แม้ประเทศไทยจะยังมีสถิติการว่างงานไม่สูงเท่าประเทศอื่น ๆ แต่ตัวเลขคนว่างงาน 1.2% ในปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดตั้งแต่ปี 2553 ซึ่งแสดงเห็นว่ามีคนตกงานและกำลังหางานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ยังไม่รวมบัณฑิตจบใหม่ที่ทยอยเข้าสู่ตลาดแรงงานในแต่ละปีอีก ดังนั้นการหางานจึงเป็นการแข่งขันที่ต้องฝ่าฟันกันอย่างดุเดือด คนที่ใช่เท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ผ่านด่านเข้าเป็นพนักงานเต็มตัวได้
โดยแทบทุกองค์กรคาดหวังว่าผู้สมัครงานต้องมีคุณสมบัติครบถ้วน เตรียมตัวมาอย่างดีทั้งเรื่องของบริษัท การตอบคำถาม และบุคลิกภาพ เพื่อผ่านสารพัดด่านอรหันต์เข้าเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร แต่ดันเจอผู้สัมภาษณ์ไม่มืออาชีพทำให้ต้องเจอประสบการณ์สุดแย่เหล่านี้แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าเป็นคุณจะทำอย่างไร
ให้รอนานเกินไป
หลายคนต้องเคยมีประสบการณ์การสัมภาษณ์ที่ถูกปล่อยให้รอนานหลายชั่วโมง ผู้สัมภาษณ์ติดประชุมบ้าง มีงานเข้ากะทันหันบ้าง นัดสัมภาษณ์พร้อมกันหลายคนบ้าง ฯลฯ เชื่อว่าผู้สมัครงานหลายคนเข้าใจในเหตุผลเหล่านี้ แต่การรอนานเกินไปก็ทำให้มุมมองของผู้สมัครงานเปลี่ยนไปและเกิดความรู้สึกไม่ประทับใจในบริษัทได้
ทั้งนี้ บางองค์กรก็ตั้งใจให้ผู้สมัครงานต้องรอ เพื่อดูว่าระหว่างที่รอนั้น ผู้สมัครงานใช้เวลาทำอะไรบ้าง นั่งเล่นโทรศัพท์ อ่านหนังสือ หรือนั่งรอเฉย ๆ พฤติกรรมเหล่านี้บ่งบอกอะไรบางอย่างในตัวผู้สมัครได้ แต่ถ้าให้รอนานเกิน 1 ชั่วโมงไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามถือว่าบริษัทนั้น ๆ ไม่รักษามารยาทและไม่เคารพสิทธิ์ของผู้สมัครงาน
สัมภาษณ์ไม่เกี่ยวกับงาน
สำหรับผู้สมัครงานที่ไม่มีประสบการณ์การทำงานมาก่อน การพูดคุย ตอบคำถามถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะบอกว่าคุณจะได้งานนั้น ๆ หรือไม่ เพราะยังไงก็ต้องมาสอนงานกันอยู่แล้ว ผู้สัมภาษณ์จึงมักเลือกจากทัศนคติที่ว่าคุณจะทำงานร่วมกับทีมได้หรือไม่ เพราะฉะนั้นการคุยเรื่อยเปื่อยที่ไม่เกี่ยวกับงาน ก็เป็นส่วนหนึ่งของสัมภาษณ์เช่นกัน
แต่ถ้าคุณเป็นผู้สมัครงานที่มีประสบการณ์อย่างโชกโชนแต่กลับไม่ถูกถามเรื่องงานเลย เช่น มีพี่-น้องกี่คน บ้านอยู่ไหน ทำไมอยากเปลี่ยนงาน ฯลฯ หรือใช้เวลาไม่นานก็เหมือนจะจบการสัมภาษณ์ คุณอาจจะต้องมีชั้นเชิงเล็กน้อยเพื่อนำเสนอตัวเองให้มากขึ้น เพราะบางครั้งผู้สัมภาษณ์งานก็ไม่ได้ทำการบ้านมาสักเท่าไหร่ พอเห็นท่าว่าไม่ถามแน่ ๆ สบช่องว่างปุ๊บ ก็บอกไปเลยว่าอยากเล่าอะไรสักนิดนึง ทีนี้ก็จัดเต็มไปเลย ให้รู้ซะบ้างว่าผู้สัมภาษณ์พลาดอะไรดี ๆ ไปบ้าง
