สำนวนจีนที่ว่า 'ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน' บทเพลงคุณภาพก็เช่นกัน ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหน เพลงที่ไพเราะยิ่งผ่านเวลาไปก็ยังตราตรึงใจฟังอย่างไรก็ไม่เบื่อ
วันนี้ LINE TODAY ได้รับเกียรติจาก คุณบุรินทร์ บุญวิสุทธิ์ ศิลปินคุณภาพที่แทบไม่มีใครไม่เคยได้ยินบทเพลงของเขา … แทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นเวลากว่า 7ปีแล้วที่ไม่ได้มีผลงานเพลงใหม่ เพราะทุกครั้งที่ผู้ชายคนนี้จับไมค์ร้องเพลง ล้วนเป็นบทเพลงที่ฟังกี่ครั้งก็ยังไม่เบื่อ และเชื่อว่าถูกใช้ในงานแต่งของคู่รักหลายคู่แน่นอน.. ❤
7ปีที่หายไป ทำไรมาบ้าง ?
“จริงๆ ช่วงนั้นก็ยังมีออกทัวร์คอนเสิร์ตอยู่ แต่ยังไม่มีเพลงใหม่ออกมา ไม่มีอัลบั้มใหม่ หลักๆ เลยคือ 7ปีนี้ไปทำเพลงใหม่ อัลบั้มนี้ใช้เวลาถึง 4ปีเต็ม และในช่วงเกือบ 4ปีที่แล้วผมกลับไปทำธุรกิจส่วนตัว เช่นไปเปิดดีลเลอร์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และริเริ่มโครงการคอมมูนิตี้มอลชื่อ The Grove Hathairaj (เดอะโกรฟ หทัยราษฎร์) ซึ่งก็จะมีร้านอาหารของตัวเองอยู่ที่นั่นอีก 2ร้าน กาปลุกปั้นกับธุรกิจใหม่นี้ เป็นการแยกร่างไปทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่งานเพลง ซึ่งหากตอนนั้นเราออกอัลบั้มใหม่ จะต้องมีการโปรโมท มีการออกทัวร์คอนเสิร์ต เกรงว่าจะมีปัญหา อยากทำให้ธุรกิจใหม่ออกมาเป็นรูปเป็นร่างก่อน จึงแบ่งเวลาไปทุ่มเทกับการธุรกิจอย่างเต็มที่ครับ”
*ตั้งใจให้ 7ปี คือเลขดีหรือดูฤกษ์ก่อนปล่อยซิงเกิลหรือเปล่า? *
“ไม่เคยมีกำหนดในใจว่าต้องเมื่อไหร่ครับ ไม่เคยคิดว่าต้องกี่ปีถึงจะกลับมา แต่เป็นความบังเอิญที่เป็นแบบนี้มาตลอดเลย ตั้งแต่อัลบั้มแรกก็เกือบ 7ปี อัลบั้มที่ 2 กับอัลบั้มที่ 3 ประมาณ 4ปี อีกอย่างหนึ่งด้วยตัวเพลงของผม ออกอัลบั้มทีนึงสามารถอยู่ได้ยาวจริงๆ ไม่จำเป็นต้องออกอัลบั้มใหม่ทุกปี เป็นความโชคดีที่เวลาไปเล่นคอนเสิร์ตที่ไหน น้องๆ แฟนเพลงไม่เคยบ่นเลยว่าพี่ออกชุดใหม่ได้แล้ว มันก็เลยไม่มีอะไรมากดดันให้เราต้องทำอัลบั้มใหม่ๆ แต่มาช่วงหลังๆ ผมเริ่มรู้สึกว่า เราเล่นเพลงแนวเดิมๆ ซ้ำๆ เยอะเกินไปหน่อยแล้ว อยากมี material ใหม่ เราเองก็เริ่มมี input อยู่ในใจอยู่แล้ว และอยากสื่อสารกับคนฟัง จึงเป็นที่มาของอัลบั้มนี้ ซึ่งมันจะแตกต่างจากสิ่งที่เคยทำมาทั้งหมด”
บทเพลงทั้งหมดที่เคยทำ เพลงไหนที่ใช้เวลานานที่สุด?
