ศึกษาธิการ ออกประกาศวาง 13 มาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาด โควิด-19 ห้ามข้าราชการ นักเรียน เดินทางไปต่างประเทศ หรือหากมีญาติคนในครอบครัวเดินทางไป ก็ต้องพักรอดูอาการที่บ้าน 14วัน
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวว่า ได้ลงนามคำสั่งประกาศกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เรื่อง มาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยได้วาง 13 มาตรการควบคุม ดังนี้
1.ให้ชะลอการอนุมัติหรืออนุญาตการเดินทางไปฝึกอบรม ประชุม สัมมนา ศึกษาดูงาน และปฏิบัติ การวิจัยระหว่างประเทศ การไปปฏิบัติภารกิจส่วนตัวในประเทศที่มีความเสี่ยงตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ของข้าราชการ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา บุคลากรของ ศธ. และหน่วยงานในกำกับ รวมถึงนักเรียน นักศึกษา ในสถานศึกษาสังกัด ศธ.ทุกระดับ
2.กรณีที่ได้รับอนุมัติหรืออนุญาให้เดินทางไปประเทศที่มีความเสี่ยงตามประกาศของ สธ.ก่อนประกาศฯ ฉบับนี้ ให้ข้าราชการ ข้ราาชการครูและบุคลากรทางการศึกษา บุคลากรของ ศธ. และหน่วยงานในกำกับ และนักเรียน นักศึกษา ในสถานศึษาสังกัด ศธ. ทุกระดับ งด หรือ เลื่อนการเดินทางออกไป จนกว่า สธ.จะประกาศยกเลิกประเทศที่มีความเสี่ยง
อย่างไรก็ตาม กรณีมีเหตุจำเป็นอย่างยิ่ง ไม่อาจหลีกเลี่ยงการเดินทางไปต่างประเทศ ให้แจ้งเหตุจำเป็นต่อผู้มีอำนาจอนุมัติหรืออนุญาตเพื่อพิจารณา หากมีการเดินทางไปต่างประเทศ หรือแวะผ่านประเทศที่มีความเสี่ยงตามประกาศของ สธ. โดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ ถือเป็นความผิดวินัยร้ายแรง
3.กรณีนักเรียน นักศึกษาในสังกัด ศธ.ทุกระดับ ทุกประเภท มีเหตุจำเป็นต้องเดินทางไปประเทศที่มีความเสี่ยงตามประกาศของ สธ. ด้วยภารกิจส่วนตัว ศธ. ขอความร่วมมือให้ชะลอการเดินทางออกไปก่อน หากกรณีมีเหตุจำเป็นอย่างยิ่ง ไม่อาจหลีกเสี่ยงได้ ขอความร่วมมือให้นักเรียน นักศึกษาในสถานศึกษาสังกัด ศธ.ทุกระดับ ให้ผู้บริหารสถานศึกษารายงานถึงกรณีที่นักเรียน นักศึกษาในสังกัดเดินทางในประเทศที่มีความเสียงตามประกาศ สธ. กำกับติดตามและรายงานผลการดำเนินการ
4.ผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศ หรือแวะผ่าน หรือกลับจากประเทศที่มีความเสี่ยงตามประกาศของ สธ. เมื่อกลับมาถึงประเทศไทยให้เข้ารับการตรวจคัดกรองและเฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่โรงพยาบาล และพักเพื่อเฝ้าดูอาการเป็นเวลา 14 วันโดยไม่ถือเป็นวันลาและให้รายงานตัวต่อผู้บังคับบัญชาทราบผ่านทางอีเมล์ แอปพลิเคชันไลน์ หรือช่องทางสื่อสารออนไลน์อื่นๆ ตามที่ได้ตกลงกันไว้ทุกวันจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ให้รายงานตัวผ่านทางอีเมล์หรือแอปพลิเคชันไลน์ต่อครูที่ปรึกษาและครูที่ปรึกษารวบรวมข้อมูลรายงานต่อผู้บริหารสถานศึกษา และให้หยุดเรียนตามระยะเวลาโดยต้องจัดให้มีการเรียนการสอนเพิ่มเติมด้วยรูปแบบที่เหมาะสม เพื่อทดแทนช่วงที่ขาดเรียน
5.หากมีบุคคลจากต่างประเทศหรือเขตการปกครองกลุ่มประเทศเสี่ยงมาติดต่อราชการในหน่วยงานสถานศึกษา ให้หน่วยงาน สถานศึกษา ปฏิบัติตามมาตรการของ สธ.อย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ให้ชะลอการเชิญบุคคลจากต่างประเทศมาร่วมการประชุม การสัมมนา หรือการดำเนินการใดๆที่เกี่ยวข้องออกไปจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคจะคลี่คลาย กรณีมีความจำเป็นอย่างยิ่งให้เสนอเหตุจำเป็นต่อหัวหน้าหน่วยงานหรือผู้บังคับบัญชาพิจารณา และกำหนดมาตรการป้องกันการติดเชื้อที่เหมาะสม