เข้าตาจน ตอบไม่ได้ซักข้อ
ต้องมีหลายคนเลยแหละที่เคยวืดเพราะเหตุผลนี้มาก่อน ทั้งที่เตรียมตัวมาอย่างดี คำถามก็เกี่ยวกับเรื่องงานแต่กลับตอบไม่ได้ เจอแบบนี้บางคนไม่ยอมรับ ตอบอึก ๆ อัก ๆ ด้นสด ตอบมั่วไป เพราะไม่อยากเสียหน้า แต่ลืมไปหรือเปล่าว่าผลของการตอบไม่ได้กับตอบผิดก็เหมือนกัน คือไม่ได้งานอยู่ดี สู้อกผ่ายไหล่ผึ่งบอกไปเลยดีกว่าว่าไม่รู้ คุณอาจยังมีโอกาสแก้ตัวในคำถามต่อไป แต่ถ้าตอบผิดหมดสิทธิ์ไปเลยนะ
ข้อสำคัญอย่าหมดกำลังใจหรือคิดว่าตัวเองไม่เก่งเด็ดขาด เพราะบางบริษัทแม้จะตำแหน่งเดียวกัน แต่สโคปงานไม่เหมือนกัน ก็ไม่แปลกที่คุณจะตอบคำถามไม่ได้ แค่ต้องเอาคำถามเหล่านั้นมาคิดและหาคำตอบทีหลัง พลาดครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนที่ทำให้เรารู้ว่าต้องเพิ่ม ต้องเติมตรงไหน สัมภาษณ์ครั้งต่อไปคำถามพวกนี้ก็จะกลายเป็นของหวานสำหรับคุณเอง
โดนวิจารณ์เละ
ผู้สัมภาษณ์บางคนก็มีทัศนคติแปลก ๆ คิดว่าผู้สมัครต้องมาง้อ มาของานทำ ทั้ง ๆ ที่ทุกคนมีสิทธิ์เลือกกันทั้งนั้น เค้าเลือกเรา เราก็เลือกเค้าา ถึงจะแมตช์ได้ร่วมงานกัน เพราะฉะนั้นก็ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ว่าคุณจะหน้าตาเป็นยังไง ตอบคำถามได้ดีหรือไม่ หรือขาดทักษะอะไรไป ก็ไม่ควรต้องมาโดนวิพากษ์วิจารณ์หรืออบรมในห้องสัมภาษณ์
สิ่งที่ต้องทำคือบอกไปตรง ๆ แบบไม่ต้องเกรงใจเลยว่าคุณไม่พอใจกับการวิจารณ์แบบนี้ เพราะในเมื่อเค้าไม่เกรงใจคุณ คุณก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจเค้าอีกต่อไป แต่หากเป็นคำแนะนำก็ไม่ควรไปปล่อยผ่าน ของแบบนี้ไม่ได้บอกกันง่าย ๆ ในเมื่อเค้าใจดีหยิบยื่นให้ คุณก็ต้องรับด้วยความซาบซึ้งใจ
คำถามกวนประสาท
ต้องมีสักคนที่เคยเจอคำถามสัมภาษณ์ประเภทนี้ เช่น ไม่มีประสบการณ์เลยแล้วจะทำได้หรือ บ้านรวยแล้วมาทำงานทำไม เล่าเรื่องตลกให้ฟังหน่อย เอาให้ขำนะ ฯลฯ ซึ่งคำถามแบบนี้ถ้าไม่ล้ำเส้นหรือกวนจนเกินพอดี ก็จะถามเพื่อดูทัศนคติของผู้สมัครว่าจะตอบอย่างไร มีความคิดแบบไหนกับเรื่องนั้น ๆ มีความอดทนมากหรือน้อยแค่ไหน เพราะคำตอบไม่มีผิด-ถูก ผู้สัมภาษณ์ส่วนใหญ่แค่อยากรู้ว่าคุณแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีแค่ไหน
