โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

3 สิ่งเปล่าประโยชน์ที่คนมีความรักไม่จำเป็นต้องใช้ - ฟาร์มรัก

LINE TODAY

เผยแพร่ 20 ต.ค. 2562 เวลา 17.05 น. • Pimpayod

จะมีความรักซักครั้งต้องใช้อะไรบ้าง ?!

ใจ..ความเข้าใจ..ความอดทน..การยอมรับซึ่งกันและกัน

สิ่งเหล่านี้คือองค์ประกอบที่ต้องใช้เพื่อให้ความรักเดินไปต่อได้ แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้หรอกว่าองค์ประกอบเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้จำเป็นสำหรับการมีรักดี ๆ ซักครั้ง

เพราะมัวแต่ยึดกับสิ่งที่เปล่าประโยชน์ สิ่งไม่จำเป็นต้องใช้ แถมยังยึดถือไว้จนความรักต้องพัง ต้องจบลงก็เพราะตัวเราเอง โดยเฉพาะ 3 สิ่งเปล่าประโยชน์ต่อไปนี้ที่ไม่จำเป็นเลยสำหรับความรัก

1. ทิฐิ

ในทางพระพุทธศาสนา ‘ทิฐิ’ คือความเห็น…ของมนุษย์ทั้งหลายในโลกนี้ เช่น ความเห็นว่าเที่ยง เห็นว่ามี เห็นว่าไม่มี ฯลฯ โดยทั่วไปจะหมายถึงความเห็นผิด ไม่ตรงตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้นคนที่มีทิฐิจึงมักเป็นคนดื้อรัน ไม่ฟังใคร เอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ คิดว่าตัวเองถูกเสมอ คิดถึงแต่ตัวเอง

แล้วคนแบบนี้จะรักคนอื่นได้อย่างไร…เพราะขนาดรักตัวเอง เข้าใจตัวเองยังทำไม่ได้เลย

ความรักไม่จำเป็นต้องมีทิฐิ ไม่จำเป็นต้องมีคนชนะหรือคนแพ้ เพราะความรักเป็นอะไรที่ง่ายกว่านั้น แค่คนสองคนใช้ใจและความเข้าใจในกันและกัน ความรักก็เดินไปต่อได้ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ใครคนใดคนหนึ่งดื้อรัน อยากเอาชนะ ความรักก็อาจพังลงไม่เป็นท่า แค่เพราะคำว่า ‘ทิฐิ’ คำเดียว

คนรักกันจะเอาชนะกันไปเพื่ออะไร ชนะแล้วได้อะไร ทั้งที่อีกคนต้องเจ็บปวดเสียใจ แบบนี้ไม่ใช่ความรัก แต่เป็นความเห็นแก่ตัว เอาแต่ได้จนลืมนึกถึงใจของอีกคน

2. อัตตา

อัตตาคือตัวตน ในทางโลกอัตตาก็คือความเห็นแก่ตัวดี ๆ นี่เอง แต่ความเห็นแก่ตัวนี้บางทีก็มีข้อดีอยู่บ้าง เพราะคนที่มีอัตตามักจะทะเยอทะยานอยากประสบความสำเร็จ ซึ่งอัตตาจะเปลี่ยนเป็นกิเลส เป็นแรงบันดาลใจที่คอยขับเคลื่อนให้คนนั้นไปถึงเป้าหมาย

แต่ในความรักไม่จำเป็นต้องมีอัตตา ไม่จำเป็นต้องเห็นแก่ตัว เพราะเป้าหมายเดียวของความรักคือการปรารถนาให้อีกคนมีความสุข ไม่ใช่การยึดมั่น ถือมั่น เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง โดยไม่เห็นคุณค่าของอีกคนเลย

สุดท้ายตราบใดที่เรายังถืออัตตา “ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้” ความรักของเราก็จะมีแต่ความทุกข์ วุ่นวาย และไม่เข้าใจกัน จนในที่สุดก็กลายเป็นรักพัง ๆ ที่ไม่มีวันเติมเต็มกันและกันได้

3. ศักดิ์ศรี

จริงที่คนเราต้องมีศักดิ์ศรี แต่การมีศักดิ์ศรีไม่ได้แปลว่าต้องไม่ยอมก้มหัวให้ใคร ไม่ยอมง้อ ไม่ยอมรับผิด เพราะศักดิ์ศรีคือความภาคภูมิใจในตัวเอง คือการทำให้ตัวเองมีคุณค่า

