24 ม.ค.63 - ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ห้องทำงาน พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. ภายหลังมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 22/2563 ลงวันที่ 23 มกราคม 2563 ให้พล.ต.อ.วิระชัย ไปปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยบรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา มีตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในสำนักงานเพียง 3 คน ทุกคนมีสีหน้าเรียบเฉย จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจภายในสำนักงาน ตอบเพียงสั้นๆ ว่า "นายไม่เข้าสำนักงาน มีประชุมข้างนอก" โดยไมได้เข้ามาที่สำนักงานมาตั้งแต่ต้นสัปดาห์ สอดคล้องกับมีข่าวลือในกลุ่มข้าราชการตำรวจที่ซุบซิบกันมาหลายวันว่า พล.ต.อ.วิระชัย จะถูกสั่งย้าย กระทั่งมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีออกมาดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่า เมื่อโทรศัพท์ติดต่อไปยัง พล.ต.อ.วิระชัย เพื่อสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ปลายทางมีผู้รับสายแต่ไม่ใช่ พล.ต.อ.วิระชัย บอกเพียงว่า “นายไม่สะดวกรับสาย อยู่ระหว่างการบรรยายพิเศษหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการระดับสูง ก่อนจะวางสายไป
ส่วนสาเหตุการเด้งครั้งนี้ “บิ๊กต้อย” พล.ต.อ.วิระชัย ครั้งนี้จะน่าถูกเซ่นคลิปเสียงที่ถูกนำมาเผยแพร่ทางโซเชียล ซึ่งเป็นการสนทนาระหว่าง “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัย จินดา ผบ.ตร.ขณะไปปฏิบัติราชการอยู่ที่ต่างประเทศ ส่วน “บิ๊กต้อย” พล.ต.อ.วิระชัย รอง ผบ.ตร. รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเนื้อหาการสทนา ผบ.ตร.เบรคไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคดียิงรถ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษสำนักนายกรัฐมนตรี คู่กรณีของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ที่กำลังมีเรื่องฟ้องร้องเครื่องไบโอเมทริกซ์ เนื้อหาการสนทนาของทั้งคู่บางส่วน “ผบ.ตร” ระบุว่า “ห้ามออกไปแถลงข่าว สั่งการไปแล้วรอรายงานก็พอ เหมือนเตี๊ยมกันมา ..นึกว่ามีวุฒิภาวะพอไม่ไปเอาเรื่องส่วนตัว 2 คน มาร่วมด้วย..รู้ว่าคิดอะไรอยู่..โตป่านนี้อายุขนาดนี้แล้ว ให้ “พล.ต.ท.” มาสั่ง “พล.ต.อ.” อยู่สำนักนายกอยู่คนละที่กัน”
ซึ่งในกรณีดังกล่าว รองโฆษก ตร.ได้ออกมาตั้งคำถามว่า อยากจะทราบเหมือนกันว่าใครเป็นคนทำ ใครเป็นคนอัด ใครเป็นคนปล่อย ผบ.ตร.เองก็ไม่ทราบว่าเสียงจะถูกนำมาปล่อย เพราะโดยปกติคุยกันคงไม่มีการอัดเสียง ขนาดโทรไปคอลเซ็นเตอร์เขาจะอัดเสียงสนทนายังมีมารยาทขออนุญาติเพื่อนำไปปรับปรุงการให้บริการ แต่ในวันเดียวกันที่คลิปเสียงหลุดออกมา พล.ต.อ.วิระชัย ยังคงไปกำกับดูแลคดียิงรถ “บิ๊กโจ๊ก” ต่อ โดยไปที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานเพื่อนำหัวหระสุนที่อยู่ในตัวรถไปพิสูจน์ทราบมาจากปืนชนิดใดหรือกระบอกใดเพื่อหาฐานข้อมูลติดตามตัวคนร้าย แต่ภายหลังหลังจากที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ผบ.ตร. กลับจากต่างประเทศ พล.ต.อ.วิระชัย ก็หายหน้าไปจากสื่อ ซึ่งมีรายงานว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ สั่งพักงาน 15 วัน กระทั่งมีคำสั่งให้ไปประจำที่สำนักนายกรัฐมนตรี
ซึ่งมีรายงานอีกว่า คดียิงรถ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ และการฟ้อง ป.ป.ช. สอบเรื่องทุจริตโครงการจัดซื้อไบโอเมทริกซ์ เป็นการวางเกมเพื่อเลื่อยขาเก้าอี้ ผบ.ตร. ที่ยังเหลือเวลาราชการอีกเกือบ 8 เดือน ให้หลุดจากตำแหน่ง แล้วให้คนอื่นมารักษาราชการแทน ผบ.ตร. เพื่อที่จะเปิดทางให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กลับมารับราชการตำรวจได้ง่ายขึ้นซึ่งมีตำแหน่งเก้าอี้ ผบ.ตร.เป็นเดิมพัน.
ความเห็น 14
ARUN
ก็บิ๊กป้อมนั่นแหละให้ท้ายโจ๊กหวานเจี๊ยบขี่จรวดแซงหน้ารุ่นพี่คนอื่นๆมารับตำแหน่ง รับยศพล.ต.ท.อายุน้อยที่สุด ทำให้องค์กรตร.ปั่นป่วนไปหมด
24 ม.ค. 2563 เวลา 08.36 น.
AOM 689
วางแผนตื้นๆ ชาวบ้านยังเดาได้
คบคนผิดซวยตามไป
24 ม.ค. 2563 เวลา 07.42 น.
โดยส่วนตัวผมชอบบิ๊กแป๊ะนะ...แกนิ่งดีไม่โฉงฉาง
24 ม.ค. 2563 เวลา 09.14 น.
ตุ๊ดตู่ คับ
ตู้ม้าละสิเต็มบ้านเมืองเลย
24 ม.ค. 2563 เวลา 08.22 น.
ลุแก่อำนาจชัดเจนไหม
24 ม.ค. 2563 เวลา 08.27 น.
ดูทั้งหมด