จากคนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างสู่การเป็นช่างภาพมืออาชีพ สิ่งนี้ไม่ใช่พลอตหนังสร้างแรงบันดาลใจแต่อย่างใด แต่เป็นหนังชีวิตที่เกิดขึ้นจริง ๆ กับผู้ชายคนนี้ เอก - พิชัย แก้ววิชิต วินมอเตอร์ไซค์หมายเลข 3 ประจำวินราชเทวีที่หลงใหลการถ่ายรูปจนมีนิทรรศการภาพถ่ายและคอลเลคชั่นเสื้อยืดพิเศษของตัวเอง
วันนี้เอกมาหาเราที่ออฟฟิศไลน์ประเทศไทย พร้อมกับกล้องคู่ใจ เราเลยขอชวนเขามานั่งคุยเกี่ยวกับมุมมองเรื่องศิลปะ การถ่ายภาพ โปรเจกต์ใหม่ที่ทำร่วมกับ LINE STICKERS และขอให้เขาถ่ายทอดออฟฟิศของไลน์จากมุมมองของ เอก พิชัย เป็นที่ระลึกให้พวกเรา มารู้จักกับศิลปะของผู้ชายคนนี้และเรื่องราวของเขาให้มากขึ้นกันเถอะ!
เอกเริ่มต้นถ่ายรูปจากการถ่ายกล้องฟิล์มเป็นงานอดิเรก แต่ด้วยความที่เอกต้องหาเลี้ยงครอบครัวเป็นงานหลัก วิ่งรถตั้งแต่เช้าจรดดึก เขาเลยพับความชอบส่วนตัวอันนี้เก็บเอาไว้ แรงกระตุ้นเกิดขึ้นอีกครั้งตอนที่รุ่นพี่ที่เป็นช่างภาพที่สนิทกันไหว้วานให้เอกช่วยนำรูปถ่ายของเขาไปเซตอัพที่ร้าน ๆ หนึ่งบนถนนพระอาทิตย์ ระหว่างที่ช่วยแขวนรูป เอกก็ได้เห็นภาพของปารีสในฟิล์มขาวดำ เขานึกสะท้อนกลับมาถึงตอนที่ตัวเองขับวินแล้วรู้ว่ามันคือคนละโลกกันเลย
“เรามาค้นพบตัวเองว่าเราชอบอยู่กับอะไรแบบนี้ รู้สึกว่าเราเด๊ดสะมอเร่อยู่ที่นี่ได้เลย แต่ด้วยวิถีชีวิตของเราที่เลี้ยงครอบครัว ต้องหาเงิน เราก็ไม่สามารถทิ้งพวกเขาแล้วไปเป็นช่างภาพ ไล่ตามความฝันของตัวเองได้ ไม่มีทางเป็นไปได้เลย แต่มันเกิดประเด็นขึ้นมาในใจว่าต่อไปนี้เราคงต้องทำอะไรตามใจตัวเองนิดนึงบ้างแล้ว ถ้าเราเจอสิ่งที่ตายกับมันได้ มันใช่ละ”
นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เอกมานั่งนึกดูว่าถ้าอยากถ่ายรูปจะเริ่มจากตรงไหน “คงต้องเริ่มจากกรุงเทพเพราะชีวิตเราไปไหนไกลกว่านี้ไม่ได้ ถ่ายแล้วจะเอางานไปโชว์ที่ไหน เราก็นึกถึงไอจี ก็เลยปรึกษาลูก ๆ ว่าไอจีเค้าเล่นกันยังไงหว่า แล้วก็เริ่มใช้เวลาว่างที่มีไปถ่ายรูปเลย เริ่มจากพื้นฐานศิลปะ เส้น รูปร่าง แสงเงา พยายามหาของที่คนเค้ามองข้าม ดูให้มันเป็นศิลปะ”
ถ่ายรูปจากความรู้สึก ไม่ใช่จากเทคนิค
“จริง ๆ การถ่ายรูปมันถ่ายมาจากความรู้สึกซะส่วนใหญ่ เราไม่ได้ใช้เทคนิค เรามองว่าการถ่ายภาพมันไม่ใช่แค่การถ่ายรูป แต่มันคือการถ่ายทอดความรู้สึกของตัวเราออกมาด้วย ไม่ใช่แค่เห็นของสวย ๆ แล้วถ่ายแล้วก็จบแค่นั้น เราประทับความรู้สึกของเราเอาไว้ในภาพมากกว่าว่าทำไมเราถึงเห็นสิ่งนั้นว่าสวยและอยากเก็บมันเอาไว้