“น่าจะเป็นอัลบั้มนี้เลยครับ เพราะว่าเวลาในการทำงานมันห่างกัน จริงแล้วไม่ได้อยู่ที่เพลงหรอก แต่มันอยู่ที่จังหวะและโอกาส อัลบั้มนี้ทำค้างไว้ 4ปีเต็มๆ อย่างเพลง “ขอโทษ” ที่เพิ่งปล่อยไปนั้น จริงๆ แต่งเสร็จมาประมาณ 5ปีแล้ว ร้องไว้หลายแบบหลายเวอร์ชั่นมาก แต่เพิ่งมีเวลามา wrap up กับตั้งชื่อให้เพลงนี้ในปีนี้เอง ตอนแรกเลยเพลงนี้ผมเรียกว่าเพลง Buy Song เพราะตอนที่ลองตั้งคอร์ดเพลงนี้ ทุกๆ คนที่ได้ฟังบอกว่า ซื้อเลยเพลงนี้เอา! เราก็โน้ตเอาไว้ว่า Buy Song (หัวเราะ) ซึ่งมีอีกหลายเพลงที่เป็นแบบนี้ที่ใช้เวลานานกว่าทุกอย่างจะเข้าที่และลงตัว อย่างเช่นซิงเกิลที่ 3 ที่กำลังจะได้ฟังกันประมาณเดือนกันยายน-ตุลาคมนี้ ชื่อเพลง “เธอเท่านั้น” อยากให้ลองฟังกันนะครับ อันนี้ก็ตั้งใจแต่งไม่แพ้กับเพลงอื่นๆ เลย”
เล่าคอนเซ็ปต์ MV ขอโทษ
“เรามีสิ่งที่ชอบอยู่ ผมกับพี่ชายมานั่งคุยกันว่าอยากได้ภาพแบบไหน อยากใช้เรือ อยากใช้รถเปิดประทุนโบราณๆ โชคดีที่ได้ร่วมงานกับพี่ปี้ด (ผู้กำกับ 7Days) ก็เล่าให้พี่เขาฟัง พี่เขียนบทกลับมา สมมุติให้ผมเป็นพระเอกชื่อ ‘อองตวน’ นางเอกชื่อ ‘วิเวียน’ ให้อองตวนหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาแล้วกระอักเลือด สำนวนในการเขียนบทมันเจ๋งมากเหมือน กำลังอ่านหนังสือนิยายกำลังภายใน ถูกใจเรามาก เลยตัดสินใจเอาตามนี้เลย วันที่ถ่ายทำคือสวยงามมาก ต้องขอบคุณทีมงานและเพื่อนๆของผมมาก เพราะทุกอย่างที่เห็นใน MV คือยืมเพื่อนผมมาทั้งหมดเลย ทั้งรถ เรือ สถานที่ถ่ายทำ”
“ในส่วนของนางเอกนั้น แฟนเป็นคนเลือกครับ ตัวผมเองไม่ค่อยมีโอกาสได้ดูโทรทัศน์สักเท่าไหร่ ปกติว่างๆ จะใช้เวลาไปกับการนั่งฟังเพลง เน้นการฟังเสียงมากกว่าการดูภาพ ที่ผ่านมา MV ของเราก็ เลือกนางเอกเป็นลูกครึ่งมาตลอด พอแฟนส่งรูปมารีญามาผมก็เห็นด้วย เขาก็สวยระดับจักรวาลแล้วนะ เขาเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนผมนะ เรียนไฮสคูลที่เดียวกัน แต่ห่างกันหลายปีอยู่ เกือบจะไม่ได้มารีญาแล้ว เพราะน้องติดคิวที่เมืองคานส์ แต่น้องอุตส่าห์เลื่อนไฟลท์มาเล่น MV ให้ และฝีมือการแสดงของน้องคือเก่งมากๆ ผู้กำกับสั่งปุ๊บ น้ำตาน้องไหลปั๊บ เก่งมากๆ เจ๋งมากๆ ทำให้ผมรู้สึกทำงานง่ายขึ้น กองโปรดักชั่นก็ทำงานง่ายขึ้น มีความเป็นมืออาชีพไม่มีหน้าบึ้ง ทำงานยิ้มแย้มแม้จะถ่ายดึกก็ไม่บ่น บรรยากาศในการทำงานสนุกมากๆ เขาเป็นคนมีเสน่ห์ครับ”
