ระลอกแรกเพิ่งคลี่คลาย ระลอกสองก็มาจ่อถึงหน้าประตู!
สถานการณ์ล่าสุดของ “COVID19” ได้กลับมาเขย่าขวัญคนไทยอีกครั้ง เมื่อมีข่าวการติดเชื้อจาก "ทหารอียิปต์" ที่จังหวัดระยอง เดือดร้อนถึงประชาชนคนไทยและในพื้นที่ ที่ต่างทวงถามความรับผิดชอบจาก "ทางการไทย" ว่าหรือการ "ตั้งการ์ด" อย่างอดทนจนทำให้ประเทศไทยไร้ผู้ติดเชื้อมาเกือบ 50 วันจะไร้ความหมาย?
ประกอบกับสถานการณ์ในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลกที่น่าหวั่นวิตกไม่ต่างกัน อย่าง ญี่ปุ่น ที่เพิ่งประกาศยกระดับการระบาดอีกครั้งฮ่องกง ที่ระบาดใหม่เป็นครั้งที่ 3 หรือประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา ที่ยอดผู้ป่วยยังไม่มีทีท่าจะลดลง
โลกทั้งใบกำลังเดือดดาลขนาดนี้ เราจึงอยากชวนทุกคนมารู้จัก “โรคระบาด” ร้ายแรงทั่วโลก โดยเฉพาะโรคที่เคยรุกรานแผ่นดินไทยตั้งแต่ครั้งอดีตกาลจนถึงปัจจุบัน วิธีการเดินทางรวมถึงจุดจบของแต่ละโรค ให้รู้และเข้าใจธรรมชาติของโรคติดต่อ จะได้หยุดตื่นตระหนกได้ทันท่วงทีเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน พร้อมวิธีรับมือให้ทุกคนได้ปฏิบัติตามอย่างมีสติ
1.อหิวาตกโรค : โรคท้องร่วงรุนแรงที่คร่าชีวิตผู้คนนับไม่ถ้วน
สมัยก่อน “อหิวาตกโรค” ถือเป็นเชื้อโรคสุดสยองที่คร่าชีวิตคนไทยจำนวนมาก ในอดีตมีการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ของอหิวาตกโรคหลายระลอก และหลายครั้งลุกลามเข้ามาในประเทศไทยด้วย
แหล่งของอหิวาตกโรคอยู่ในประเทศอินเดีย ระบาดโดยพ่อค้าจากอินเดียที่ส่งออกเชื้อโรคทั้งทางบกและทางเรือ มีการบันทึกไว้ครั้งแรกตั้งแต่ยุคพระเจ้าอู่ทอง คือประมาณ พ.ศ.2360 - 2366 มีอีกครั้งในรัชกาลที่ 2 คราวนี้มีบันทึกว่ามีคนเสียชีวิตราว 30,000 คน ครั้งต่อมาในรัชกาลที่ 3 มีคนเสียชีวิต 5,457 คน
อหิวาตกโรคยังระบาดอีกหลายต่อหลายครั้ง อีกครั้งที่ถือว่ารุนแรงที่สุดคือราว พ.ศ.2486 - 2490 ซึ่งอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีผู้เสียชีวิตราว 13,000 ชีวิต และมีอัตราเสียชีวิตกว่า 68 ปอร์เซ็นต์
ปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคอหิวาตกโรคแล้ว จึงไม่มีการระบาดรุนแรงอีก
2. ไข้ทรพิษ : โรคฝีดาษ ถ้าประมาท ถึงตาย
“ไข้ทรพิษ” หรือ “โรคฝีดาษ” เป็นโรคติดต่อร้ายแรง อาการคือมีผื่นขึ้นตามตัว ไข้สูง ปวดศีรษะ ชัก และอาจเกิดโรคแทรกซ้อนที่ทำให้เสียชีวิตได้
ในไทย ไข้ทรพิษ มีปรากฏครั้งแรกสมัยกรุงศรีอยุธยา มีพระมหากษัตริย์ไทยสวรรคตด้วยไข้ทรพิษถึง 2 พระองค์ ได้แก่พระบรมราชาที่ 4 และสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
นอกจากนี้ ช่วง พ.ศ.2460 - 2504 ยังมีการระบาดของฝีดาษเกิดขึ้นทุกปี เหตุเพราะเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เริ่มระบาดจากเชลยพม่า ลุกลามไปยังกลุ่มกรรมกรไทย โดยมีผู้ป่วยมากถึง 62,837 คน และมีผู้เสียชีวิต 15,621 คน
