หากรัฐบาล "ลำดับความจำเป็น" ในการตั้งงบประมาณแผ่นดินปี 2564 ดูแลบ้านเมืองและประชาชนได้อย่างถ้วนถี่แบบไม่ค้านสายตา "แนวรบ-แนวร่วม" คงไม่เกิดเสียงเซ็งแซ่ถึงข้อกังขาของผู้คนในสังคมอยู่ขณะนี้
อย่าลืมว่า วิกฤติเศรษฐกิจจากโรคระบาด "โควิด-19" ย่ำแย่ไปทั่วโลก คาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะหดตัว 10.3% ซึ่งต่ำกว่าช่วงวิกฤตการณ์ทางการเงินในเอเชียในปี 2541 แต่เศรษฐกิจจะค่อยๆ ฟื้นตัวและเติบโตในปี 2564
การชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและผลกระทบทางลบที่ส่งต่อไปยังภาคหลายส่วน อาจทำให้แรงงานในไทยประมาณ 80% ได้รับผลกระทบในช่วงที่มีการระบาดหนักของโควิด-19 จากเดิมคาดไว้ที่ 50% และในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้คาดว่าจะยังมีแรงงานที่ได้รับผลกระทบประมาณ 30% จากเดิมคาดไว้ที่ 10% ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของครัวเรือนและความสามารถในการใช้จ่ายของประชาชน
ทว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อ้างความจำเป็น นำงบประมาณปี 64 ให้กระทรวงกลาโหมซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัย โดยไม่ยอมตัดทอนงบลงตามภาวะเศรษฐกิจ ท่ามกลางคำถามว่า งบเสริมสร้างกำลังกองทัพ ทั้ง 3 เหล่าทัพของกระทรวงกลาโหม ตั้งผูกพันตั้งแต่ปี 2561-66 ซึ่งปี 64 ยังเหลืออยู่ตั้ง 117,000 ล้านบาท ยังมาตั้งงบใหม่ในปี 2564 อีกเกือบ 30,000 ล้านบาท รวมทั้งงบ สร้างเสริมยุทโธปกรณ์ บวกซ่อมแซมอีกกว่า 10,000 ล้านบาท รวมตัวเลขกลมๆ ราว 40,000 ล้าน
ประเด็นดังกล่าว "ถูกขยายความ" อย่างแพร่หลาย พร้อมตั้งคำถามว่าตัดงบสักหมื่นล้าน เพื่อมาดูแลประชาชนสักปี มิได้เชียวหรือ ขณะที่ฝ่ายค้านตีปี๊บเรียกคะแนน ว่ามุ่งตัดงบดังกล่าวในคณะกรรมาธิการฯ สภา ซึ่งคนที่ไม่ชอบรัฐบาลประยุทธ์ก็เชื่อสุดใจ , คนกลาง ๆ ก็ตั้งคำถาม และคนที่ชอบรัฐบาลก็อาจหวั่นไหว
น่าสนใจความเห็นของ "กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ" อดีตรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ ระบุผ่านทวิตเตอร์ @korbsak ว่า รัฐบาลไม่ควรยืนยันจะซื้ออาวุธในปีนี้ สภาพเศรษฐกิจตกต่ำจะยาวนานต่ออีกถึง 12 เดือน เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทไม่พอแน่ โดยเฉพาะ 5,000 บาท 3 เดือน คงต้องเปลี่ยนรูปแบบในการช่วยเหลือเพื่อให้ช่วยต่อได้อีก 3-6 เดือน เห็นด้วยว่ากองทัพควรมีอาวุธทันสมัย รอปีหน้าได้ไหม ขอตุนเงินไว้เยียวยาชาวบ้านก่อน สำคัญกว่า
ความเห็นดังกล่าว ไม่ค้านกองทัพควรมีอาวุธทันสมัย แต่สภาพเศรษฐกิจตกต่ำ ที่จะทำให้ประชาชนกระทบหนัก โดยเฉพาะคนจน ชาวบ้านร้านตลาด ซึ่งอาจจะได้ยินข่าวคนคิดฆ่าตัวตายถี่ขึ้น จากการปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำที่ยากจะเอาตัวรอดได้ สอดรับกับข้อมูลศูนย์วิจัยกสิกรไทย (7 ก.ค.2563) พิษโควิด กระทบหนี้ครัวเรือนไทย ขยับขึ้นมาอยู่ที่กรอบ 88-90% นับเป็นระดับสูงที่สุดในรอบ 18 ปี
คำถามถึงนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมผู้บัญชาการทั้งสามเหล่าทัพ จะทำเป็น "หูทวนลม" จะรอให้เกิดกระแสประชาชนออกมาต่อต้านก่อน หรือเกิดพลังสังคมสนับสนุนฝ่ายค้านตัดงบซื้ออาวุธ 4 หมื่นล้าน ในชั้น กมธ. ซึ่งไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็ตาม รัฐบาลโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง เว้นแต่จะรีบถอนฟืนออกจากกองไฟ!!
ความเห็น 62
เสือนอนกิน
ต่อให้ได้ซื้ออาวุธทันสมัยขนาดใหนไปรบกับใครก็แพ้สู้ชาติใดในอาเซี่ยนเขาไม่ได้หรอกเพราะมีแต่อาวุธ.รีไซเคิล.ทั้งนั้น555
08 ก.ค. 2563 เวลา 15.29 น.
พี่ตุ้ย
หาไม่เป็นกู้เก่งนายกไม่มีสมอง เบื่อ
08 ก.ค. 2563 เวลา 14.24 น.
Vipapan
ไปพบ หมอหู หมอตา กินยาบำรุงสมองบ้างนะค่ะ บางทีหูจะดี ตาสว่าง สมองดี มีความคิดด้านบริหารดีกว่านี้เด้อๆๆๆๆๆ
08 ก.ค. 2563 เวลา 10.18 น.
thonglor007
จะเอาไปรบกับแมวที่ไหน คนตกงานเยอะแยะห้างร้างปิด โรงงานขนาดใหญ่ปิด บริษัท ฯ ปิดทุกวันนำเงินเหล่านี้มาช่วยตรงนี้จะดีกว่าไม๊ ปัดโธ่ พวกคนดีรอค่าคอมส์จัดซื้อหรือไรถึงหน้าด้านจะเอาให้ได้ ปัดโธ่
08 ก.ค. 2563 เวลา 09.30 น.
Rote P
ปีหน้าค่อยซื้อ คนเกษียนปีนี้ก็อดซิจ๊ะ นี้ตัวนี้ต่างหาก ไม่ต้องบอกว่าอดอะไร 555 %%%
08 ก.ค. 2563 เวลา 09.22 น.
ดูทั้งหมด