“ส่วนเรื่องของหนวดใน MV ก็เป็นหนึ่งในความฝันของผมครับ (หัวเราะ) คือผมเป็นคนที่หนวดเคราน้อยที่สุดในบ้าน ตอนอายุ 20กว่ายังไม่มีหนวดเลย ก็เลยอยากลองเปลี่ยนคาแรคเตอร์ ในบทคืออองตวนไม่สบายใกล้จะตายแล้ว ก็เลยหนีไปปลีกวิเวก คนเดียวบนเรือ ปรากฏว่าไปพบความรักครั้งสุดท้ายระดับจักรวาล แต่ก็หนีไปเพราะไม่อยากตายให้ผู้หญิงต้องเสียใจ ทำให้เขาเกลียดดีกว่าทำให้เขาสงสาร แล้วก็ปล่อยเนื้อปล่อยตัว หนวดเครารุงรัง ไม่มีคนช่วยดูแล แล้วก็ตายในที่สุด”
ชม MV เพลง "ขอโทษ"
ผลงาน MV อันต่อไป
“ใจจริง MV ตัวใหม่ผมอยากไปถ่ายทำในงาน festival สวยๆ สักงานนึง ในใจที่คิดไว้ก็คืองาน Wonderfruit นั่นแหละครับ แต่ไม่แน่ใจว่าจะทันหรือเปล่าเพราะปกติ Wonderfruit จะมีเดือน 11-12 แต่เราวางแผนจะปล่อยเพลงนี้เดือน 9-10 อยากมีนางเอก MV หลายๆ คน ต้องรอชมว่าจะมีเซอร์ไพรส์อะไรครับ”
เคยอยากทำเพลงแนวอื่นบ้างหรือเปล่า?
“จริงๆ ผมฟังเพลงทุกแนวนะ แต่ดนตรีแนวโซล (Soul) เป็นดนตรีที่ถูกใจเราที่สุด จริงๆ แล้วมันถูกเปลี่ยนไปตามวัยเรานั่นแหละ ตอนเด็กๆ ก็ชอบเพลงร็อค โตมาหน่อยก็อยากทำดิสโก ซึ่งดิสโกก็อยู่พื้นฐานเดียวกับโซล เป็นดนตรีคนผิวดำที่มีจังหวะกรูฟ แล้วก็ถูกพัฒนามาเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้ ถ้าให้ระบุว่าแนวดนตรีที่ผมทำอยู่นี้เรียกว่าอะไร ผมว่ามันบอกแน่ชัดไม่ได้เพราะมันเป็นการผสมผสานกันของหลายๆ แนวที่ชอบซึ่งยังมีพื้นฐานเป็นโซล นักดนตรีของผมก็เป็นแนวแจ๊สหมด ซึ่งแจ๊สนี้ผมก็ชอบมากเหมือนกัน ดังนั้นถ้าถามว่าอยากทำแนวอื่นเป็นแนวไหนคงเลือกเป็นแจ๊สก็แล้วกัน จริงๆ แอบบอกว่ามีโปรเจคอยู่ในใจแล้ว แอบตั้งชื่อ, มีลิสต์เพลงและนักดนตรีที่เราอยากร่วมงานด้วย อยากทำ Big Band Jazz ใช้นักดนตรีประมาณ 50คน แต่ตลาดบ้านเราเพลงที่คนฟังส่วนใหญ่จะเป็นแนวร็อค ส่วนแนวโซลยังไม่ค่อยมีคนฟังสักเท่าไหร่ ยิ่งถ้าเป็นแจ๊สด้วยแล้วคนฟังยิ่งน่าจะน้อย เป็นโปรเจคที่น่าจะต้องลงทุนมากกว่า แต่กลุ่มคนฟังเล็กกว่า แต่เราอยากทำเพื่อความสนุกจริงๆ”
อะไรเป็นเคล็ดลับในการสร้างสรรค์ผลงานเพลง?
