หลังจากที่อัปเดต iOS 12 กันเรียบร้อยแล้ว หลายคนคงประทับใจในหลายเรื่องกันเลยทีเดียว ทั้งเรื่องประสิทธิภาพความไวและพลังงานแบตเตอรี่ แต่ก็อาจจะมีบางคนที่อยากจะตั้งค่าให้ iPhone, iPad สามารถใช้งานได้ไหลลื่นและประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้น เรามาชมกันเลยดีกว่าต้องตั้งค่าตรงไหนบ้าง (ไม่จำเป็นต้องตั้งค่าตามทุกข้อนะคะ)
วิธีตั้งค่า iPhone, iPad ให้ประหยัดแบตเตอรี่ใน iOS 12
1. ตรวจสอบ Battery Life
สิ่งสำคัญในการประหยัดแบตเตอรี่อย่างแรกคือต้องตรวจสอบก่อนว่าแอปใดใช้แบตเตอรี่เยอะ และใน iOS 12 ก็มีให้ดูย้อนหลังได้ถึง 10 วันอีกด้วย พร้อมกับแผนภูมิแสดงระดับแบตเตอรี่และกิจกรรมที่เล่น iPhone, iPad ในแต่ละช่วงเวลาอีกด้วย
ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > แบตเตอรี่ (Battery) > เลื่อนดูส่วนการใช้านแบตเตอรี่ของแอป (Battery Usage) > แตะที่ชื่อแอป เห็นได้ว่ามีการแสดงการใช้งานแบตเตอรี่ว่าเราใช้งานแบตเตอรี่ในแอปไหนเยอะมากที่สุด และแต่ละแอปใช้ไปเท่าไหร่
เมื่อทราบแล้วเราก็มาชมวิธีการตั้งค่าให้ประหยัดแบตเตอรี่บน iPhone และ iPad ใน iOS 12 กันเลย
2. ปิด Background App Refresh
Background App Refresh เป็นการทำงานเบื้องหลังถึงแม้ว่าเราจะปิดแอปไปแล้ว ซึ่งใช้ทรัพยากรอย่างหน่วยความจำและแบตเตอรี่ค่อนข้างเยอะ แนะนำว่าให้เลือกปิดแอปที่ไม่ค่อยได้ใช้และเลือกเปิดเฉพาะแอปที่ต้องการให้อัปเดตเท่านั้น เช่น Facebook, Line, Line@, อีเมล เป็นต้น
ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ทั่วไป (General) > ดึงข้อมูลใหม่ให้แอปอยู่เบื้องหลัง (Background App Refresh) > เลือกปิดแอปที่ไม่ต้องการให้มีการทำงานเบื้องหลัง
หรือจะปิด Background App Refresh ทั้งหมดก็ได้ ถ้าไม่ต้องติดตามข้อมูลจากแอปบ่อยๆ
ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ทั่วไป (General) > ดึงข้อมูลใหม่ให้แอปอยู่เบื้องหลัง (Background App Refresh) > ดึงข้อมูลใหม่ให้แอปอยู่เบื้องหลัง (Background App Refresh) > เลือกปิด
3. ปิด 4G เมื่อใช้ Wi-Fi
การเลือกเปิดเฉพาะ Wi-Fi จะทำให้ประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้น ถ้าหากกลัวว่าจะลืมเปิด 4G เมื่อไม่ได้อยู่ในระยะที่มี Wi-Fi ก็สามารถตั้งค่าเปิด Cellular ในบางแอปที่เราต้องการติดตามตลอดเวลาได้
เปิด Control Center > แตะปิดไอคอน Cellular
4. ปิด Wi-Fi, Bluetooth และ Air Drop
หากไม่ใช้การเชื่อมต่อใดๆ ใน Control Center เช่น Wi-Fi, Bluetooth หรือ AirDrop ก็ควรปิดฟีเจอร์เหล่านี้ไว้ เพื่อไม่ให้มีการใช้งานพลังแบตเตอรี่โดยเปล่าประโยชน์
เปิด Control Center > แตะในส่วนการเชื่อมต่อ > ปิดไอคอน Wi-Fi, Bluetooth และ AirDrop
