งในปอดและโพรงจมูก
“ยอมรับว่าผลทดลองในลิงออกมาสวยมาก แต่ผลการพัฒนาจากการทดลองในหนูไปสูงลิง ระดับภูมิคุ้มกันตกไป 10-20 เท่า เนื่องจากขนาดตัว และสภาวะการสร้างภูมิคุ้มกันในสัตว์ที่ต่างกัน จึงคาดว่าการทดลองในมนุษย์คงลดจากลิงไปอีก 5-10 เท่า” ศ.นพ.เกียรติ กล่าวและว่า หลังจากนี้จะส่งวัคซีน 2 ตัว ที่มีสารพันธุกรรมต่างกันเล็กน้อยไปผลิตที่โรงงานเพื่อนำมาทดลองใช้ในมนุษย์ ถ้าตัวไหนผลิตได้จำนวนมาก ก็จะเลือกใช้ตัวนั้น โดยใช้ 2 โรงงาน ซึ่งได้จองเรียบร้อยแล้ว โดยกำหนดคาดว่า 2 สัปดาห์หน้าจะส่งไปยังโรงงานแรกที่สหรัฐอเมริกา เพื่อผลิตเนื้อวัคซีน mRNA คาดว่าในต้นเดือนตุลาคมนี้ จะผลิตเนื้อวัคซีนแล้วเสร็จ และโรงงานที่ 2 ผลิตตัวเคลือบ คาดว่าจะส่งไปในช่วงเดือนพฤศจิกายน และเมื่อได้วัคซีนที่สำเร็จแล้ว จะต้องนำมาฉีดทดลองซ้ำในหนูอีกครั้ง เพื่อยืนยันความปลอดภัย และเพื่อให้คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีความมั่นใจ
ศ.นพ.เกียรติ กล่าวถึงการทดลองฉีดในมนุษย์ว่า ขณะนี้ยังไม่เปิดรับอาสาสมัครใดๆ เนื่องจากยังไม่ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยของวัคซีนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แต่ในหลักการตามแผนแล้ว การทดลองในมนุษย์ระยะที่ 1 จะเริ่มในช่วงไม่เกินปลายปีนี้ ใช้อาสาสมัครทั้งหมด 150 คน แบ่งกลุ่มเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 75 คน กลุ่มที่ 1 อายุ 18-60 ปี และกลุ่มที่ 2 อายุ 60 ปีขึ้นไป ทั้งนี้จะฉีดในปริมาณวัคซีนที่ 10 ไมโครกรัม (มคก.) 30 และ 100 มคก. และระยะที่ 2 ใช้อาสาสมัคร 500-1,000 คน ใช้วัคซีนประมาณ 10,000 โดส
ศ.นพ.เกียรติ กล่าวว่า ในการทดลองฉีดในมนุษย์ของทีมจุฬาฯ ได้คิดวิธีการให้วัคซีนในมนุษย์ที่ต่างจากที่อื่น โดยระยะที่ 1 เริ่มในกลุ่มที่ 1 อายุ 18-60 ปี จำนวน 75 คน จะมีการแบ่งการฉีดกลุ่มที่ 1 จำนวน 15 คน ในปริมาณ 10 มคก. หากมีจำนวน 6 คน ที่ได้ผล ก็จะเริ่มฉีดกลุ่มที่ 2 จำนวน 15 คน ในปริมาณ 30 มคก. และกลุ่มที่ 3 จำนวน 15 คน ในปริมาณ 100 มคก. โดยใน 3 กลุ่มนี้ จะให้วัคซีนเข็มที่ 2 เพื่อการกระตุ้นภูมิคุ้มกันในปริมาณที่เท่ากับเข็มที่ 1
“แต่สิ่งที่แตกต่างจากที่อื่นคือ ทางทีมวิจัยได้คิดค้นว่า การทดลองเพิ่มเติมใน 2 กลุ่ม จำนวนกลุ่มละ 15 คน ที่ได้รับวัคซีนในปริมาณที่มากแล้วแต่มีการกระตุ้นด้วยวัคซีนที่น้อย จะมีการสร้างภูมิคุ้มกันได้มากเพียงใด จึงมีการทดลองในกลุ่มที่ 4 และ 5 โดยเข็มแรกจะฉีดในปริมาณที่ 30 และ 50 มคก.ตามดับ และฉีดเข็มที่ 2 กระตุ้นภูมิคุ้มกันในปริมาณเพียง 10 มคก. ในทั้ง 2 กลุ่ม เพื่อดูว่าการกระตุ้นภูมิคุ้มกันในปริมาณที่น้อยจะสามารถป้องกันเชื้อไวรัสได้มากน้อยเพียงใด ทั้งนี้ เพื่อเป็นการบริหาร ลดการใช้ทรัพยากรผลิตวัคซีนและเพื่อให้สามารถกระจายการใช้วัคซีนไปได้มากยิ่งขึ้น” ผู้อำนวยการบริหารโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 กล่าว
ศ.นพ.เกียรติ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ทั่วโลกมีผู้พัฒนาวัคซีนชนิด mRNA ประมาณ 18 ตัว แต่มี 4 ตัว ที่ก้าวหน้ากว่าไทยอยู่ 6 เดือน แต่เป็นการใช้เทคโนโลยีที่คล้ายกันมาก ดังนั้น มีการคาดการณ์ว่า ถ้ามี 1 ตัวสำเร็จในต้นปีหน้า ถ้าหากได้การรับรองจาก อย.สหรัฐ และ อย.ยุโรป จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับ อย.ประเทศไทย และไทยอาจจะไม่ต้องทำการทดลองในคนระยะที่ 3 เพื่อทุ่นทรัพยากรและเวลาได้ถึง 9 เดือน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้การทดลองในมนุษย์ของไทย ยังไม่สามารถเปิดรับอาสาสมัครได้ เนื่องจากยังไม่มีการผ่าน อย.และกระบวนการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ แต่เบื้องต้นผู้ที่จะเป็นอาสาสมัครได้จะต้องมีร่างกายที่แข็งแรง และเข้าได้กับเกณฑ์การตรวจร่างกายที่กำหนด
ความเห็น 16
SS2
อังกฤษ peta
มันจะว่าเอาไม๊เนี่ย ลิง
12 ก.ค. 2563 เวลา 07.07 น.
โค่นมันให้ลงครับ หมอไทยเก่งที่สุด
12 ก.ค. 2563 เวลา 07.34 น.
โหราจารย์ นโม
สุดยอดไปเลย
12 ก.ค. 2563 เวลา 07.30 น.
shanok.r
ไชโย
12 ก.ค. 2563 เวลา 07.27 น.
PhraeHomeDesign
รัฐบาลช่วยเร่งกระบวนการให้หน่อยครับ
12 ก.ค. 2563 เวลา 07.08 น.
ดูทั้งหมด