ความเคลื่อนไหวในวงการแฟชั่น เมื่อต้องเผชิญกับวิกฤติโควิด-19 - เกาะแกะแฟชั่น

สถานการณ์โควิดฯที่ระบาดไปทั่วโลกวันนี้ส่งผลกระทบกับทุกคน ทุกสาขาอาชีพ ทุกอุตสาหกรรม ทว่าหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มองเผินๆ อาจเห็นแต่มุมที่สวยงามอย่างวงการแฟชั่น กลับออกมามีความเคลื่อนไหวในการช่วยเหลือสังคมได้ไม่น้อยหน้าใคร สัปดาห์นี้อันเป็นสัปดาห์แรกของ “เกาะแกะแฟชั่น” จะขอพาทุกท่าน มองเรื่องของแฟชั่นในมุมมองใหม่ผ่านการเคลื่อนไหวรับมือวิกฤติครั้งนี้ แล้วจะพบว่าเรื่องของแฟชั่นไม่ใช่เพียงแค่การ แต่งตัวสวยไปวันๆ  

พลังของ “แฟชั่นนิสต้า”

แม้เป็นเพียงแรงเล็กๆ ระดับบุคคลก็สามารถช่วยเหลือสังคมได้ ดังเช่นที่สองสไตลิสต์ฝั่งอังกฤษ Anna Rosa Vitiello และ Bettina Looney ได้ทำการไลฟ์ขายเสื้อผ้าผ่านทางสตอรี่ในอินสตาแกรมเพื่อหารายช่วยเหลือแพทย์ และสนับสนุนองค์กรการกุศลเพื่อใช้ในการต่อสู้กับโควิดฯในครั้งนี้

ฝั่งไทยเราก็ไม่น้อยหน้า อย่างเช่นเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา คุณแพร-วทานิกา แห่งแบรนด์เสื้อผ้า VATANIKA ได้จัดทำหน้ากากอนามัยแจกจ่ายให้ประชาชนทั่วไปและถวายพระสงฆ์ จนได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้แบรนด์เล็กแบรนด์ใหญ่ออกมาทำหน้ากากกันบ้าง เป็นการพยุงปัญหาการหาซื้อหน้ากากยากให้ทุเลาเบาบางลง

ดูโพสต์นี้บน Instagram

แพรและทีมงานได้ร่วมกันนำผ้าที่มีอยู่มาจัดทำหน้ากากอนามัยจำนวน 1000 ชิ้น โดย 200 ชิ้นแรกทางเราได้เย็บถวายพระและสามเณรที่วัดธรรมมงคล และส่วนที่เหลือทางเราได้แบ่งไปไว้ที่ร้าน @vatanika_official ทั้งสามสาขา ชิดลม, เอ็มโพเรียมและพารากอน ซึ่งผู้ที่ขาดแคลนสามารถไปรับได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ตั้งแต่พรุ่งนี้จนกว่าของจะหมดค่ะ 😊🤍🙏🏽 ขอสงวนสิทธิ์หนึ่งท่านต่อหนึ่งชิ้นและผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้หน้ากากจริงๆนะคะ.

โพสต์ที่แชร์โดย VP (@vatanika) เมื่อ มี.ค. 10, 2020 เวลา 5:43am PDT

การบริจาคและยื่นมือเข้าให้ความช่วยเหลือในส่วนต่างๆ โดยบริษัทยักษ์ใหญ่

วิกฤติที่เกิดขึ้นนำมาซึ่งความยากลำบากและยังไม่มีทีท่าที่จะดีขึ้น เหล่ายักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมแฟชั่นระดับลักชัวรี่จึงรีบยื่นมือเข้าช่วย ไม่ว่าจะเป็นบริษัท 

frenchalacarteblog.com">

LVMH (บริษัทแม่ของ Louis Vuitton, Christian Dior, Givenchy และอีกมากมาย) ที่บริจาคเงิน 2.2ล้านดอลลาร์ให้กับกาชาดจีน และได้เปลี่ยนโรงงานผลิตน้ำหอมและเครื่องสำอางของตัวเองให้เป็นฐานผลิตเจลแอลกอฮอล์ และยังร่วมทำงานกับรัฐบาลฝรั่งเศสในการจัดหาหน้ากากอนามัย 40ล้านชิ้น

• อ่านข่าว LVMH เปลี่ยนโรงงานน้ำหอมแบรนด์หรูมาผลิตแอลกอฮอล์เจลล้างมือ
  

• อ่านข่าว Dior ทำเจลล้างมือแจกชาวฝรั่งเศสฟรี
  

Kering (Kering บริษัทแม่ของแบรนด์แฟชั่นชื่อดังระดับโลกอย่าง Gucci, Saint Laurent และ Balenciaga) บริจาคให้กับทางกาชาดของหูเป่ยและโรงพยาบาลหลายแห่งในอิตาลี 

