เสี่ยงตาย! เพราะชอบ “ความเสียว” ไต่หน้าผาที่เสียวสุดในโลก

เสี่ยงตาย! เพราะชอบ “ความเสียว” ไต่หน้าผาที่เสียวสุดในโลก

ถ้าหากพูดถึงสถานที่สำหรับการไต่ผาที่น่าหวาดเสียวที่สุดในโลก ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานั้น  เชื่อได้เลยครับว่า ภูเขาหวา(Huashan)จะต้องโผล่ขึ้นมาเป็นหนึ่งจุดหมายปลายทางแน่นอน!

สำหรับวันนี้ผมจะพาทุก ๆ คนมาพิชิตไฮไลท์เด็ดของที่นี่ กับการไต่ผาที่ได้รับฉายาว่า ‘น่าหวาดเสียวที่สุดในโลก’ 

ไม่ใช่เพราะความสูงเพียงอย่างเดียวที่ทำให้ภูเขาหวากลายเป็นจุดหมายปลายทางจากนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความหวาดเสียวทั่วทุกมุมโลก  แต่เป็นเพราะการไต่ผาที่นี่ต้องเดินบนทางไม้แคบ ๆ ที่โผล่ยื่นออกมาจากริมหน้าผาสูงชัน 

เพิ่มความน่าหวาดเสียวไปกว่านั้นคือ การมีเพียงแค่ตะขอเกี่ยวสลิงเป็นอุปกรณ์ในการไต่ผาเพียงชิ้นเดียว! 

ได้ฟังเพียงแค่นี้ผมก็ตั้งใจว่าจะต้องว่าพิชิตการไต่ผาที่นี่ให้ได้ พร้อมทั้งอยากพิสูจน์ด้วยว่าฉายา ‘World’s most dangerous hiking’ ของภูเขาหวา นั้นจะจริงอย่างที่คนอื่นพูดกันหรือเปล่าครับ!?

กิจกรรมไต่ผา หรือที่เรียกว่า Plank Walk นั้นเป็นกิจกรรมพิเศษที่ ภูเขาหวา มณฑลซ่านสี ประเทศจีน

สำหรับการเดินทางไปภูเขาหวานั้นไม่ยากเลยครับ ผมเดินทางจากประเทศไทยโดยสามารถบินตรงจากกรุงเทพไปยังเมืองซีอาน (Xian)  แล้วสามารถนั่งรถไฟจากเมืองซีอาน (Xian) เพียงแค่สองชั่วโมง และนั่งรถบัสฟรีที่ให้บริการจากสถานีรถไฟไปยังตีนเขา เพียงแค่นี้ก็ได้ไปพิชิตความหวาดเสียวที่นี่กันแล้ว

สำหรับการไต่ผาที่ภูเขาหวานั้น ใครอยากปีนขึ้นเขาจากตีนเขาเลยก็สามารถทำได้ นอกจากนี้ยังมีเคเบิลคาร์สำหรับคนที่อยากชมวิวมุมสูง และมีโรงแรมให้พักค้างคืนกลางเขาได้ด้วยเช่นเดียวกันครับ

เรียกได้ว่ามีหลากหลายเส้นทางและวิธีการให้เลือกครับ

สำหรับกิจกรรมพิเศษการไต่ผาที่ว่ากันว่าน่าหวาดเสียวที่สุดในโลกนั้นเป็นระยะทางเดินไต่แยกออกมา ถือเป็นกิจกรรมพิเศษเฉพาะสำหรับคนที่อยากลองท้าทายความกล้าของตัวเองตามความสมัครใจครับ ส่วนใครที่อยากชมเพียงอย่างเดียว ก็สามารถยืนรอให้กำลังใจเพื่อน ๆ ได้ที่จุดชมวิวใกล้ ๆ 

