อ่านจากหัวข้อแล้วคุณคิดว่าหมอกำลังจะเขียนถึงเรื่องอะไรคะ ?
คำตอบจะเป็นอะไรก็ตาม ให้เราลองทดคำตอบนี้ไว้ในใจก่อน
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นสัปดาห์ความสุขสากล จึงมีหลายองค์กรที่จัดกิจกรรมที่เกี่ยวกับเรื่องนี้
หมอเองเลยมีโอกาสถูกเชิญไปพูดในเรื่อง “ทัศนะขององค์กรสร้างความสุข “
การที่ต้องไปบรรยายเรื่องนี้ทำให้หมอได้มีโอกาสทบทวน
ทั้งเรื่ององค์กร เรื่องความสุขและเรื่องคุณค่าของผู้คนที่ทำงานอยู่รอบกาย
ในการทบทวนครั้งนี้ หมอสะดุจความสุขในการทำงานของผู้ชายคนนึงที่หมอรู้จัก เค้ามีนามว่า “ตายง”
ตายงทำหน้าที่เป็นคนสวนในโรงแรมแห่งหนึ่ง ตายงไม่มีเวลาเข้าออกงานเพราะอาศัยอยู่ในสวนผักของโรงแรม
แต่ตายงตื่นมาทำงานตั้งแต่ตีสี่ และหยุดพักเมื่อพลบค่ำหรืองานที่ตั้งใจจะทำในวันนั้นเสร็จเรียบร้อย
ด้วยความที่ไม่ได้ตอกบัตรเหมือนคนอื่น แม้จะอิสระแต่ก็เป็นคนที่ไม่มีโอทีหรือโบนัส
เมื่องานตัวเองเสร็จก็ยังมีน้ำใจช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานในแผนกอื่น ๆ อยู่เสมอ
จนได้รับการโหวตจากเพื่อนพนักงานให้เป็นพนักงานดีเด่นทุกปี
วันหนึ่งในการประชุมรวมของโรงแรม ผู้บริหารได้ชี้แจ้งถึงเป้าหมายและทิศทางในการพัฒนาโรงแรม
พร้อมถามคำถามเพื่อสร้างแรงจูงใจว่า “ใครอยากได้เงินเดือนขึ้นบ้าง?”
ปรากฏว่าไม่มีคนยกแต่สัมผัสได้ว่ามีความเขินอายทั้งที่อยากยก
ผู้บริหารจึงเปลี่ยนคำถามใหม่ว่า“ใครไม่อยากได้เงินเดือนขึ้นบ้าง?”
ปรากฏว่ามีหนึ่งคนที่ยก นั้นคือ “ตายง”
คนสวนที่ทำงานหนัก เงินน้อยอย่างตายงมีความสุขและความภาคภูมิใจในงานของตัวเองได้อย่างไรกัน?