ทุกครั้งที่มีน้อง ๆ มาถามว่าพี่ถ่ายรูปยังไง เราก็ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน แต่สิ่งที่เราควรโฟกัสก่อนก็คือเราชอบอะไร เพราะว่าคนเรามีลายนิ้วไม่เหมือนกันนะ ธรรมชาติสร้างมาให้เรามีความแตกต่างอยู่แล้ว ถ้าเราพยายามไปทำตามคนอื่น มันจะยาก แต่ถ้าเรายอมรับความเป็นธรรมชาติของเราแบบ เฮ้ย เราชอบถ่ายแบบนี้ ชอบมุมนี้อะ มันก็จะเป็นคาแรกเตอร์ของเรา”
พื้นฐานมาจากความชอบในศิลปะ
ถึงจะฟังดูแล้วง่าย เรากลับคิดเห็นว่าการมีสายตาที่เฉียบในการกดชัตเตอร์ไม่ได้มีในตัวทุกคน เอกบอกเราว่าสิ่งที่เขาเห็นผ่านเลนส์กล้องมาจากความหลงใหลในศิลปะ "จริง ๆ มันก็มีพื้นฐานตรงที่ว่าเราชอบศิลปะ แต่แค่ไม่ได้เรียนมา เลยเน้นเสพย์งานศิลป์เอา ภาพวาด ภาพเขียน งานปั้น อะไรที่เป็นศิลปะเราจะสนใจเป็นพิเศษ การ์ตงการ์ตูนอะไรเราดูหมดนะ ดูเรื่องการให้สีของเขา ดูการวาดเส้น รู้สึกว่าชอบ แสงเงาหรืออะไรก็ตามรู้สึกว่ามันสวยหมด ไม่เชิงว่าจะต้องไปนิทรรศการหรืออะไรที่ทางการ บางทีเราก็ดูตามในเน็ตเอา ตามหนังสือหรือทีวี เราเป็นช่างภาพที่ดูงานภาพถ่ายน้อยมาก ๆ หลายคนเลยบอกว่างานของเราดูไม่ค่อยเหมือนภาพถ่ายสักเท่าไร"
พรสวรรค์ หรือ การฝึกฝน
"เอาจริง ๆ นะเราว่ามันคือสิ่งที่เราชอบมากกว่า พรสวรรค์มันอาจจะช่วยอะไรไม่ได้มากหรอก แต่เวลาเราทำสิ่งที่เรารัก เราทำทุก ๆ วัน อันนี้สำคัญ จุดสำคัญก็คือเมื่อไรที่เราเจอตัวเราแล้ว เราก็ทำไปเลย ไม่ต้องรอให้พร้อมหรอก ถ้าเรารักจริง ๆ และเราลงมือทำ ทุก ๆ วันมันจะเกิดกระบวนการเรียนรู้ แล้วสุดท้าย งานชิ้นนั้นแหละจะเป็นคาแรกเตอร์เรา"
การค้นพบศิลปินที่ชื่อ “พิชัย”
จากการถ่ายภาพเป็นงานอดิเรก เอกเป็นที่รู้จักในฐานะของช่างภาพในวงกว้างครั้งแรกเมื่อประมาณ 5 เดือนที่แล้ว เขาเล่าถึงโมเมนต์นั้นให้เราฟังว่า "พี่จัง คนที่เคยให้กล้องฟิล์มเรามาถ่ายตอนแรกเค้ารู้จักกันกับพี่หนุ่ม รังสรรค์ เจ้าของร้าน Craftsman ที่อยู่บ้านอาจารย์ฝรั่ง พอดีว่าเค้ากำลังจะจัดนิทรรศการ Accidentally Professional ที่แสดงผลงานศิลปะของคนที่ไม่ได้อยู่ในวงการศิลปะ พี่จังก็เลยเอาไอจีพี่ให้พี่หนุ่มดู เค้าก็ไม่ได้คิดว่านี่จะเป็นคนไทยแต่พี่จังก็บอกไปว่า ‘เอกไงพี่ ที่ขับวินอะ’ วันถัดมาเราก็เลยได้รับสายจากพี่เอกชวนให้ไปแสดงผลงานที่บ้านอาจารย์ฝรั่ง ซึ่งตอนนั้นเราก็ไม่รู้ว่าเค้าเป็นใคร พอเค้าพูดชื่ออาจารย์ศิลป์ พีระศรี เราก็คุ้น ๆ ละ (หัวเราะ) อ๋อ คนที่ก่อตั้งศิลปากร เราก็ตอบตกลงไป โอเคครับเลย