5. ปรับลดความสว่างของ Flash Light (ไฟฉาย)
หากเราต้องเปิดใช้ไฟฉายในยามจำเป็นและจะต้องประหยัดแบตเตอรี่ไปด้วย เช่น เวลาที่ต้องเดินป่า ท่องเที่ยว แล้วไม่มีที่ชาร์จแบต ให้ปรับลดระดับความสว่างของไฟฉายลงจะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้ดีทีเดียว
เปิด Control Center > แตะค้างที่ไอคอนไฟฉาย > เลื่อนระดับความสว่างลง
6. เปิด Wi-Fi Assist
เมื่อสัญญาณ Wi-Fi อ่อนมาก Wi-Fi Assist จะทำหน้าที่เปลี่ยนการใช้งานจาก Wi-Fi ไปใช้ 4G (Cellular) แทน เครื่องของเราก็จะไม่พยายามเชื่อมต่อ Wi-Fi หลายๆ รอบ ซึ่งกินแบตค่อนข้างมาก
ไปที่ การตั้งค่า (Setting) > แตะเซลลูลาร์ (Cellular) > เลื่อนลงมาเลือกแตะเปิด ช่วยเหลือ Wi-Fi (Wi-Fi Assist)
7. ปิด Widgets ที่ไม่ได้ใช้
บาง Widgets เรียกใช้ Location Service เช่น พยากรณ์อากาศ, แผนที่การเดินทาง เป็นต้น ซึ่งใช้แบตเตอร์ค่อนข้างมาก ดังนั้นการเลือกปิด Widgets บางอันที่ไม่จำเป็น เพื่อไม่ให้มาแสดงในหน้า Lock Screen จะช่วยให้ประหยัดแบตได้มากขึ้น
เปิดหน้าจอ Lock Screen เลื่อนไปทางขวา เพื่อเปิดหน้าวิตเจ็ต> เลื่อนลงมาด้านล่างสุดแล้ว
แตะ แก้ไข (Edit) > เลือกลบการแสดง Widgets ที่ไม่จำเป็นหรือไม่ได้ใช้ออก
8. เปิดโหมดประหยัดพลังงาน
Low Power Mode ยังคงเป็นฟีเจอร์ที่ดีสุดในการยืดอายุแบตเตอรี่ เพราะ Low Power Mode จะช่วยลดการทำงานบางอย่างที่เราไม่สามารถไปปิดหรือควบคุมเองได้
ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > แตะแบตเตอรี่ (Battery) > เปิด โหมดพลังงานต่ำ (Low Power Mode)
สามารถตั้งค่าให้มีเมนูโหมดประหยัดพลังงานใน Control Center ได้ ซึ่งเปิด-ปิดใน Control Center ได้เลย
9. คว่ำหน้า iPhone ลง เพื่อไม่ให้แสดงการแจ้งเตือน
เวลาทำงานหรือไม่จำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ก็สามารถการวาง iPhone หรือ iPad แบบคว่ำหน้าแนบลงกับพื้นวางจะช่วยปิดการแจ้งเตือนต่างๆ ที่เด้งขึ้นมา แสดงว่าหน้าจอการแสดงผลก็ไม่ต้องใช้พลังงานเยอะมาก เป็นวิธีการประหยัดแบตเตอรี่ที่ง่ายที่สุด
10. ปิดโหมด “หวัดดี Siri”
การเปิดใช้ “หวัดดี Siri” เครื่องจะต้องคอยฟังและตอบสนองอยู่ตลอดเวลา หากเราไม่จำเป็นต้องใช้ Siri ก็ให้ปิด “หวัดดี Siri” แล้วเลือกใช้การเปิดกดปุ่ม Home ค้างเพื่อเรียก Siri แทน
ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > แตะ Siri และการค้นหา (Siri & Search) > เลือกปิด ฟัง “หวัดดี Siri” Listen for “หวัดดี Siri”
11. ปิดการเล่นวิดีโออัตโนมัติในบางแอป
เวลาที่เราเล่น Facebook หรือ Twitter จะเห็นว่าเมื่อเราเลื่อนมาเจอโพสต์ที่เป็นวีดิโอก็จะเล่นอัตโนมัติเลย นอกจากจะทำให้เปลืองแบตเตอรี่แล้ว ยังทำให้เปลือง 4G อีกด้วย