การที่ทำผิดไม่แล้วรับผิด ไม่ใช่การมีศักดิ์ศรี
การทำผิดแล้วคิดไปเองว่าถูก ไม่ใช่การมีศักดิ์ศรี
การยอมหัก ไม่ยอมง้อ ก็ไม่ใช่การมีศักดิ์ศรี

เพราะฉะนั้นอย่าเอาความเข้าใจแบบผิด ๆ มาใช้ในความรัก

ถ้าคิดจะรักใครซักคน โยนคำว่า ‘ศักดิ์ศรี’ ทิ้งไปได้เลย เพราะเรื่องความรัก ใช้แค่ ‘ใจ’ อย่างเดียวก็พอ ในความสัมพันธ์ของคู่รัก คนรัก บางทีศักดิ์ศรีก็เป็นแค่ความคิดบ้า ๆ บอ ๆ ของคนบางคนที่อาจไม่มีคุณค่าอะไรเลย และไม่เกี่ยวอะไรเลยกับความภาคภูมิใจในตัวเอง

ดังนั้นการรักใครซักคนอาจทำให้เราต้องโยน ‘ทิฐิ’ ‘อัตตา’ และ ‘ศักดิ์ศรี’ ทิ้งไปให้หมด เหลือแค่ ‘ใจ’ และ ‘ความเข้าใจ’ กับอีก 3 อย่างต่อไปนี้ ก็เพียงพอสำหรับความรักแล้ว

1. รักด้วยเมตตา

ในโลกนี้มีความรักด้วยกัน 2 แบบ คือ รักด้วยเมตตา และรักด้วยเสน่หา คนส่วนใหญ่มักจะรักกันด้วยความเสน่หา ซึ่งก็คือรักด้วยแรงปรารถนาของตัวเอง อยากให้ความรักเป็นแบบนั้น แบบนี้ อยากให้เค้าทำดีกับเรา อยากให้เค้าเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ คือทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะ ‘เรา’ และเราเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง พอไม่ได้อย่างที่ต้องการ สุดท้ายความรักก็เป็นพิษ เป็นทุกข์เพราะไม่เป็นไปตามใจเรา

ต่างจากความรักที่เกิดขึ้นด้วยเมตตา ซึ่งเป็นรักที่เกิดจากความปรารถให้อีกคนมีความสุข เป็นรักที่ไม่ยึดติด ไม่ถือมั่น ไม่มีเงื่อนไข แค่เค้ามีความสุข เราก็พอใจแล้ว ดังนั้นถ้าเป็นแบบนี้ยังไงเราก็ไม่ทุกข์ เพราะมีแต่ความปรารถนาดีอย่างเดียว โดยไม่มีเงื่อนไขว่าเค้าจะต้องเป็นแบบนั้น แบบนี้ หรือต้องทำดีกับเราตอบ

สุดท้ายก็กลายเป็นความรักที่สบาย ๆ ไม่กดดัน แค่ได้รักกัน แค่ต่างก็อยากให้อีกคนมีความสุข คิดดูว่าความรักแบบนี้จะมีความสุขกันแค่ไหน

2. อย่าเปลี่ยนตัวเองเพราะความรัก

บ่อยครั้งที่เรามักได้ยินว่า ‘ความรักจะทำให้เราเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น’ เพราะถ้าเรารักใครซักคน เราจะยอมเปลี่ยนตัวอย่างเพื่อเค้า !

จริง ๆ แล้วถ้าเรารักใคร ทั้งเราและเค้าไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนอะไรเลย เพราะสุดท้ายเราก็ยังเป็นเราอยู่ดี จากการเปลี่ยนกลายมาเป็นช่วยกันปรับ และยอมรับในสิ่งที่อีกคนเป็นน่าจะเข้าท่ากว่า เพราะความรักอย่างเดียวไม่สามารถทำให้คนสองคนอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตได้ แต่ความเข้าใจและยอมรับในตัวตนของกันและกันต่างหากที่จะทำให้ความรักไม่เปลี่ยนปลง

อย่าลืมว่าความรักเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ใช่เรื่องที่ต้องอดทนหรือเปลี่ยนแปลง

3. ฝากชีวิตไว้กับตัวเอง กับสติปัญญาของตัวเอง

แม้จะรักด้วยเมตตา และต่อให้รักกันมากแค่ไหน ก็อย่าได้ฝากชีวิต ความหวัง ความสุข หรืออะไรก็ตามไว้กับอีกคนอย่างเด็ดขาด หัดดูแลตัวเองให้เป็น ใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง เพราะไม่มีใครเข้าใจเราได้มากเท่ากับตัวเราเอง ต่อให้เค้าจะรักเรามากแค่ไหนก็ตาม