หลังจากนั้นก่อนงานจะเริ่ม ทาง The Cloud ก็ติดต่อขอมาสัมภาษณ์ เราก็บอกน้อง ๆ ไปว่าเราไม่ได้เตรียมตัวมานะ พี่ไม่คิดด้วยแต่พี่จะใช้ความรู้สึก โอเคนะ (หัวเราะ) น้องเค้าก็บอกว่าโอเคๆ เราก็เล่า ๆๆๆ คิดว่าไม่ได้พูดอะไรมากนะแต่กลายเป็นจบที่ 2 ชั่วโมง น้องนักเขียนก็บันทึก ๆ ใหญ่เลย พอบทความลงไปปุ๊บ น้องซีจาก The Cloud ก็โทรมาหาเลย บอกว่า “เว็บล่มว่ะพี่” พอเรามากดดูไอจีตัวเอง จากที่มันเงียบ ๆ ก็มีอะไรเด้งขึ้นมาเรื่อย ๆ แบบมือถือสั่นไม่หยุดจนเราคิดว่ามันพังอะ จากคนติดตาม 2,700 กลายเป็นหมื่น! สองหมื่น! (หัวเราะ) ชีวิตเปลี่ยนไปเลย"
ขอไม่เรียกตัวเองว่าช่างภาพมืออาชีพ
“มาจนถึงวันนี้เราก็ไม่คิดนะว่าเราคือมืออาชีพแล้ว ถ้าใครมาถามว่าเราทำอาชีพก็ยังคงตอบเค้าไปว่าวิ่งวินหาเงินอยู่” เอกบอกกับเราเช่นนี้ จากการที่คุยกับมาเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง เราสามารถบอกได้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่แน่ ๆ
“เราคิดแค่ว่าในวันข้างหน้าเราอาจจะไม่วิ่งวินแล้วก็ได้ เราคิดว่าชีวิตคนเรามันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เราว่าทุกวันนี้ที่จับพลัดจับผลูอยู่ในกระแสมันคือจุดเริ่มต้นเท่านั้นว่าเราจะก้าวต่อยังไง จากวิ่งวินอีก 2-3 ปีเราจะไปอยู่ที่ไหนได้ อันนี้เราว่าดี เราชอบ อย่าไปกักขังตัวเองแค่คำว่าฉันทำไม่ได้ คุณเป็นอาชีพอะไรก็ได้แต่ถ้าคุณพร้อมที่จะพัฒนาตัวเองจริง ๆ ชีวิตคุณเปลี่ยนได้จริง ๆ”
บอกเลยว่าชายคนนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ! ส่วนใครที่หลงใหลในรูปภาพเหล่านี้ สามารถซื้อธีมไลน์ภาพถ่ายฝีมือคุณพิชัย ที่มีให้เลือกมากถึง 10 แบบได้แล้วที่ https://lin.ee/6ANC3EG/skn พิเศษกว่า! หากกดซื้อธีมจากคอลเลคชั่นของคุณพิชัย แก้ววิชิต ระหว่างวันที่ 22-28 กรกฎาคม 2562 รับคืน 50 เหรียญ (มูลค่าเท่ากับ 30 บาท) รับรองว่าคุณจะเพลิดเพลินกับการใช้งานแอปพลิเคชันไลน์มากยิ่งขึ้น!
ความเห็น 9
คิดว่าในบทความนี้ทำให้ได้รู้ว่าคนเรานั้นจะประสบกับความสำเร็จได้ก็ย่อมที่จะต้องขึ้นอยู่กับพรสวรรค์และในการจิตนาการของตนเองที่เป็นสิ่งสำคัญ.
22 ก.ค. 2562 เวลา 01.23 น.
Tle Isaraporn
ชอบนะ ดูเขามีเซนส์ทางด้านศิลปะอยู่ในตัวสูง เราคนเรียนศิลปะยังยกนิ้วให้เลย
22 ก.ค. 2562 เวลา 03.27 น.
ติดตามตลอดคะ เดี๋ยวจะไปอุดหนุนธีม ภาพถ่ายออฟฟิตไลน์สวยมากคะ
22 ก.ค. 2562 เวลา 06.15 น.
Mayday/leave21-27
เท่มาก
22 ก.ค. 2562 เวลา 06.00 น.
วิวัฒน์
เกิดจากจิตนาการ ขอให้กำลังใจ
22 ก.ค. 2562 เวลา 07.19 น.
ดูทั้งหมด