เปิดแอป Facebook > แตะไอคอนแถบ 3 ขีดด้านล่าง > การตั้งค่าและความเป็นส่วนตัว > การตั้งค่า> วิดีโอและรูปภาพ
เล่นอัตโนมัติ > ไม่ต้องเล่นวิดีโออัตโนมัติ (วิธีนี้จะช่วยประหยัด 3G/4G ได้อีกด้วย)
เปิดแอป Twitter >ไปที่รูปโปรไฟล์ > เปิด ประหยัดการส่งข้อมูล
12. เปิด Reduce Motion
การเปิด Reduce Motion จะช่วยลดเอฟเฟคการเคลื่อนไหวบนหน้าจอ จึงช่วยให้ประหยัดแบตเตอรี่ได้ดี เพราะการเคลื่อนไหวใน iPhone มีลูกเล่นหลายรูปแบบจึงทำให้เปลืองแบตเตอรี่ ถ้าเปิด Reduce Motion แล้วความ Smooth ในการเปิด-ปิดแอปและการเลื่อนต่างๆ จะน้อยลง
ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ทั่วไป (General) > การช่วยการเข้าถึง (Accessibility) > ลดการเคลื่อนไหว (Reduce Motion) > เปิด ลดการเคลื่อนไหว (Reduce Motion)
13. ตั้งค่า Location Service
สำหรับผู้ที่จำเป็นต้องใช้ข้อมูล Location Service ควรทำการตั้งค่าระบบเรียกใช้งานข้อมูลเฉพาะที่ใช้ (While Using) เพื่อไม่ให้ Location Service ทำงานอยู่ตลอดเวลา
ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ความเป็นส่วนตัว (Privacy) > บริการตำแหน่งที่ตั้ง (Location Services)
Siri และการป้อนตามคำบอก > เลือก ในระหว่างใช้แอป (While Using)
14. เปิด Auto-Brightness
การเปิด Auto-Brightness (ปรับความสว่างอัตโนมัติ) ใน iOS 12 ช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้ เพราะเซ็นเซอร์วัดแสงจะทำการปรับแสงของหน้าจอเพิ่มขึ้นและลดลงตามสภาพแวดล้อมของเราให้เหมาะสม ทำให้อุปกรณ์ไม่ต้องใช้แบตเตอรี่สูงตลอดเวลา
ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ทั่วไป (General) > การช่วยการเข้าถึง (Accessibility)
การช่วยเหลือจอแสดงผล (Display Accommodations) > เปิด ปรับความสว่างอัตโนมัติ (Auto-Brightness)
15. ปิด Raise to Wake
Raise to Wake เป็นคุณสมบัติที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ในการดูการแจ้งเตือน เพียงแค่ยกเครื่องขึ้นมา แต่การยกขึ้นมาดูบ่อยๆ ก็อาจจะทำให้แบตเตอรี่หมดไวเช่นกัน หากไม่จำเป็นต้องใช้ก็ปิด Raise to wake มาใช้การกดปุ่ม Power หรือปุ่ม Home แทนเมื่อต้องการดูหน้าจอ
ไปที่ การตั้งค่า (Settings)> จอภาพและความสว่าง (Display & Brightness) > ปิด ยกขึ้นเพื่อปลุก (Raise to Wake)
16. ปิดการแจ้งเตือนในบางแอป
สำหรับบางแอปที่เราไม่สนใจหรือไม่ต้องการให้มีการแจ้งเตือนเมื่อมีข่าวสารใหม่ๆ ก็สามารถเลือกปิดการแจ้งเตือนไว้ นอกจากจะประหยัดแบตเตอรี่แล้วยังช่วยลดการรบกวนอีกด้วย แต่บางแอปที่เราต้องการติดตามความเคลื่อนไหว (แอป Social) ก็เปิดการแจ้งเตือนทิ้งไว้ได้
ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > การแจ้งเตือน (Notifications) > เลือกแอปที่ต้องการปิดการแจ้งเตือน > ปิด อนุญาตการแจ้งเตือน (Allow Notifications)