ในปี พ.ศ.2523 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศว่าฝีดาษได้ถูกกวาดล้างแล้ว จึงหยุดการปลูกฝีป้องกันโรค จากนั้นเป็นต้นมา โรคฝีดาษก็ไม่เคยระบาดอีกเลย
3. กาฬโรค : “มรณะดำ” ที่เคยคร่าชีวิตคนครึ่งทวีป
“กาฬโรค” เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย “เยอร์ซิเนีย เปสติส” (Yersinia Pestis) โดยมีพาหะเป็นสัตว์ฟันแทะและหมัด แต่สามารถแพร่ในอากาศได้ ผ่านการสัมผัส หรือในอาหารที่ปนเปื้อนก็ได้
ที่มาของชื่อ “มรณะดำ” (The Black Death) เกิดจากการระบาดครั้งใหญ่ช่วงยุคกลางตอนนั้น ระหว่างปี ค.ศ. 541 - 542 คาดกันว่ามีจุดตั้งต้นจากประเทศจีน ระบาดสู่กรุงคอนสแตนติโนเปิล จากธัญพืชที่นำเข้าจากอียิปต์ ด้วยลักษณะของเมืองที่มีหนูเป็นจำนวนมาก ทำให้โรคระบาดอย่างรวดเร็ว คาดกันว่าชาวเมืองคอนสแตนติโนเปิลต้องเสียชีวิตวันละ 10,000 คน ต่อมาจึงแพร่เข้าสู่เมดิเตอร์เรเนียนในปี ค.ศ. 588 นักวิจัยประเมินว่ากาฬโรคคร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 100 ล้านคน และเป็นตัวการทำให้จำนวนประชากรในยุโรปลดลงกว่า 50 เปอร์เซ็นต์
ยังไม่รวมการระบาดในคริสต์ศตวรรษที่ 14 ที่อิตาลี ผลาญทำลายชีวิตผู้คนไปมากกว่า 2 ใน 3 ของประเทศ รวมถึงการระบาดที่ลอนดอน จนทำให้เหลือประชากร 60,000 คน จาก 450,000 คน
ในไทย ถูกลูกหลงการระบาดจากจีนในยุคพระเจ้าอู่ทอง และรัชกาลที่ 1 ตอนนั้นได้รับการเปลี่ยนชื่อจาก “โรคห่า” เป็นกาฬโรคอย่างเป็นทางการ และมีการบันทึกไว้ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2456 ที่นครปฐม ซึ่งมีคนเสียชีวิต 300 คน และครั้งสุดท้ายเมื่อปี พ.ศ. 2495 มีผู้ป่วย 2 ราย เสียชีวิต 1 ราย ที่จังหวัดนครสวรรค์
จากนั้นก็ไม่มีรายงานกาฬโรคเกิดขึ้นในประเทศไทยอีกเลย
4.ไข้หวัดใหญ่ เอช 5 เอ็น 1 : "ไข้หวัดนก"
ราวปี 2546 องค์การอนามัยโลกประกาศว่าพบไวรัส“ไข้หวัดนก” หรือ ไข้หวัดใหญ่ เอช 5 เอ็น 1 ที่ตอนนั้นเป็นสายพันธุ์ใหม่ล่าสุดในทวีปเอเชีย แต่มีความรุนแรงกว่าเชื้อไข้หวัดนกที่ผ่านมา ทั้งยังมีความเสี่ยงเสียชีวิตถึงร้อยละ 60 สร้างความตื่นตระหนกระลอกใหญ่ไปทั่วโลก
โชคยังเข้าข้างมนุษยชาติที่ไวรัสเอช 5 เอ็น 1 ไม่ติดแบบคนสู่คน ทำให้เฝ้าระวังได้ง่าย แต่ก็มีการระบาดสู่หลายประเทศ ตั้งแต่ ไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชา อินโดนีเซีย จีน ฮ่องกง อินเดีย ไนจีเรีย อิรัก อาเซอร์ไบจาน อียิปต์ อังกฤษ ออสเตรีย อิตาลี กรีซ สวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส โครเอเชีย เยอรมนี
โรคไข้หวัดใหญ่เอช 5 เอ็น 1 คร่าชีวิตคนไปกว่า 300 ราย
5. ไวรัส COVID19 : เชื้อโรคใหม่ สายพันธุ์เดิม
เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2562 เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน หลังจากผ่านการเก็บตัวอย่างไวรัสและนำไปวิเคราะห์แล้ว องค์การอนามัยโลก ได้เปิดเผยว่าชื่อเรียกของไวรัสชนิดนี้คือ “ไวรัสโคโรน่า 2019”
ที่จริงคนไทยคุ้นเคยกับ COVID19 แล้ว เพราะไวรัสดังกล่าวมาจากต้นตระกูลเดียวกับ “โรคซาร์ส” หรือโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง ที่เคยระบาดมาถึงไทยราวปี พ.ศ. 2545 รวมผู้ติดเชื้อ 8,098 คน และมีผู้เสียชีวิต 774 คน
ธรรมชาติของไวรัสตระกูลนี้มักมาจากสปีชีส์อื่น ก่อนจะแพร่เชื้อเข้าสู่มนุษย์ อย่างโรคซาร์สก็เกิดจากตัวชะมด เป็นต้น
สำหรับ COVID19 ถูกเชื่อมโยงและสันนิษฐานว่าอาจมาจากตลาดขายส่งปลาและอาหารทะเลในเมืองอู่ฮั่น ซึ่งแม้สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอย่างวาฬเบลูก้าจะเป็นพาหะได้ แต่ในตลาดก็ยังมีการซื้อขายไก่ป่า ค้างคาว กระต่าย และงู จึงยังไม่อาจสรุปได้ว่าไวรัสโคโรน่ามีที่มาจากตัวอะไรกันแน่
ไวรัสตัวร้ายที่เป็นอันตรายต่อปอดชนิดนี้ติดต่อได้จากคนสู่คน การไอ และจาม จะเป็นวิธีแพร่เชื้อที่รุนแรงที่สุดที่เราควรระมัดระวัง
ล่าสุดมีผู้ป่วยสะสมทั่วโลก 13,560,683 ราย เสียชีวิตกว่า 583,523 ราย (รายงานวันที่ 15 ก.ค. 63)
คนไทยควรระมัดระวังตัวเองโดยการ :
- หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน
- ไม่สัมผัสกับผู้ป่วยที่มีอาการไอ จาม หรือ มีน้ำมูก
- สวมหน้ากากอนามัย
- ล้างมือบ่อย ๆ กินอาหารปรุงสุกร้อน
เมื่อไวรัสเดินทางจากสัตว์เข้าสู่คนสำเร็จ เมื่อนั้นเป็นตอนที่เราควรระวังเป็นพิเศษ เพราะนั่นแปลว่าเจ้าเชื้อร้ายกำลังพัฒนาตัวเอง และเพื่อป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าว คนไทยควรเปิดรับข่าวสารอย่างสม่ำเสมอ และปกป้องตัวเองด้วยวิธีด้านบนเมื่อโรคร้ายเข้ามาใกล้ตัว อย่าลืมแชร์วิธีป้องกันโรคจากเชื้อโรคให้เพื่อน ๆ และคนที่คุณรักด้วยนะ!
สอบถามสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422
—
อ้างอิง
ความเห็น 24
Toom
นักท่องเที่ยวจีนเต็มแม่กลองเลยละ จะระว้งอย่างไรได้
23 ม.ค. 2563 เวลา 10.38 น.
กะเพา
เอาตอนนี้สิ เดินทางง่าย มาไว ระบาดเร็ว ตายไว ที่สำคัญ ยาไม่มี
23 ม.ค. 2563 เวลา 14.40 น.
ข่าวนี้ตกสถิติ เพราะเคยมีไข้หวัดใหญ่ระบาดจากอินเดีย พม่า เข้า ปท.ไทยเมื่อประมาณก่อนปี 2500 ( เคยติดเชื้อด้วยตนเอง รุนแรงมาก ใช้เวลารักษา 7วัน พักฟื้นนาน15วัน )
26 ม.ค. 2563 เวลา 04.01 น.
เอาอยู่ เอาอยู่ สองวันเท่านั้น ไข้โคโรนาโผล่เชียงใหม่ ตัวใครตัวมันละพี่น้อง ดูแลตัวเองและครอบครัวให้ดี เชื่อใครไม่ได้ค่ะ
23 ม.ค. 2563 เวลา 23.14 น.
OatNattee
ซิฟิลิสก็เป็นโรคระบาด ถามคลีนิกดูสิว่าสถิติเดือนหนึ่งจ่ายยารักษาโรคระบาดนี้ไปกี่ dose
น่ากลัวนะทำให้เน่า กุด ตัดทิ้งแต่
ชายไทยไม่กลัว
- -'
24 ม.ค. 2563 เวลา 04.39 น.
ดูทั้งหมด