“เราตั้งใจมากที่สุดครับ ไม่เคยมีคำว่าเดดไลน์ เช่น อีกสองอาทิตย์ต้องส่งเพลง ผมไม่เคยมีแบบนั้น ถึงใช้เวลาในการทำแต่ละอัลบั้มค่อนข้างนาน ผมไม่เคยมีเดดไลน์ในการทำอัลบั้ม และถ้าใครมากำหนดเดดไลน์ให้ผมก็ไม่ค่อยอยากจะรับ (หัวเราะ) เพราะเราอยากทำงานออกมาให้มันดีที่สุดถึงจะปล่อยออกสู่คนฟัง หรือแม้แต่เวลาทำอัลบั้ม สมมุตติว่าเราทำเพลงเสร็จแล้ว 8เพลง ปกติอัลบั้มหนึ่งจะมี 10เพลง ผมจะไม่เขียนเพลงเพิ่มอีกแค่ 2เพลงเพียงเพื่อให้เต็มอัลบั้ม บางอัลบั้มเรามีเพลงอยู่ 7เพลงก็คือ 7เพลง แต่มั่นใจว่ามันดีทุกเพลง”
มีความคาดหวังกับอัลบั้มนี้อย่างไร?
“ทำเพลงไม่เคยคาดหวังอะไรเลยครับ อยากจะทำให้มันดีที่สุด ถูกใจที่สุด เหมาะกับศักยภาพของเราในขณะนั้นมากที่สุด ไม่ได้คิดเรื่องของรางวัล หรือยอดวิว หรืออะไร ผมอยากมีเพลงที่ดี ให้แฟนเพลงฟังได้นานๆ มีความสุขเวลาที่มีคนบอกว่าชอบเพลงไหนเพราะอะไร หรือมีน้องๆ มาบอกว่าเพลงไหนตรงกับชีวิตหนูมากเลยค่ะพี่ แค่นี้ผมก็มีความสุขแล้ว ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องเจอ แต่ถ้าเจอแล้วรู้สึกดี แต่ถ้าจะให้มีสักนิดขอตอบว่าความคาดหวังเดียวเฉพาะของอัลบั้มนี้คืออยากให้ทุกเพลงสามารถนำไปขึ้นเล่นคอนเสิร์ตได้หมดทุกเพลง เพราะอัลบั้มที่แล้วผมใส่เนื้อหาลงไปแบบไม่ยี่หระต่ออะไรทั้งสิ้น ซึ่งมีหลายเพลงที่ยากมากสำหรับคนฟัง แต่ตัวเพลงมันสนุกสะใจผมมาก ได้รางวัลมาพอสมควร แต่เชื่อไหมว่าเพลงที่ผมไม่ชอบที่สุดคือเพลง ‘เกือบ’ ผมว่ามันเพราะเกินไป ฟังแล้วมันจั๊กจี๋ แต่ทุกคนบอกว่าเพราะ แม้แต่คุณพ่อของผมยังบอกว่าเพลงนี้ดังแน่ ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ สิ่งที่คาดหวังจากอัลบั้มนึ้จึงเป็นเรื่องของการให้อัลบั้มนี้ฟังง่าย แต่เรายังเล่นยากอยู่เหมือนเดิมนะครับ จึงเป็นโจทย์ที่ค่อนข้างท้าทายในการที่เราจะทำดนตรียากๆ แต่ให้คนฟังรู้สึกฟังง่าย มันไม่ง่ายเลย ต้องใช้เวลาในการทำมากพอสมควร แต่ดูจากผลตอบรับของเพลง ‘ขอโทษ’ ผมว่าผมมาถูกทางแล้วล่ะ”
ศิลปะในการดำเนินชีวิตในแต่ละบทบาท ศิลปิน / นักธุรกิจ / คุณพ่อ และบทบาทต่างๆ