17. ปิด Siri Suggestion
Siri Suggestion จะแสดงแอปที่เราใช้บ่อยๆ ในหน้า Search ถ้าหากไม่มีความจำเป็นต้องใช้ก็สามารถปิด Siri Suggestion ได้เลยหรือเลือกเปิดเฉพาะบางแอพก็ได้
ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > Siri และการค้นหา (Siri & Search) > เลื่อนลงมา แตะปิด คำแนะนำในการค้นหา (Suggestions in Search)
(ถ้าหากต้องการเลือกปิดบางแอพ ก็เลือกแตะที่แอปและปิด Suggestions in Search ด้านล่าง)
18. ปิด iCloud ในแอปที่ไม่จำเป็น
หากใช้อุปกรณ์ iOS เพียงเครื่องเดียวก็ไม่จำเป็นจะต้องเก็บข้อมูลของบางแอปไปเก็บ iCloud เพราะการอัปโหลดข้อมูลไป iCloud นั้นทำให้แบตเตอรี่หมดไว แนะนำให้เลือกเก็บข้อมูลสำคัญไปไว้ที่ iCloud
ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > แตะ Apple ID > iCloud > เลือกปิดแอปที่ไม่ต้องการเก็บข้อมูลใน iCloud
19. ตั้งค่าความถี่ในการเรียกข้อมูล (Fetch New Data)
การเรียกข้อมูลอีเมลแบบ Real time จะทำให้แบตเตอรี่ของเราหมดไวขึ้น เพราะว่าอุปกรณ์จะมีการเรียกข้อมูลอยู่ตลอดเวลา สามารถตั้งค่าให้เรียกข้อมูลไม่ถี่ได้ดังนี้
ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > รหัสผ่านและบัญชี (Accounts & Passwords) > ดึงข้อมูลใหม่ (Fetch New Data) > เลือก ทุกชั่วโมง
20. ปิดการแชร์ข้อมูล Analytic
ฟีเจอร์นี้ช่วยส่งข้อมูลวิเคราะห์อุปกรณ์ของเราให้ Apple โดยอัตโนมัติ เพื่อไปพัฒนาและปรับปรุง iOS ในอนาคตให้ดีขึ้น (จริงๆ ควรเปิดไว้) แต่การส่งข้อมูลมักใช้แบตเตอรี่มาอยู่พอสมควร
ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ความเป็นส่วนตัว (Privacy) > การวิเคราะห์ (Analytics) > ปิด การแชร์วิเคราะห์ iPhone และ Watch และแชร์การวิเคราะห์ iCloud
21. ตั้งค่า System Service
การตั้งค่า System Service ใน Location Services ให้ใช้เฉพาะเท่าที่จำเป็น
ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ความเป็นส่วนตัว (Privacy) > บริการหาตำแหน่งที่ตั้ง (Location Services) > เลื่อนลงมาด้านล่างแล้วแตะ บริการของระบบ (System Services)
ปิดฟังก์ชันดังนี้
- การแจ้งเตือนตามตำแหน่งที่ตั้ง
- คำแนะนำตามตำแหน่งที่ตั้ง
- โฆษณาของ Apple ตามตำแหน่งที่ตั้ง
- นิยมใช้ใกล้ฉัน
- เส้นทางโดยสารและการจราจร
22. เปิด Limit Ad Tracking
Limit Ad Tracking เป็นการป้องกันและจำกัดการติดตาม Location ที่จะนำข้อมูลไปวิเคราะห์การโฆษณา ช่วยให้ท่องอินเตอร์เน็ตอย่างเป็นส่วนตัวมากขึ้น
ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ความเป็นส่วนตัว (Privacy) > การโฆษณา (Advertising) > เปิด จำกัดการติดตามโฆษณา (Limit Ad Tracking)