• อ่านข่าว Gucci เตรียมผลิตหน้ากาก 1.1 ล้านชิ้นให้อิตาลี ส่วนบริษัทแม่ Kering สั่ง 3 ล้านชิ้นจากจีนสำหรับฝรั่งเศสช่วงวิกฤตโควิด-19
  

นอกจากสองยักษ์ใหญ่แห่งวงการแฟชั่นนี้ บรรดาแบรนด์ต่างๆ อย่าง Prada, Dolce&Gabbana, Versace และ Giorgio Armrni ก็ยังออกมาสนับสนุนตามกำลังเพื่อช่วยฟันฝ่าวิกฤตินี้ 

• อ่านข่าว Versace บริจาค 16ล้านช่วยอิตาลีต่อสู้โควิด-19 
  

• อ่านข่าว Prada ผลิตหน้ากาก 1 แสนชิ้นและชุดกาวน์ทีมแพทย์อิตาลีอีก 8หมื่นชุดช่วยรับมือวิกฤติโควิด-19
  

• อ่านข่าว Giorgio Armani บริจาคเงิน 45 ล้านบาท ช่วยเหลือโรงพยาบาลสู้โควิด-19

และล่าสุด MICHAEL KORS ยังร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการก้าวผ่านวิกฤต COVID-19 ด้วยการร่วมบริจาคเงิน 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยเหลือสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 โดยเงินบริจาคจะถูกส่งมอบไปยังสองโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในมหานครนิวยอร์ก ประกอบด้วย โรงพยาบาล NYU Langone Health และ โรงพยาบาล NewYork - Presbyterian Hospital นอกจากนี้ยังได้ให้การช่วยเหลือองค์กร God's Love We Deliver โดยมุ่งเน้นให้การช่วยเหลือเรื่องการขนส่งอาหารไปยังผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ ตลอดจนสนับสนุนด้านการเงินให้แก่ A Common Thread, CFDA for COVID-19 เพื่อช่วยเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็กในเครือแฟชั่นที่ได้รับผลกระทบ

การปรับตัวเพื่อ "อยู่ให้รอด"

อย่างที่ทราบกันดีว่าวิกฤติโควิดฯครั้งนี้ส่งผลกระทบกระเทือนกับทุกภาคส่วน ในฝั่งของวงการแฟชั่นนั้นต้องยกเลิกการจัดแฟชั่นโชว์เปิดฤดูการที่ต้องเตรียมการไว้ก่อนหน้านี้ ยังต้องย้ายหน้าร้านมาขายทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นขายเองโดยตรงทางเว็ปไซต์ หรือผ่านทางช่องทางอื่นๆที่เป็นออนไลน์เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าถึง นอกจากนี้วิกฤติโควิดยังทำให้จำเป็นต้องยกเลิกออร์เดอร์การผลิต ส่งผลกระทบต่อรายได้ที่หายไปของผู้ใช้แรงงาน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ถูกทอดทิ้งเพราะยังมีค่าชดเชยที่ทางแบรนด์ยินดีที่จะให้การดูแล

หนทางข้างหน้าของวงการแฟชั่น

ด้วยสถานการณ์เช่นนี่ที่ดูเหมือนจะยืดเยื้อออกไป และการปิดร้านค้าและยุติการผลิต ทำให้เกิดเป็นความสูญเสียคิดเป็นมูลค่ามหาศาล กอปรกับที่ประเทศจีนที่เป็นกำลังซื้อรายใหญ่ก็ต้องชะลอการใช้เงินซื้อสินค้าแฟชั่นแล้วหันมาคำนึงการใช้จ่ายเพื่อความอยู่รอด จึงไม่น่าแปลกใจหากวงการแฟชั่นที่มักถูกมองเป็น “สินค้าฟุ่มเฟือย” จะได้รับผลกระทบจนต้องประสบกับการขาดทุน วิกฤติใหญ่ขนาดนี้เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จึงเป็นการยากที่จะรับมือหรือคาดเดาหนทางข้างหน้าต่อไป เหล่าแฟชั่นนิสต้าคงได้แต่เก็บเนื้อเก็บตัวรอให้วิกฤตินี้ผ่านพ้นไปในเร็ววัน

• อ่านบทความอยู่บ้านไม่น่าเบื่อแชร์ทริคถ่ายรูปแบบชิคๆเลี่ยงการออกข้างนอกป้องกันไวรัสโควิด19