“ผมอาศัยประสบการณ์ช่วยบาลานซ์ชีวิต ผมทำอะไรเป็นซีซั่นส์ เพราะทำหลายอย่างมาก ต้องแบ่งการโฟกัส แต่การเป็นพ่อไม่มีแบ่งซีซั่นส์นะ เป็นพ่อต้องเต็มร้อยตลอดเวลา แต่ถ้าเป็นเรื่องงาน งานไหนต้องการการโฟกัสมากกว่าผมจะลงไปทำตรงนั้นก่อน ให้เวลากับมัน ปั้นมันให้เป็นรูปร่าง พัฒนา เรียนรู้ หรือถ้ามีปัญหาก็แก้ไข วางแผนลำดับต่อไปให้เสร็จเรียบร้อย อยู่ต่อได้อีกกี่ปี พออยู่ตัวคงที่ โตเองได้ ก็ให้ทีมเข้ามาซัพพอร์ตดูแลได้ ก็จะเริ่มเฟดตัวเองออกมาดูห่างๆ วนแบบนี้แหละครับ เวลาพักผ่อนก็หาได้ แต่วันหนึ่งก็มีหลายอย่าง หลายบทบาทที่ต้องทำ ไม่เคยเบื่อครับ สนุกดี อย่าทำอะไรที่ฝืนตัวเอง ทำอะไรที่ชอบ แล้วทำเป็นอาชีพได้ มันคือวิเศษมาก ถ้าทำได้อยากให้เปลี่ยนจากความชอบเป็นความรักให้ได้ เพราะถ้ารัก มันจะมีใจอยากจะทำให้มันดี มีความอยากเรียนรู้อยากพัฒนาให้มันดียิ่งขึ้นไปอีก และต้องรักมันจริงๆ ไม่ใช่แกล้งรักนะ”
อยากให้ลูกเป็นนักดนตรีหรือเปล่า
“ผมไม่กำหนด ผมให้เขาเลือกเอง ผมไม่ตีกรอบด้วย ผมมีเส้นทาง ผมเล่าเส้นทางให้ฟัง เป็นเนวิเกเตอร์ให้ ให้เขาเรียนทุกอย่างที่เขาอยากเรียน ให้เขาได้ลองดู ถ้าเขาชอบค่อยเรียนต่อ ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องไปสนใจ ก็เปลี่ยนมันไป เพราะเด็กๆ ยังมีเวลาอีกเยอะที่จะเรียนรู้ ผมเองผมเรียนจบปริญญาตรีถึงเพิ่งรู้ว่าตัวเองชอบอะไร ซึ่งผมว่ามีคนเป็นแบบนี้กันเยอะตอนเราเรียนปริญญาตรีเราเลือกเรียนไปโดยที่ยังไม่รู้เลยว่าเราชอบมันหรือเปล่า พอเรียนจบอาจจะมาพบตัวเองทีหลังว่าชอบอีกอย่างหนึ่งมากกว่า ผมคิดว่าบางทีค่อยๆ เรียนรู้ ลองทำหลายๆ อย่าง คนพบตัวเองให้ได้เร็ว”
ความเป็นมาของธุรกิจคอมมูนิตี้มอลและธุรกิจร้านอาหาร
“เริ่มต้นจากที่ครอบครัวเราทำธุรกิจรถยนต์มา 3รุ่นแล้ว กว่า 70ปี เรื่องของประสบการณ์ know how ของเรามีอยู่ นโยบายของเราคือทำอย่างไรให้ลูกค้าประทับใจมากที่สุด ซึ่งลูกค้าแต่ละกลุ่มก็จะมีความชื่นชอบและความต้องการที่ไม่เหมือนกัน โชคดีที่ประสบการณ์ที่สั่งสมมาสามารถนำมาปรับใช้ได้ ทำให้เราสามารถคว้ารางวัล การสร้างความพึงพอใจอันดับหนึ่ง ทำให้เรารู้สึกชื่นใจ มีแรงที่จะพัฒนาให้เป็นที่พึงพอใจสำหรับลูกค้าต่อๆ ไป หลังจากนั้นประมาณ 2-3 ปีเราก็มาทำธุรกิจ community mall ชื่อ The Grove, Hathairaj อยู่ในโซนสายไหม-หทัยราษฎร์ ซึ่งโซนนี้มีหมู่บ้านเยอะมากๆ หลากหลายไซส์เลย หากถามว่าทำไมถึงเลือกโซนนี้ ก็เพราะธุรกิจของผมอยู่ย่านนี้2อย่าง ทั้งดีลเลอร์ฮอนด้า และบริษัทในเครือก็คือดีลเลอร์มิตซูบิชิ ที่ตรงนี้เราใช้เป็นที่เก็บรถในสต๊อก วันหนึ่งคุณพ่อผมมีไอเดียอยากทำธุรกิจเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ในย่านนี้ เราเลยก้าวเข้ามาทำธุรกิจแนวนี้ เริ่มตั้งแต่การดีไซน์ คอนเซ็ปต์ ก่อสร้าง มาร์เก็ตติ้ง เริ่มต้นจากทีมเล็กๆ มีกันอยู่แค่สองสามคน ค่อยๆ สร้างมาจนเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้เมื่อเดือน8 ปีที่แล้ว ได้พาร์ทเนอร์อย่างแม็กซ์แวลู มีร้านค้าอยู่ประมาณ 30ร้าน รวมถึงร้านอาหารของผมเอง”