วิธีการไต่ผาที่นี่นั้นเจ้าหน้าที่จะให้เราสวมสายติดตะขอที่หน้าอก (Chest Harness) โดยจะมีสายตะขอสองอัน เพื่อใช้คล้องกับสลิงที่ขึงอยู่ตลอดทางไต่ โดยสายสลิงเส้นบนสำหรับขาไป เส้นล่างสำหรับขากลับ

เส้นทางช่วงแรกต้องไต่ลงหน้าผาไปก่อนด้วยทางแคบ ๆ ผ่านซอกหิน ซอกผา ที่ค่อนข้างจะเบียดเสียดและน่าหวาดเสียวเอาเรื่องอยู่ครับ

เพราะความที่เป็นเส้นทางไต่ขึ้นและลงทางเดียว ทำให้ต้องเบียดเสียดทุลักทุเล ชะโงกหน้าลงไปก็เห็นก้นเหวสุดลูกหูลูกตา และหิมะขาวโพลนอยู่ด้านล่าง

เพียงแค่ไต่ลงมานิดเดียวก็เห็นวิวภูเขาสลับซับซ้อนสุดลูกหูลูกตา สวยจนละสายตาไม่ได้เลยครับ

หลังจากไต่ลงมาผ่านช่องผาแคบ ๆ แล้ว ทางเดินถัดไปจะเป็นทางไม้โผล่ยื่นออกมาจากริมผาให้เดินไต่ไปต่อครับ 

ทางเดินไม้ที่ว่านี่แคบมาก แคบขนาดที่ว่าหากมีคนสองคนเดินสวนกัน  ไม่คนใดก็คนหนึ่งจะต้องหยุดแล้วให้อีกคนเดินไปก่อน  ไม่สามารถเดินสวนพร้อมกันได้ครับ

นอกจากทางเดินไม้เเล้วนั้น ถัดไปยังมีทางเดินที่เจาะตรงริมผาเข้าไปเป็นรูปใช้สำหรับวางเท้าให้ได้ไต่ไปต่ออีกนิดครับ โดยระหว่างทางจะมีโซ่เส้นใหญ่ขึงไว้ให้เราจับเพื่อความอุ่นใจ แต่ก็ยังเสียวอยู่ดีครับ

สำหรับคนตัวสูง หรือตัวใหญ่มาก ๆ จะหวาดเสียวทวีคูณครับ เพราะทางไต่ผาเป็น One way ไต่ไปสุดทางแล้วก็เดินกลับทางเดิม  เวลาเดินสวนกันก็ต้องดึงสายสลิงยกให้สูงขึ้น ให้คนเดินสวนแทรกหลังเราไปเหมือนในรูปครับ 

เรียกได้ว่าเป็นกิจกรรมที่หวาดเสียวท้าทายตัวเองจริง ๆ ครับ เพราะหลายต่อหลายครั้งที่ต้องหยุดค้างเติ่งริมผาเป็นนานสองนาน  รอให้คนอื่นค่อย ๆ ทยอยไต่ไปทีละก้าว สองก้าว เผลอมองลงไปก้นเหวที่ไรขาแอบสั่น ใจเต้นระรัวเลยทีเดียวครับ

หลังจากไต่ผามาจนถึงสุดทาง จะมีจุดชมวิวให้พักหายใจหายคอจากความหวาดเสียวก่อนที่จะต้องไต่กลับ มองเห็นดวงอาทิตย์ค่อย ๆ ลับขอบฟ้าหลังภูเขาสูงใหญ่ พร้อมอากาศหนาวเหน็บแบบนี้ถือเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าจริง ๆ ครับ

หันหน้าออกจากหน้าผา ก็จะเห็นเป็นวิวดวงอาทิตย์กำลังตกครับ 

สำหรับผมแล้วการไต่ผาที่นี่เป็นประสบการณ์ที่หวาดเสียวมากที่สุดเท่าที่เคยทำมาในชีวิตและประทับใจไม่มีทางลืม ทั้งวิวและความน่าหวาดเสียวของการไต่ผาที่นี่สมกับฉายา ‘World’s dangerous hiking’ ไม่มีผิดหวังแน่นอนครับ!