จากกรณี น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 43 ปี อาชีพค้าขาย พร้อมด้วย น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 38 ปี พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ เพื่อร้องขอความเป็นธรรมให้ช่วยตีแผ่พฤติกรรม นายเทพ (นามสมมุติ) อายุ 49 ปี ข้าราชการกรุงเทพมหานคร ระดับซี 3 ฝ่ายเทศกิจ สำนักงานเขตคันนายาว หลังมีพฤติกรรมหลอกตีสนิทหญิงสาวหลายรายในเชิงชู้สาว ก่อนแอบถ่ายคลิปวิดีโอขณะมีเพศสัมพันธ์ เพื่อใช้ข่มขู่หญิงสาวที่ตกเป็นเหยื่อให้ยอมทำตามข้อเรียกร้อง จนครอบครัวแตกร้าว สามีตรอมใจตาย แถมยังมีหญิงสาวรายอื่นตกเป็นเหยื่ออีกนับสิบ จนทาง นายชูชาติ พุ่มน้อย ผอ.เขตคันนายาว สั่งเร่งให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเป็นการด่วน ตามที่ได้นำเสนอไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 10 ม.ค. น.ส.บี (นามสมมุติ) หนึ่งผู้เสียหาย ได้เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมกับผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ว่า หลังจากเปิดโปงเรื่องราวอื้อฉาวดังกล่าวออกไป ยังไม่ได้รับการติดต่อจากนายเทพแต่อย่างใด และก็ไม่อยากที่จะพูดคุยกับนายเทพอยู่แล้ว ปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย แต่ยอมรับว่า เรื่องราวถูกเผยแพร่ออกไปทำให้รู้สึกดีขึ้น เพราะอย่างน้อยสังคมก็ได้รับรู้ถึงพฤติกรรมอันเลวร้ายและเป็นภัยต่อสังคมของเทศกิจรายนี้ จะได้ไม่มีหญิงสาวรายใหม่ตกเป็นเหยื่อถูกกระทำในลักษณะเดียวกับตนอีก แม้ว่าตัวตนเองจะรับผลกระทบจากการถูกกระแสสังคมบางส่วนต่อว่าด่าทอด้วยเช่นกันก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะเข้าใจดี ไม่สามารถห้ามความคิดของคนทุกคนได้ ต้องมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ส่วนการที่ทางสำนักงานเขตคันนายาว เร่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและกรรมการสอบสวนทางวินัยเป็นการด่วนนั้น ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการขั้นตอน ว่ากันที่พยานหลักฐานและข้อเท็จจริง
น.ส.บี กล่าวต่อว่า นอกจากพฤติกรรมความเจ้าชู้ มักมากทางกามอารมณ์ และความเห็นแก่ตัวของนายเทพ ที่แอบถ่ายคลิปวิดีโอขณะมีเพศสัมพันธ์เพื่อข่มขู่เหยื่อให้ยอมทำตามข้อเรียกร้องแล้วนั้น ยังมีข้อมูลอีกส่วนหนึ่งที่ยังไม่เคยเปิดเผยที่ใด เป็นข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการเรียกรับผลประโยชน์จากธุรกิจผิดกฎหมาย โดยใช้ตำแหน่งหน้าที่เทศกิจเป็นเครื่องมือในการหาผลประโยชน์ให้ตัวเองจนมีฐานะร่ำรวยขึ้นมาแบบผิดหูผิดตา จากเดิมที่ก่อนหน้านี้ทำงานเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ดับเพลิงแห่งหนึ่ง มีหนี้สินนับล้านบาท แต่พอได้เข้ามาทำงานรับราชการ กทม.ฝ่ายเทศกิจ สำนักงานเขตคันนายาว ไม่นานก็สามารถปลดหนี้สินดังกล่าว พร้อมกับซื้อบ้านราคาหลังละกว่า 3 ล้านบาท และรถยนต์อีก 1 คัน ราคาร่วม 2 ล้านบาทได้ ทั้งๆ ที่เงินเดือนประจำตำแหน่งจริงๆ ของนายเทพ เพียงเดือนละ 2 หมื่นบาท แต่ค่าใช้จ่ายที่ต้องแบกรับในแต่ละเดือน จากการมีภรรยา 2 คน และบุตรอีก 2 คน ที่ต้องเลี้ยงดูมากนับแสนบาทต่อเดือน
น.ส.บี กล่าวอีกว่า ส่วยที่นายเทพได้รับมานั้น จะมาจากการเรียกเก็บเงินจากผู้ประกอบการที่ทำผิด พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 และ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 เป็นหลัก ส่วนมากจะเป็นผู้ประกอบการขายรถมือสอง ร้านค้าริมทาง และแคมป์งานก่อสร้างต่างๆ ที่มีการรุกล้ำพื้นที่สาธารณะ ซึ่งมีอยู่นับร้อยกว่าราย เฉพาะในพื้นที่เขตคันนายาว แต่ละรายจะต้องยอมจ่ายให้กับนายเทพ เดือนละ 2,000–5,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดของสถานที่ รวมรายได้จากการเก็บส่วยเหล่านี้ ตกเดือนละเกือบ 2 แสนบาท เงินเหล่านี้จะถูกโอนเข้าบัญชีธนาคารส่วนตัวของ น.ส.นา (นามสมมุติ) หนึ่งในสองภรรยาหลักที่อยู่กินด้วยกัน และเป็นผู้รู้เห็นเกี่ยวกับพฤติกรรมการกระทำผิดต่างๆ ของนายเทพทุกอย่าง ข้อมูลเส้นทางการเงินเหล่านี้ตนได้เก็บรวบรวมเป็นหลักฐานส่งต่อให้กับทาง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. พิจารณาตรวจสอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
น.ส.บี กล่าวด้วยว่า แม้ว่าเงินรายได้จากการเรียกรับผลประโยชน์จากธุรกิจผิดกฎหมายเหล่านี้จะถูกนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการผ่อนบ้าน รถยนต์และค่าเลี้ยงดูครอบครัว แต่ด้วยความที่นายเทพเป็นคนมักมากทางกาม จึงนำเงินเหล่านี้ไปใช้ซื้อของปรนเปรอหญิงสาวที่รับดูแลอีกนับสิบชีวิต เพื่อแลกกับการร่วมหลับนอน รวมไปถึงการซื้อบริการทางเพศจากสาวไซด์ไลน์ เฉพาะค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เฉลี่ยตกเดือนละเกือบแสนบาท แค่ช่วงระยะเวลา 1-2 ปีที่ผ่านมา หมดเงินไปกับผู้หญิงร่วมล้านบาท และทุกครั้งที่ร่วมหลับนอนกับหญิงสาว นายเทพก็มักจะตั้งกล้องแอบถ่ายเพื่อเก็บไว้แบล็กเมล์ในภายหลัง เพื่อเรียกร้องเงินค่าดูแลกลับคืนหากว่าหญิงสาวเหล่านี้ตอบสนองความต้องการทางเพศได้ไม่ถึงใจ.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตั้งกก.สอบ'เทศกิจขุนแผน' ผอ.เขตสั่งเร่งคลี่ปมฉาวด่วน!
สาวแฉ"เทศกิจขุนแผน" แสร้งทำเป็นรักหลอกหลับนอน