จริงอยู่ที่การพึ่งพาซึ่งกันและกันก็เป็นส่วนหนึ่งของความรัก แต่ถ้าเราเรียนรู้ที่จะพึ่งพาตัวเอง เมื่อเกิดปัญหาหรือเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เราจะหาทางออกได้ด้วยตัวเอง โดยที่ไม่ต้องให้ใครมาช่วยเหลือ เพราะคงไม่ใช่ทุกครั้งที่ใครอีกคนจะช่วยเหลือไปตลอดได้ เราต้องผ่านมันไปให้ได้เอง โดยมีอีกคนคอยเป็นกำลังใจก็เพียงพอแล้ว

การฝากชีวิตไว้กับตัวเอง กับสติปัญญาของตัวเองไม่ใช่การมองโลกในแง่ร้าย แต่เป็นการมองโลกอย่างที่มันควรจะเป็น เพราะสุดท้ายแล้วยังไง ‘ตนก็เป็นที่พึ่งแห่งตน’ อยู่ดี

สรุปก็คือความรักเป็นอะไรที่เฉพาะตัว และต้องทำความเข้าใจด้วยตัวเอง สอนกันไม่ได้ บังคับกันก็ไม่ได้ด้วย บ่อยครั้งที่หลายคนผิดหวังเพราะไม่ได้รักในแบบที่มันควรจะเป็น ซึ่งถ้าเราเข้าใจทั้งสิ่งจำเป็น และไม่จำเป็นทั้งหมดนี้ ความรักของเราก็จะสบายขึ้น และเข้าใจง่ายด้วย

แม้ความรักจะเป็นเรื่องยุ่งยาก ซับซ้อน
แต่ถ้าอยากมีใครสักคน ก็ต้องพยายามทำความเข้าใจ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0

ความเห็น 16

  • ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆคับหลายคนสมหวังหลายคนผิดหวังไม่ว่าหญิงหรือชายถ้ารู้จรักปรับตัวเปิดจัยยอมรับความจริงในสิ่งที่เป็นอยู่ก็เปนสูขแล้ว
    15 พ.ย. 2562 เวลา 00.23 น.
  • อธิคม ส.
    คนสมัยนี้รักกันด้วยปืน รักมากก็ฆ่า รักน้อยก็ฆ่า หึงหวงก็ฆ่า ทิ้งก็ฆ่า เริ่มเข้าสู่ยุคมืด ที่มืดกว่ายุคล่าแม่มดในยุโรปอีก
    14 พ.ย. 2562 เวลา 23.01 น.
  • ญาณญา เสาวิไล
    ใช่ค่ะ...ตัวเองก็เสียครอบครัวเพราะ 3 คำนี้ ทิฐิ อัตตา ศักดิ์ศรี
    04 พ.ย. 2562 เวลา 23.28 น.
  • Lily🥟
    ป๊าม๊าเรา แต่งงานกัน เพราะ "ความเมตตา" ทุกวันนี้กลายเป็นเจอหน้ากันไม่ได้ เป็นมลพิษต่อกัน ส่งผลตรงถึงลูก เพราะต่างฝ่าย ต่างต้องการให้อีกฝ่ายทำตัวให้สมกับการที่ตนเคยกระทำคุณงามความดีให้ เอาชนะกันด้วยการยกความเมตตากรุณาของตนเองขึ้นมาดูแคลนอีกฝ่าย ชีวิตที่ลูกทั้ง 3 คนต้องอดทนอยู่ร่วม อย่างเลือกไม่ได้ และเลี่ยงไม่ได้ เราเป็นหนึ่งในผลผลิตที่มาจากความไม่เข้าใจความรักที่แท้จริง ซึ่งทำให้เราโหยหาบางสิ่งบางอย่างที่ไม่รู้ว่าคืออะไรมาตลอด จนกระทั่งได้มารู้จักพระเยซู ถึงเข้าใจความรักแท้จริง ซึ่งเราหามาตลอด
    26 ต.ค. 2562 เวลา 00.49 น.
  • ลืมข้อ4น้องนางทั้งห้าไปมีเมียแล้วก็ไม่จำเป็นต้องใช้
    25 ต.ค. 2562 เวลา 21.24 น.
ดูทั้งหมด