23. ปิด Fitness Tracking
Fitness Tracking จะติดตามการออกกำลังกายในแต่ละวันของเรา แต่ก็ในการติดตามนั้นก็มาพร้อมกับการใช้แบตเตอรี่ ถ้าหากเราไม่ต้องการให้ Fitness Tracking ติดตามการเคลื่อนไหวของเราตลอดทั้งวันก็สามารถปิดฟังก์ชันนี้ได้ แต่ใครที่ใช้คู่กับ Apple Watch ไม่แนะนำให้ปิดการติดตามฟิตเนสนะคะ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้ใช้ iPhone จับคู่กับ Apple Watch และไม่ได้ใช้งานเหล่าแอปออกกำลังกาย
ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ความเป็นส่วนตัว (Privacy) > การเคลื่อนไหวและฟิตเนส (Motion & Fitness) > ปิด การติดตามฟิตเนส (Fitness Tracking)
24. ปิด Hand Off
หากเราไม่ได้เชื่อมต่อ iCloud หรืออยู่ใกล้อุปกรณ์ของ Apple อย่าง Mac ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดใช้ฟีเจอร์นี้
ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ทั่วไป (General) > Handoff > ปิด Handoff
25. ปิดการอัปเดตอัตโนมัติใน App Store
ถ้าหากเราเปิด Automatic Download Apps ใน iPhone แน่นอนว่าอุปกรณ์อื่นๆ ของเราก็จะดาวน์โหลดแอปนั้นด้วยเช่นกัน (เช่น iPad, iPod touch) ดังนั้นควรจะตั้งค่าให้การดาวน์โหลดและอัปเดตเป็นแบบ Manual ดีกว่าเพราะเราสามารถควบคุมและตรวจสอบด้วยตัวเอง
การตั้งค่า (Settings) > iTunes & App Stores > ปิดรายการดาวน์โหลดอัตโนมัติทั้งหมด
แนะนำให้ปิด Use Cellular Data ด้วย เมื่อมีการอัปเดตแอปให้ใช้ Wi-Fi แทน เพื่อช่วยประหยัดแบตเตอรี่และ 4G
26. เปิด Airplane Mode เมื่ออยู่ในที่ที่ไม่มีสัญญาณมือถือ
ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเครื่องทำการค้นหาสัญญาณและเชื่อมต่อกับสัญญาณแบบนั้นยิ่งทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วมากขึ้นมากๆ ดังนั้นเมื่อหากไม่มีความจำเป็นในช่วงนั้นก็ให้เปิดโหมดเครื่องบินเอาไว้แทน
ทั้งหมดนี้เป็นวิธีการตั้งค่า iPhone และ iPad ให้ใช้งานได้อย่างไหลลื่นและประหยัดแบตเตอรี่ใน iOS 12 ซึ่งไม่จำเป็นต้องทำตามทุกข้อ แต่แนะนำให้เลือกทำตามความจำเป็นและเหมาะสมกับการใช้งานนะคะ
ความเห็น 6
sstp
ปิดเยอะขนาดนี้ ผมว่าปิดเครื่องไปเลยดีกว่าครับ ไม่ต้องไปใช้มันเลย ผมว่าแระหยัดแน่นอนครับ ชาร์จ ครั้งหนึ่งอยู่ได้เป็นเดือน
19 ก.ย 2561 เวลา 03.27 น.
KuLiKo
เยอะชิบ 55555
19 ก.ย 2561 เวลา 02.51 น.
จันทร์แรม
ปิดเยอะไปเปล่าค่ะไม่เห็นเหมือนอัปเดต 11 เลยค่ะประหยัดมากกว่าอีกค่ะ
23 ก.ย 2561 เวลา 01.38 น.
aukritdaj
ได้พัฒนาก้าวหน้าด้านพลังงานมากมายอย่างดีมากอย่าก้าวกระโดดถีบสุดยอดแล้วเช่นนี้ทำต่อไปขอสนับสนุนและซื้อไอโฟนมาใช้งานได้ดีเลยนะครับ
22 ก.ย 2561 เวลา 14.16 น.
ดีมาก
19 ก.ย 2561 เวลา 04.38 น.
ดูทั้งหมด