โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

ได้เวลาสร้างอนาคตไทย “บอม โอฬาร” เปิดแนวทางความคิด “วิเชียร-นริศ” กับสิ่งที่จะทำเพื่อคนไทย

THE POINT

อัพเดต 14 ก.ค. 2565 เวลา 08.05 น. • เผยแพร่ 14 ก.ค. 2565 เวลา 08.05 น. • THE POINT
ได้เวลาสร้างอนาคตไทย “บอม โอฬาร” เปิดแนวทางความคิด “วิเชียร-นริศ” กับสิ่งที่จะทำเพื่อคนไทย
ได้เวลาสร้างอนาคตไทย “บอม โอฬาร” เปิดแนวทางความคิด “วิเชียร-นริศ” กับสิ่งที่จะทำเพื่อคนไทย

นาย โอฬาร วีระนนท์ อดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดย่อม(สสว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว

“ พี่วิเชียร ชวลิต และพี่นริศ เชยกลิ่น เรียนรู้ประสบการณ์ เพื่อสร้างอนาคต “

สำหรับผม หนึ่งในเคล็ดลับการเติบโต คือ การรู้จักเรียนรู้ และพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง และหนึ่งใน Growth Hacking ที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง คือ การเรียนรู้ ผ่านประสบการณ์ จากผู้ที่รู้จริงในเรื่องนั้นๆ วันนี้มีโอกาสได้ร่วมหารือในหลายมิติกับพี่ชาย ที่เคารพทั้งสองคน พี่คนแรก คือ

“พี่วิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่อยากสร้างอนาคตที่ดีให้ประเทศไทย”

ผมได้มีโอกาสรู้จักพี่วิเชียร ในสมัยที่ผมยังเป็นพนักงานประจำตัวเล็กๆ ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อราว 10 ปีที่แล้ว ผ่านหลักสูตร วตท.รุ่น12 ในวันนั้นพี่วิเชียร เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่มีความสนใจในเรื่องตลาดทุน เป็นข้าราชการน้ำดี ที่เติบโตมาบนเส้นทางจาก นายอำเภอ ในจังหวัดห่างไกล สู่จังหวัดสำคัญ ก้าวขึ้นเป็นรองผู้ว่า และผู้ว่าราชการจังหวัดในหลายพื้นที่ ขึ้นเป็นอธิบดีกรมพัฒนาชุมชน ก่อนจะก้าวขึ้นมาสู่จุดสูงสุดของข้าราชการใน 2 กระทรวง คือปลัดกระทรวงมหาดไทย และปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

ในสมัยนั้นผมเป็นผู้ประสานงานโครงการพลัง วตท.ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ที่มีจุดมุ่งหมาย ในการพัฒนาจังหวัดที่เหลื่อมล้ำสูง 10 จังหวัด ให้มีต้นแบบการพัฒนาที่เป็นตัวอย่าง เลยมีโอกาสได้ร่วมงานกับพี่ๆ วตท.มากมายใน 15 รุ่นแรก พี่วิเชียร ในสายตาผมขณะนั้น เป็นพี่ที่ให้เกียรติผู้คนในทุกระดับ รวมถึงผู้ประสานงานตัวเล็กๆ อย่างผม

ส่วนพี่คนที่สอง คือ

“พี่นริศ เชยกลิ่น ผู้บริหารองค์กรระดับแสนล้าน ที่ตั้งใจใช้ความสามารถที่มี สร้างอนาคตที่ดีให้ประเทศไทย”

ผมอาจไม่รู้จักพี่นริศเป็นการส่วนตัวมากนัก แต่มีโอกาสได้ยินชื่อมานานจากหน้าข่าวด้านธุรกิจ ในฐานะผู้บริหารระดับสูง มากความสามารถ ที่มีประสบการณ์บริหารองค์กรชั้นนำมากมาย ทั้งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ รองประธานกรรมการและกรรมการ บมจ.สิงห์ เอสเตท และเป็นกัลยาณมิตรที่ดี กับเพื่อนๆ พี่ๆ ที่ผมเคารพรักหลากหลายคน

“รุ่นพี่ธรรมศาสตร์ ที่นำความสามารถมาพัฒนาประเทศ”

