เรื่อง : @mint.nisara / ภาพและวีดีโอ : thhanabi
พวกเขาคือศิลปินที่บุกเบิกวงการฮิปฮอปในไทยตั้งแต่สมัยเกือบๆ จะ 20 ปีที่ผ่านมา แค่พูดชื่อ “ไทยเทเนียม” ขึ้นมาปุ๊บ หลายคนคงนึกถึงชื่อเพลงดังๆ ของพวกเขาอย่าง “ทะลึ่ง” “ยักไหล่” หรือ “Just Holla” ได้ในทันทีทันใด และในวันนี้ที่ LINE TODAY ได้เจอกับพวกเขาพร้อมกันทั้งสามคน เรา ชวนเวย์ เดย์ และขันเงินมานั่งจิบน้ำลิ้นจี่โซดาและชาเย็นรำลึกความหลัง พร้อมกับข่าวคอนเสิร์ตใหญ่ในรอบ 7 ปีของพวกเขาที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 12 ตุลาคมนี้ หนึ่งชั่วโมงกับการได้รู้จักกับฮิปฮอปกรุ๊ปตัวพ่อวงนี้ ทำให้เรารู้สึกว่าพวกเขาคูลมากกว่าภาพในสื่อที่เห็นหลายสิบเท่า!
เราเริ่มต้นบทสนทนาด้วยการให้สมาชิกทั้งสามคนเล่าย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้นที่เส้นออกสตาร์ท ช่วงแรกๆ มันเป็นอย่างไร ไทยเทเนียมในยุคที่ซ่าที่สุด พีคที่สุดคือตอนไหน ขันเล่าให้ฟังว่าไทยเทเนียมเริ่มต้นจากการเป็นวงใต้ดิน เป็นวงที่เริ่มจากการลองผิดลองถูกด้วยตัวเองทั้งหมด
ขันเงิน : ผมรู้จักกับเดย์มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว อยู่ไฮสคูลมาด้วยกัน ส่วนเวย์ก็เพิ่งมารู้จักกันที่ไทยเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ดวงพาให้เราทั้งหมดเดินทางไปด้วยกันที่นิวยอร์ค เลยกลายเป็นวงนี้ขึ้นมา มันเริ่มต้นแบบยิ่งกว่าใต้ดินอีกครับ เหมือนเราสร้างจากการขุดถนนเลย มันไม่มีเลนให้เดิน ตอนนั้นคนจะเข้าใจเสียงแรปเวลาที่อยู่ในเพลงพ๊อพมากกว่า ตอนที่เราทำเราก็พยายามหาทางของเราเอง ยังไม่มีค่ายไม่มีอะไรเลย ปั๊มแผ่น เดินขายแผ่นกันเอง รูปหน้าปกก็ถ่ายกันเอง ผลัดกันถ่าย เป็นช่วงที่เราได้ปล่อยของกันเยอะมากๆ แล้วก็สนุกมากด้วย
เวย์ : ประมาณปี 1999 ถึงปี 2005 น่าจะเป็นช่วงที่ไทยเทฯ เป็นเหมือนเด็กอนุบาลเข้าโรงเรียนประถม ตกซ้ำชั้นบ้างแต่ก็ค่อยๆ ไปต่อ พอปี 2006 ทำอัลบั้ม Thailand’s Most Wanted ก็เริ่มแตกหนุ่ม พัฒนาขึ้น เป็นช่วงที่งานเพิ่มเยอะขึ้น เป็นเด็กมัธยมเริ่มดูแลตัวเองได้และเริ่มเกเรละ มีไปออกทัวร์ 4-5 ปี น่าจะเป็นช่วงที่เกเรที่สุดเลย จนถึงปี 2009 เป็นต้นมา เป็นช่วงที่เราโตเป็นผู้ใหญ่มากที่สุด ทำค่ายเพลง และเริ่มมีศิลปินที่ต้องดูแล
หนึ่งในอิทธิพลที่ทำให้ไทยเทเนียมดำรงความเป็นเอกลักษณ์ทั้งในตัวตนของศิลปินเองและแนวเพลง ก็คือวัฒนธรรมฮิปฮอปที่พวกเขาแต่ละคนไปซึมซับมาจากตอนที่อยู่อเมริกา และความหลงใหลของพวกเขาทั้งสามต่อเพลงฮิปฮอปก็เริ่มขึ้นจากตอนนั้น