ในทางกลับกันผู้สมัครที่เจอคำถามกวน ๆ แบบนี้ มักจะอึ้ง! เพราะไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน บางคนถึงกับอารมณ์ขึ้นว่าถามแบบนี้ได้อย่างไร จริง ๆ แล้วไม่ว่าจะเจอคำถามอะไร ผู้สมัครก็ควรต้องใช้ความนิ่งสยบความเคลื่อนไหว ถ้าถึงขั้นต้องอดกลั้นก็ต้องยอม ไม่อารมณ์ขึ้นไปตามคำถาม อย่างน้อยคุณก็ดูเป็นมืออาชีพกว่าผู้สัมภาษณ์ก็แล้วกัน
คำถามทีเด็ด
“ทำไมเราถึงควรเลือกคุณ” เป็นคำถามปลายเปิดที่ทำให้คุณได้โชว์ศักยภาพของตัวเองได้อย่างเต็มที่ อะไรที่ผู้สัมภาษณ์ยังไม่ถาม แต่คุณอยากบอกเหลือเกิน โอกาสนี้แหละ..รีบบอกไปเลยว่าเค้าพลาดอะไรไปบ้าง นำเสนอความสามารถของตัวเองอย่างเต็มที่ เน้นว่าต้องพูดเรื่องจริงเท่านั้น เพราะถ้าคุณได้งาน คำพูดโชว์พาวเหล่านี้จะย้อนกลับมาฆ่าคุณได้ภายหลัง ฉะนั้นอย่าต้องให้ถึงขั้นบาดเจ็บล้มตายเลย แค่พูดจริงเท่านั้นก็พอ
เชื่อว่าทุกคนต้องเคยเจอประสบการณ์แย่ ๆ แบบนี้ไม่ข้อใดก็ข้อหนึ่ง ซึ่งผู้สัมภาษณ์ก็เป็นคนที่คุณต้องร่วมงานด้วยนั่นแหละ ถ้าเค้าไม่ให้เกียรติคุณขณะที่กำลังสัมภาษณ์ คงไม่ต้องบอกว่าถ้าได้ร่วมงานกันแล้วจะเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นในเมื่อเค้ามีสิทธิ์เลือก คุณเองก็มีสิทธิ์เลือก การไม่ได้งานไม่ได้แปลว่าไม่มีความสามารถ เวลาในการพูดคุยกันแค่ 1-2 ชั่วโมง ตัดสินอะไรไม่ได้เลย คนพรีเซนต์ดีไม่ได้แปลว่าจะทำงานดี ส่วนคนพูดไม่เก่งก็ไม่ได้แปลว่าจะทำงานไม่ได้ ของแบบนี้อยู่ที่จังหวะและความถูกชะตาในขณะนั้น
เพราะงั้นถึงจะยังไม่ได้งาน แต่การสัมภาษณ์หลายครั้งกับผู้สัมภาษณ์หลายคน อย่างน้อยคุณก็ได้ประสบการณ์เพิ่มขึ้น ได้เจอคนมากขึ้น และได้เรียนรู้เพื่อไปพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นในครั้งต่อ ๆ ไป เป็นกำลังใจให้คนหางานทุกคนนะคะ ^^
ใครที่สัมภาษณ์งานหลายครั้งและยังไม่ได้งาน มาหวังรวยทองที่ LINE TODAY กันดีกว่า!
อ่านกติกาและรายละเอียด คลิกที่นี่
#อ่านLINETODAYได้ความรู้แถมยังได้รับทองอีก
ความเห็น 12
TooN TooN
รู้จัก เห็นคุณค่าของเวลาคนอื่น...
26 มี.ค. 2561 เวลา 08.33 น.
Poj happy path639☀️
ยังมีอีกนะ อายุเกิน แต่ไม่ดูความสามารถ ทั้งๆที่ความสามารถโดนหมด ต้องให้คนถามโดนกลับตัวเอง เพราะยังไงเขาก็อายุต้องมากขึ้นทุกวันอยู่แล้ว ดีไม่ดีความคิดแก่กว่าอีก
27 มี.ค. 2561 เวลา 13.45 น.
Nutthapong
บริษัทเลือกผู้หางาน ผู้หางานก็เลือกบริษัทเช่นเดียวกัน ดังนั้นควรให้เกรียติซึ่งกันและกัน
13 ธ.ค. 2561 เวลา 22.41 น.
Niramone
มีความจริงใจต่อกัน เคารพสิทธิแต่ละฝ่าย และรู้จักรอคอย....
26 มี.ค. 2561 เวลา 06.44 น.
ไปเที่ยวดีกว่า
29 มี.ค. 2561 เวลา 06.53 น.
ดูทั้งหมด