“ในส่วนของธุรกิจร้านอาหารสำหรับผมค่อนข้างใหม่ เป็นอะไรที่ยังไม่เคยทำ แต่ผม based จากการที่เป็นคนชอบทานของอร่อยๆ ครอบครัวผมจะขับรถออกไปไกลๆ หาอะไรทานกันตั้งแต่ผมยังเป็นเด็ก บางทีเจอร้านอาหารที่ตกแต่งเหมือนเป็นบ้าน บรรยากาศไม่เหมือนร้านอาหารเท่าไหร่ แต่มีอะไรอร่อยๆ ให้เราได้รับประทาน เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ พอได้มาทำธุรกิจร้านอาหารเข้าจริงๆ ก็พบว่านอกจากจะมีเรื่องคอนเซ็ปต์ เรื่องรายละเอียดอื่นๆ ที่ค่อนข้างเยอะมาก ยังมีเรื่องของความสม่ำเสมอในการรักษาคุณภาพ การทำมาร์เก็ตติ้ง ถามว่าสนุกไหม ผมสนุกกับการทำงานอยู่แล้วนะ วันนึงก็จะเข้างานที่บริษัท ไปร้องเพลง แล้วก็มาจบที่ร้านของผมเองนี่แหละ ตอนนี้ผมมีอยู่ 2ร้าน คือร้านชาบูชื่อ Shab Shab Shabu กับร้าน LAMBIC Eatery อยู่ที่ The Grove หทัยราษฎร์นี่เองครับ”
นอกจากงานเพลง และธุรกิจที่มี อยากทำอะไรอีกในอนาคต
“ตอนนี้ยังไม่อยากทำ แต่มีความฝันคืออยากเป็นนักโบราณคดี อยากทำสารคดีเกี่ยวกับโบราณคดี วัฒนธรรม หรือธรรมชาติ แต่ไม่รู้จะพร้อมเมื่อไหร่ แต่เป็นความฝันมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ชอบธรรมชาติ แล้วมีฮีโร่คนนึงคือ David Attenborough เป็นคนที่อยู่กับช่อง BBC มาตั้งแต่อายุสิบกว่า จนอายุเก้าสิบกว่า ยังออกสนามเองอยู่เลย เมื่อก่อนเวลาผมนอนไม่หลับก็จะเปิดวิดิโอดูงานสารคดีของเขาดูซ้ำวนไปวนมาจนเทปพัง ฟังเสียงเขาจนหลับไป ใครนอนไม่หลับลองดูสารคดีของเขานะครับ เสียงเพราะมากๆ”
ติดตามผลงานของคุณบุรินทร์ บุญวิสุทธิ์ ได้ที่
Fanpage : BURIN BOONVISUT
Instagram : burin_boonvisut
LINE Official Account : @burinboonvisut
ความเห็น 5
Songsri T.
เพลงเค้าเพราะ
15 ส.ค. 2561 เวลา 23.09 น.
⏩Real~time⏪
เรารักนายว่ะ บุรินทร์ 💕💕👌
15 ส.ค. 2561 เวลา 17.22 น.
sa_tis 086-319-8056
ใคร?
สกุลนี้ ถ้าเป็นศูนย์รถ
ก็เสือหิว
15 ส.ค. 2561 เวลา 14.10 น.
💃it"me!!💚👅💬
รู้แต่ว่าร้องเพลงเพราะมาก เสียงเป็นเอกลักษณ์ 👍👍👍
15 ส.ค. 2561 เวลา 13.54 น.
Butter Be Better
บูริน เค้ามีต้นทุนที่ดี บางที่ก๊ไม่ค่อยมีแรงบันดาลใจนะ เมื่อได้อ่าน
15 ส.ค. 2561 เวลา 12.44 น.
ดูทั้งหมด