เวย์ : ผมชอบจากการฟังก่อนครับ จริงๆ แล้วการเกิดและโตที่อเมริกา มันหนีการฟังเพลงฮิปฮอปยาก เพราะช่วงนั้นเป็นเหมือน Golden Era (ยุคทอง) ของดนตรีแนวนี้เลย พอโดนส่งกลับมาเมืองไทย มาเจอขัน เห็นเขาเริ่มทำเพลง เราก็อยากจะไปเสือกด้วย (หัวเราะ) เขาทำอะไรกันเราก็อยากเข้าไปอยู่ในกลุ่ม ก็เลยกลายเป็นความสนใจที่จะเขียนเพลงขึ้นมา
เดย์ : ก่อนที่จะย้ายไปอเมริกาเราก็ชอบฟังเพลงเพื่อชีวิตอยู่แล้ว ไปถึงที่นู่น ก็รู้สึกว่าเพลงฮิปฮอปมันพูดตรงไปตรงมาดี พูดถึงชีวิตของแต่ละคนว่าเจอมายังไง ความลำบงลำบาก มันไม่อ้อมค้อมดี และดนตรีก็เร้าใจ เป็นการนำเสนออีกแบบที่ไม่จำเป็นต้องร้องเพลงด้วยเสียงเพราะๆ
ขันเงิน : ตอนอายุ 13 ผมโดนส่งไปแคนซัส ตอนนั้นเป็นยุค 89 90 เป็นช่วงที่การเหยียดสีผิวมันยังรุนแรงอยู่ เราก็เป็นเด็กไทย ยังไร้เดียงสา ตอนนั้นชอบเล่นสเก็ตบอร์ดครับ เป็นเด็กบอร์ด ไม่ได้สนใจอะไร แต่หลายๆ ทีที่เราไปนู่นไปนี่ ก็โดนก้อนหินเขวี้ยงใส่ เราก็เลยเข้าใจที่แม่บอกเลยว่าให้ไปดูโลกกว้าง เข้าใจว่าโลกนี้ไม่ได้สวยงามเหมือนที่เราคิด โดยอัตโนมัติเลย เราก็โดนโยนเข้าไปอยู่ในกลุ่ม minorities (พวกคนกลุ่มน้อย) ฮิปฮอปเลยกลายเป็นซาวด์แทร็กในชีวิตของเรา เพราะมันพูดเรื่องการต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมกัน และก็อินกับมันตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา
ฟังจากที่พวกเขาเล่าแล้ว ดนตรีฮิปฮอปเป็นทั้งความสนุกของชีวิต และเป็นเหมือนการปลดปล่อยความโกรธ ความเศร้า ความอึดอัดผ่านการแรป ไทยเทเนียมบอกเราว่าบทเพลงส่วนมากของพวกเขาก็เกิดมาจากประสบการณ์จริงของแต่ะคนเกือบทั้งหมด
เวย์ : ประสบการณ์ที่ผ่านมาเราเอามาเขียนเป็นเพลง ที่ตลกอย่างหนึ่งก็คือมีคนหลายคนชอบถามว่านี่ใครเขียนให้ คือมันไม่มีใครเขาจะช่วยเขียนได้ในสิ่งที่เราพูดหรอก เพราะนี่มันก็คือชีวิตเราในเพลง เรื่องรีเลชั่นชิพ ตั้งแต่ช่วงที่เราดังเหี้ยๆ มีช่วงที่แบบว่าเลิกไป เราก็เอามาใส่ในเพลงหมด
ขันเงิน : เอาเป็นว่า 90% ในเพลงคือเรื่องจริงครับ อีก 10% อาจจะเป็นเหมือนช่วงที่มันเป็นท่อนสัมผัส มันต้องใส่คำ ใส่อะไรเข้าไปให้มันคล้องจองกัน แต่เรื่องราวเบสบนความเป็นจริง เวลาเราทำเพลงกันก็จะถามเพื่อนๆ ก่อนว่ามีฟีลร่วมไหม บางเพลงก็ต้องทิ้งไปเพราะไม่มีฟีลร่วม เพลงที่มีสามคนในสามท่อน แต่ละท่อนก็จะเป็นเรื่องราวของแต่ละคน ทั้งๆ ที่มันอาจจะเป็นหัวข้อเดียวกัน แต่เราเล่าคนละมุม เพราะเราเจอสิ่งนั้นมาคนละแบบ
เดย์ : แต่ผมว่าเรื่องปาร์ตี้นี่พูดง่ายเลยนะ (หัวเราะ)