ตายงเล่าให้ฟังว่า พ่อมีตายงตอนอายุ 60 อาชีพของพ่อคือการเป็นพรานป่าในวิถีโบราณ
คืออยู่กับธรรมชาติดูแลธรรมชาติ ตายงจึงเติบโตในป่ามีป่าเป็นบ้าน
เมื่อพ่อเสียตายงจึงออกจากป่ามาทำการเกษตรแบบธรรมชาติในตัวหมู่บ้าน
ตอนนั้นใครมาเห็นสิ่งที่ตายงทำก็มองว่าเป็นคนบ้า ไม่มีใครยอมรับ
จนกระทั่งวันหนึ่งที่โรงแรมต้องการหาคนสวนเพื่อทำสวนเกษตรธรรมชาติ
ตายงจึงมาสมัครเพื่อตั้งใจเนรมิตพื้นที่ว่างเปล่า 2 ไร่ภายในโรงแรมให้เป็นป่าที่มีพืชผักปลอดภัยอยู่ในนั้น
สำหรับคนภายนอกอาจจะมองว่า ตายงเป็นแค่คนสวน
แต่สำหรับตายง เค้ามองตัวเองว่าเค้าเป็นตั้งคนสวน
เพราะหน้าที่สำคัญของคนสวนในแบบตายง คือคนที่สร้างออกซิเจนให้โลกและผลิตอาหารปลอดภัยให้ผู้คน
ตายงมีความสุขที่เป็นคนสวน เพราะอาชีพคนสวนทำให้ได้ทำความดีให้กับโลกและผู้คนทุกวัน
แต่กว่าตายงจะมองเห็นคุณค่าในงานและความงามในชีวิตของตัวเองก็ต้องผ่านความเจ็บปวดมามิใช่น้อย
เมื่อตอนอยู่ในป่าออกมาในเมืองผู้คนก็ตราหน้าว่าบ้า ไม่มีเงินติดตัวสักบาท
ตายงเคยนึกอิจฉาคนมีเงินแล้วได้มีโอกาสเอาเงินไปทำบุญที่วัด ขณะที่พล่ำบ่นกับตัวเองด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ
ก็มีคนชราคนนึงเดินมาบอกว่า “อย่าน้อยใจไปเลย เพราะสิ่งที่เอ็งทำอยู่ทุกวันนี้ การปลูกต้นไม้การดูแลป่าให้บรรดานกทั้งหลายมีที่กินที่อาศัยก็เป็นการทำบุญเหมือนกัน “
คำปลอบใจของชายชราในวันนั้น ได้กลายเป็นบทเพลงที่ตายงแต่งขึ้นเพื่อเตือนใจตัวเองให้กลับมาเห็นคุณค่า
ในตัวเอง ในงาน ในชีวิต
**นกเกาะได้บุญ คนกินเป็นทาน อย่างน้อยลูกหลานจะได้มีป่าใช้
สร้างต้นน้ำด้วยการปลูกไม้ ให้เมืองไทยให้แผ่นดิน
A ที่โลกมันร้อนเพราะคนตัดไม้ ขุดเจาะทำลายใจร้ายหนักหนา
เดือดร้อนกันทั้งแนวป่า สรรพสัตว์นานาต่างได้รับผล
B หยุดเถิดหนาหยุดได้มั้ย หยุดทำลายลมหายใจลูกหลาน
ให้ป่าไม้อยู่ไปนานนาน ให้สายธารอยู่คู่แผนดิน
**นกเกาะได้บุญ คนกินเป็นทาน อย่างน้อยลูกหลานจะได้มีป่าใช้
สร้างต้นน้ำด้วยการปลูกไม้ ให้เมืองไทยให้แผ่นดิน
“เพลงนี้จึงกลายเป็นเพลงเพื่อชีวิต ที่เขียนจากชีวิต เพื่อให้เราเห็นคุณค่าและความงามของชีวิต”
Youtube : https://youtu.be/owLlWmzREtk ดื่มกาแฟอย่างไรให้เป็นประโยชน์
https://youtu.be/dY6g1L9eABA ดริปกาแฟดูแลใจกันเถอะ
----------------------------------------------------------------------------
Page FB ดีต่อใจ โดย หมอเอิ้น พิยะดา : https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10156783544953550&id=306538978549
----------------------------------------------------------------------------
IG :https://www.instagram.com/earnpiyada/
----------------------------------------------------------------------------
Website : http://www.earnpiyada.com/
ความเห็น 3
เห็นด้วย ธรรมชาติบริสุทธิ์ และสำคัญต่อสิ่งมีชีวิตทุกชีวิต
27 มี.ค. 2562 เวลา 04.49 น.
บทความนี้ทำให้ผมเข้าใจได้ว่า ความสุขที่แท้จริงนั้น ย่อมสามารถที่จะเกิดขึ้้นมาได้ก็ด้วยเพราะความตั่งใจจริงกับในสิ่งที่ตนเองรัก.
27 มี.ค. 2562 เวลา 11.42 น.
Kongpol
ขอบคุณ ที่มีบทความดีดี มาให้อ่าน ครับ
13 เม.ย. 2562 เวลา 18.03 น.
ดูทั้งหมด