6.กรณีข้าราชการ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา บุคลากรของ ศธ.และหน่วยงานในกำกับ และนักเรียน นักศึกษา ในสถานศึกษาสังกัด ศธ.ทุกระดับ มีบุคคลในครอบครัวหรือบุคคลใกล้ชิดเดินทางกลับจากต่างประเทศ หรือสัมผัสผู้ต้องสงสัยว่ามีความเสี่ยงต่อการติดต่อโรคนี้ให้งดเข้าชั้นเรียน หรือหยุดมาปฏิบัติงาน หรือหยุดมาปฏิบัติราชการเพื่อเฝ้าดูอาการ เป็นเวลา 14วัน โดยไม่ถือเป็นการขาดเรียน หรือขาดการปฏิบัติงาน
7.ให้ข้าราชการ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา บุคลากรของ ศธ.และหน่วยงานในกำกับ และนักเรียน นักศึกษา ในสถานศึกษาสังกัด ศธ.ทุกระดับ ระมัดระวังและป้องกันตัวเอง โดยล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย
8.ให้สถานศึกษาสังกัด ศธ.ทุกระดับ ทำความสะอาดพื้นที่ภายในสถานศึกษาอย่างต่อเนื่องและส่งเสริมความรู้ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาแก่เด็กนักเรียน หากพบเด็กนักเรียนในโรงเรียนป่วย ให้แยกเด็กนักเรียนเพื่อเฝ้าระวังและดำเนินการอย่างเหมาะสม
9.ให้ทุกหน่วยงานจัดวางแอลกอฮอล์เจลไว้ในจุดให้บริการสำหรับประชาชน และบุคลากรในสังกัดให้เพียงพอ
10.ให้ทุกหน่วยงานประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ข้าราชการ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาของ ศธ. และหน่วยงานในกำกับ และนักเรียน นักศึกษา ในสถานศึกษาสังกัด ศธ.รับทราบ
11. ครูและบุคลากรทางการศึกษา และนักเรียนในความรับผิดชอบของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ให้ สช.ไปดำเนินการตามมาตรการทางการบริหารเพื่อให้บรรลุผลของประกาศฉบับนี้ต่อไป และเมื่อดำเนินการเป็นประการใดแล้ว ให้รายงาน รมว.ศธ. เป็นระยะๆ
12.ให้องค์กรหลักและหน่วยงานในกำกับของ ศธ. พิจารณาถึงความเหมาะสมในกิจกรรมการดำเนินการในช่วงระยะเวลาที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับกับกิจกรรมใดที่มีการชุมนุม หรือ พบปะของบุคคลจำนวนมากที่อาจส่งผลโดยตรงให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาให้ดำเนินการชะลอ หรือ ระงับการดำเนินการไว้ก่อน
13.ให้สำนักบูรณาการกิจการการศึกษา เป็นหน่วยงานประสานกลางเกี่ยวกับการดำเนินงานตามมาตรการฉบับนี้
ความเห็น 8
Kenny2
ไม้แข็งได้แล้วครับพี่....ทุกองค์กรณ์...แค่ช่วงเดียว
ทีมคุณหมอ สาธารณสุข จะได้ไม่เหนื่อยมาก..มีกำลังใจ
ไอ้พวกมักง่าย อยากเด็ดดอกซากุระ ช่วงนี้ ช่วย ยับยั้งช่างใจบ้าง....ญี่ปุ่นเองเค้า เคอฟิว แล้ว...มึงยังเริ่งร่า ลาเวนเดอร์กันอยู่อีกนะ
29 ก.พ. 2563 เวลา 10.31 น.
KPT
ทุกหน่อยงาน รวมทั้งเอกชน ควรออกมาตราการเด็ดขาด เช่นกัน ถึงจะผ่านวิกฤตนี้ไปได้
29 ก.พ. 2563 เวลา 10.38 น.
Kittichat P.
ควรจะสั่งห้าม ส.ส. - ส.ว. ไปดูงานประเทศเสี่ยงด้วย
29 ก.พ. 2563 เวลา 10.26 น.
บิวครับ🐼
แล้าห้ามคนนอกเข้ารึปล่าว
29 ก.พ. 2563 เวลา 10.31 น.
Khunkea999
ห้ามทั้มหมดไม่ได้รึไง???
โรคระบาดมันไม่เลือกอาชีพนะเห้ย
29 ก.พ. 2563 เวลา 10.31 น.
ดูทั้งหมด