ขันเงิน : เรื่องที่เล่าก็เปลี่ยนไปตามเวลาและสิ่งที่เจอครับ อย่างอัลบั้มแรกๆ เราไปอยู่อเมริกาแบบสดๆ เลย ความสนุก ความซ่ามันเต็มร้อย พออัลบั้มที่สอง Thai Rider เริ่มมีความลำบากอยู่ในเสียงเพลง การที่เราจะต้องต่อสู้กับอะไรหลายๆ อย่าง ไปเจออะไรที่นู่นมาบ้าง มันก็จะเล่าเรื่องช่วงนั้น พอสกิปมาอัลบั้ม R.A.S.มันไปตรงกับเหตุการณ์ 911 เราก็เลยอยากพูดเรื่อง Revolution เกี่ยวกับความเท่าเทียมและสงคราม หลังจากนั้นกลับมาอยู่เมืองไทย ใช้ชีวิตสนุก เพลงมันก็จะกลับมาสนุกอีกรอบ เป็นอัลบั้ม Thailand’s Most Wanted เพราะโดนตำรวจจับบ่อย (หัวเราะ) เพลงของไทยเทเนียมก็เป็นเหมือนไดอารี่ทีละตอนๆ ที่เล่าชีวิตของพวกเรา
ในวันที่วงการฮิปฮอปเข้าถึงผู้คนมากขึ้น เราถามไทยเทเนียมว่าพวกเขาคิดเห็นอย่างไรกับฮิปฮอปในประเทศไทย ณ จุดนี้ เห็นทิศทางของวงการไปทางไหน และคาดหวังอยากเห็นอะไรอีกบ้างในฐานะเป็นกลุ่มแรกๆ ที่เห็นการเติบโตในเชิงภาพรวมของวงการ
ขันเงิน : ผมมองว่าที่มันมาเป็น mainstream (กระแสหลัก) ในครั้งนี้เป็นเพราะว่าคนได้เห็นเรื่องราวของฮิปฮอปผ่านทีวี อย่างก่อนหน้านี้ ถ้าคนสนใจก็จะต้องเข้าไปหาตามช่องทางต่างๆ ตอนนี้ทุกคนเปิดทีวีดูก็เจอ พอได้ฟังแล้ว เฮ้ย มันก็เข้าท่าดีนี่หว่า คนทั่วไปเริ่มเก็ตแล้วว่าเด็กพวกนี้มันไม่ได้มาบ่นอย่างเดียว มันมีสตอรี่นะ มันมีคนที่ทางบ้านมีปัญหา เขาก็มาบอกเล่าในสิ่งที่เขาเป็น พอคนได้เปิดโลกกว้าง ได้เห็นตรงนั้น ก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าแรปไม่ใช่แค่การโย่ๆ มาถ่ายวีดีโอตลอดเวลา แต่มันเป็นเนื้อเพลงที่เล่าเรื่องที่มันสร้างสรรค์ ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็อย่างคุณแม่ของผมนี่ล่ะ แกก็ชมว่าเด็กพวกนี้สร้างสรรค์นะ เขียนเพลงกันเอง ผมก็ อ้าวแม่ ที่ผมเขียนมาทั้งชีวิต แม่เคยฟังบ้างมะ (หัวเราะ)
เวย์ : มันก็ it’s good (ดี) แล้ว คุณภาพนักร้องก็ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่อยากเห็นการซัพพอร์ตจากด้านอื่นๆ ด้วยโดยเฉพาะจากสื่อ ผมไม่ได้หมายถึงให้มาสนับสนุนไทยเทฯ อย่างเดียวแต่อยากให้สนับสนุนฮิปฮอปทั้งหมด สนับสนุน the movement (การเคลื่อนไหว) ไม่อยากให้มองว่ามันเป็นแค่ความบันเทิงหรือแค่เกาะกระแสช่วงนี้ อยากให้มันเป็นเรื่องเป็นราว อยากให้ถ่ายทอดฮิปฮอปในความหมายที่แท้จริง เพราะเราก็มีคนเก่งๆ เยอะขึ้น คุณภาพก็ดีขึ้น ประเทศอื่นเขาอาจจะมีโอกาสมากกว่าเพราะมีหลายส่วนที่ซัพพอร์ต อยากเห็นของเราบ้างครับ
เดย์ : ผมอยากเห็น radio station ที่เน้นเพลงฮิปฮอป อาจจะเริ่มจากช่วงสองช่วงก่อนแล้วค่อยๆ ทำให้มันใหญ่ขึ้นแต่อยากให้มันอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่แบบแบร้ววว หายไป
เวย์ : ใช่ๆ ผมว่าคอนเทนต์มันมีเยอะพอแล้ว แต่มันยังไม่มีใครที่จับตรงนี้