อีกจุดร่วมที่มีร่วมกัน คือ ทั้งพี่วิเชียร และ พี่นริศ ถือเป็นรุ่นพี่ธรรมศาสตร์

พี่วิเชียร จบปริญญาตรี และโท รัฐศาสตร์ มธ. (พ่วงดีกรี นิติศาสตร์บัณฑิต ม.รามคำแหง อีกใบ) ส่วนพี่นริศ จบบัญชี ม.ธรรมศาสตร์ ทั้งตรีและโท ส่วนผมเรียน เศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ แต่ไม่จบ เพราะสมัยเรียนซ่าไปนิด เลยซิ่วมาเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ ก่อนกลับไปคว้าปริญญาโท MBA ที่ธรรมศาสตร์ กลับมาจนได้ และสถาบันแห่งนี้ ปลูกฝังความสนใจ ในเรื่องสังคม การเมือง และการพัฒนาประเทศอยู่ใน DNA ของสถาบันอย่างชัดเจน

“ภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม ผสานนวัตกรรม องค์ประกอบสำคัญในการเปลี่ยนแปลง”

ในวันนี้พี่วิเชียร มีความรู้และความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ทั้งในฐานะอดีตข้าราชการ ที่รู้ลึก รู้จริง เรื่องโครงสร้างการปกครอง มหาดไทย กรมประชาสงเคราะห์ ที่ต้องดูแลทั้ง คนพิการ LGBTQ คนยากไร้ โรงรับจำนำ ตลอดจนมีโอกาสไปทำหน้าที่ข้าราชการการเมือง เป็นสส.ในสภา ที่เชี่ยวชาญกฎหมายรัฐธรรมนูญ และเข้าใจปัญหาและหาทางออกเชิงโครงสร้าง จนได้ชื่อว่าเป็น สส.น้ำดี ที่ไม่ยึดติดตำแหน่งใดๆ แต่ต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้เกิดขึ้นจริงๆ

พี่นริศ มีหัวใจของผู้ประกอบการ ผู้บริหารระดับสูง ที่เติบโตและคลุกคลีมากับการทำงานกับผู้คนในทุกระดับ และสร้างผลลัพธ์เป็นที่ประจักษ์มากมาย เมื่อคนแบบนี้ ยอมเสียสละตัวเอง ตั้งใจอย่างจริงจังในการมาร่วมกันสร้างการเมืองที่ดี เป็นตัวแทนของผู้คน ใน Sector ที่ตนเกี่ยวข้อง เวลาอยู่ร่วมบรรยากาศเช่นนี้ ก่อให้เกิดพลัง และมีความหวัง ในการสร้างการเปลี่ยนแปลงจริงๆ

“สร้างอนาคตไม่ง่าย แต่ทำได้ ถ้าเรากล้าท้าทาย และร่วมลงมือทำอย่างจริงจัง”

เส้นทางการเปลี่ยนแปลงใดๆ ยิ่งสร้างผลกระทบยิ่งใหญ่ ยิ่งมีแรงต้านและความท้าทายมากขึ้นเท่านั้น ในฐานะคนตัวเล็กๆ ที่มีโอกาสทำงานแลกเปลี่ยนกับผู้คนมากมายในทุกเพศ ทุกวัย ทุกระดับ หลากขั้วความคิด ในทุกๆ วัน ได้แลกเปลี่ยนกับพี่วิเชียร ชวลิต, พี่นริศ เชยกลิ่น และเพื่อนๆ กัลยาณมิตรดีๆ อีกไม่น้อย โดยส่วนตัวผมยังมีความหวังครับ หวังว่าประเทศไทย ยังมีอนาคตที่ดีกว่านี้ได้จริงๆ แต่หากแค่หวังและไม่ลงมือทำ ก็คงไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ

10 ปี นับจากนี้ จะเป็นช่วงเวลาที่แสนท้าทาย

ทั้งในมิติเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม

ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทใดๆ ณ จุดไหนก็ตาม

สิ่งหนึ่งที่จะไม่เปลี่ยนแปลง คือ

จะไม่หยุดหวัง ฝัน และลงมือทำ เพื่อสร้างอนาคต

#ThePoint #ข่าวการเมือง #สร้างอนาคตไทย

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0

ความเห็น 0

ยังไม่มีความเห็น