เดย์ : มีเรื่อยๆ และมีใหม่ๆ ตลอดเลย อันนี้ชอบมากๆ อย่างตอนทำรายการ สิ่งที่เซอร์ไพรซ์เราก็คือเด็กๆ ที่เก่งมาก ไม่ใช่ขี้หมูขี้หมานะ ผมว่าอินเตอร์เนทมันช่วยให้โลกแคบลง เขาไม่ต้องไปหาอะไรที่ยากละ แค่เสิร์ชก็เจอแล้ว ถ้าเทียบกับสมัยพวกเราคือเวลาจะไปหาเพลงใหม่ ขันต้องบินไปนิวยอร์กเพื่อไปหาแผ่นกลับมา เฮ้ย เพลงใหม่มันสนุกหวะ แม่งโคตรมันเลย มันจะเกิด excitement ขึ้นมา แต่สำหรับเด็กๆ เดี๋ยวนี้ทุกอย่างมันออนดีมานด์แล้ว ทุกอย่างมันง่ายแล้ว เค้ามีตัวอย่างให้เห็นเยอะขึ้น มันก็กลายเป็นว่าเด็กไทยเก่งขึ้น ไม่ใช่แค่ 1 2 3 4 แต่ตอนนี้เป็นพันแล้ว
คอนเสิร์ตใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปีที่ไทยเทเนียมไม่ได้จัดโชว์ใหญ่ๆ ครั้งนี้เราจะได้เห็นอะไรกันบ้าง
ขันเงิน : เราก็เล่นคอนเสิร์ตอยู่ตลอดเวลาแต่ไม่ได้คิดว่าจะจัดโชว์ใหญ่เพราะเราก็ไม่ได้มีอัลบั้มใหม่ด้วย ซึ่งนานเท่ากับช่วงเวลา 7 ปี พอมีอัลบั้ม Now ออกมา เลยคิดอยากทำ โตขึ้น รู้จักคนมากขึ้นที่จะมาช่วยเราประกอบร่างโชว์ ก็เลยมาคุยกันว่าลองทำคอนเสิร์ตดูสักอันดีไหม ตอนแรกจะตั้งชื่อว่า Now ตามชื่ออัลบั้ม แต่มันดันมีอีกคอนเสิร์ตหนึ่ง วันเดียวกันเลย ใช้ชื่อว่า Now เหมือนกัน เราก็เลยถอดไปแล้วมาหาคำที่ define พวกเรา เดินมา 18 ปีละ และไทยเทเนียมก็เป็นเหล็กกล้าที่ไม่มีใครมาหักพวกเราได้ ก็เลยกลายเป็น Unbreakable Concert เป็นคอนเสิร์ตรูปแบบใหม่ที่ไม่ได้ออกมาร้องเพลงอย่างเดียว แต่มีโชว์อย่างอื่นด้วย เราพยายามคิดอะไรที่ใหม่กว่าเดิม คนดูก็จะได้ experience ใหม่ๆ พวกเราก็ได้ลองอะไรใหม่ๆ ด้วย
เดย์ : พูดถึงแขกรับเชิญ คนที่เราพยายามเชิญมาเกือบๆ สิบปีแล้วแต่เพิ่งได้คิวแกคราวนี้คือน้าแอ๊ด คาราบาว อันนี้เป็นปรากฏารณ์ของพวกเราเลย เพราะยังไม่เคยเห็นภาพที่พวกเรากับน้าแอ๊ดร้องเพลงนี้ด้วยกันบนคอนเสิร์ตมันจะออกมาเป็นยังไง น่าจะเป็นไฮไลท์ของเรา
เดย์ : อยากจะเห็นว่า เอ น้าแอ๊ดแกจะใส่สูทมารึเปล่า หรือว่าใส่เสื้อธรรมดาแบบที่แกใส่ปกติ อันนี้ก็ติดตามกันดู วันที่ 12 ตุลาคมนี้แน่นอน ซื้อบัตรได้ที่ www.thaitanium.biz กดเข้าไปปุ๊บ ซื้อได้เลย
ขันเงิน : ไปสตรีมอัลบั้ม Now ฟังเตรียมกันไว้ได้ และมีซิงเกิ้ลใหม่ที่ชื่อว่าเพลง “ชูวับ” นะครับ เป็นเพลงเก่าของผมที่เอากลับมาทำใหม่ ก็ไปฟังกันได้ เผื่อจะได้ช่วยกันร้อง น่าจะสนุกแน่นอน
เดย์ : สตรีมมิ่ง NOW! แล้วเจอกันครับ
ความเห็น 15
กลอยลี้
😂😂😂
07 พ.ค. 2562 เวลา 13.28 น.
Butter Be Better
หมดยุคทั้งสามคนละบาย
18 ก.ย 2561 เวลา 09.54 น.
ToY
พอโตมาถึงเข้าใจว่าแนวเพลงวงนี้อ่อนๆ เด็กๆฟัง
18 ก.ย 2561 เวลา 02.54 น.
คำว่าคุย ในรูป มีอันนึง ไม่มีสระอุ "ุ"
15 ก.ย 2561 เวลา 01.50 น.
BIG ASS MOSQUITO 😳
ชอบฮิปฮอปของฝรั่ง เจ๋งกว่าเยอะ
13 ก.ย 2561 เวลา 00.05 น.
ดูทั้งหมด