เบื่อไหม กับการนอนโรงแรม ที่มองทางไหนก็เจอแต่ห้องสี่เหลี่ยม แต่ให้นอนเต็นท์ ก็กลัวจะลำบาก งั้นตามเราไปที่ ลาลา มูก้า เต็นท์ รีสอร์ท เขาใหญ่ (Lalamukha Tented Resort Khao Yai) เต็นท์ติดแอร์ ท่ามกลางอ้อมกอดของขุนเขา วิวธรรมชาติ รับรองสะดวกสบาย หรูหราเทียบเท่าโรงแรมเกรดเอ ในบรรยากาศเงียบสงบ น่าพักผ่อน ที่สำคัญคือเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย มันดีตรงนี้ ^^
Lalamukha Tented
Resort Khao Yai
นอนเต็นท์ติดแอร์ แนบชิดธรรมชาติ
ลาลามูก้า เป็นรีสอร์ทเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ สไตล์ Glamping คือการกางเต็นท์กลางป่า อยู่แนบชิดกับธรรมชาติ แต่ไม่รบกวนสัตว์ต่างๆ มีความหรูหราและสะดวกสบายกว่าCamping ทั่วไป
สำหรับคำว่า ลาลา มูก้า มาจากภาษาชนเผ่าแอฟริกาใต้ แปลง่ายๆ ว่าผ่อนคลาย ที่นี่เน้นการตกแต่งแบบซาฟารี ใช้วัสดุและสีที่กลมกลืนกับธรรมชาติ โดยมีที่พักทั้งหมด 3 แบบ คือเต็นท์สองแบบ และบ้านต้นไม้ ให้ฟิลล์เหมือนมาเข้าค่ายลูกเสือเลยล่ะค่ะ
1. Eco Safari tents เป็นเต็นท์ขนาดนอนได้สองคน มีทั้งหมด 18 เต๊นท์ ภายในจะมีเตียง โซฟา ทีวี ตู้เย็น โคมไฟ มีของในตู้เย็นและบนโต๊ะทีวีให้ทานได้ฟรี มีผลไม้ และอื่นๆ แต่เต๊นท์นี้จะเป็นแบบไม่มีห้องน้ำในตัว เราต้องออกมาใช้ห้องน้ำรวม ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน ห้องน้ำรวมสะอาดมาก สร้างขึ้นมาเป็นบ้านหลังเล็กๆ อีกหลัง มีห้องสุขา ห้องอาบน้ำ indoor และ outdoor มีห้องกระจกตรงกลาง มีล็อคเกอร์ให้เก็บของ และมีไดร์เป่าผมให้เสร็จสรรพ
- ราคาช่วงเดือนมีนาคม – ตุลาคม Weekday (วันอาทิตย์-พฤหัสบดี) จะอยู่ที่ 2,835 บาท Weekend (วันศุกร์และเสาร์) จะอยู่ที่ 3,240
2. Deluxe savanna tent เป็นเต็นท์ขนาดใหญ่ มีห้องน้ำในตัว มีเตียงนอน โซฟา ทีวี และอื่นๆ เหมือนกับเต็นท์แรกที่กล่าวมา จะเป็นเต็นท์แบบครอบครัว เหมาะสำหรับพ่อแม่ลูกมาพักผ่อน
- ราคาช่วงเดือนมีนาคม – ตุลาคม Weekday (วันอาทิตย์-พฤหัสบดี) จะอยู่ที่ 3,840 บาท Weekend (วันศุกร์และเสาร์) จะอยู่ที่ 4,200 บาท
3. Loft Tree house เป็นบ้านพักลักษณะเป็นบ้านต้นไม้ บ้านจะค่อนข้างสูง และวิวก็สวยไปอีกแบบ มีใต้ถุนไว้นั่งเล่น เหมาะสำหรับพักผ่อนเป็นครอบครัว เพราะราคาก็ไม่เบาเลยทีเดียว
- ราคาช่วงเดือนมีนาคม – ตุลาคม Weekday (วันอาทิตย์-พฤหัสบดี) จะอยู่ที่ 8,000 บาท Weekend (วันศุกร์และเสาร์) จะอยู่ที่ 8,800 บาท
วินาทีแรกที่เรามาถึง ที่นี่เงียบเชียบมาก ราวกับไม่มีคน รู้สึกเป็นส่วนตัว ทางที่พักก็จะแนะนำระบบความปลอดภัย และกฎระเบียบของที่พัก ระบบความปลอดภัยของที่นี่คือจะต้องมีคีย์การ์ดเพื่อเข้าออกเสมอ และจะมีกุญแจเล็กๆ ให้เราล็อคเต๊นท์ทุกครั้งก่อนออกไปข้างนอก
หลังจากพักผ่อนเอาแรงสักพักก็เดินไปสำรวจรอบๆ รีสอร์ท รอบๆ จะติดสายเคเบิล เอาไว้ปล่อยกระแสไฟฟ้า ไม่รู้เอาไว้ป้องกันสัตว์ป่า หรือกันคน มีสะพานให้เดินถ่ายรูปสวยๆ ด้วย
เสร็จจากถ่ายรูปก็มาว่ายน้ำ สระว่ายน้ำดีมากๆ อยู่ข้างหน้าเต็นท์เลยไม่ต้องเดินไกล เป็นสระว่ายน้ำ outdoor มองออกไปข้างหน้าเป็นภูเขาและท้องฟ้า สระสะอาดและเงียบสงบมากๆ มาวันธรรมดานี่ดีจริงๆนะ เหมือนที่พักเป็นของเรา ข้างๆ มีเปลให้นั่งเล่นนอนเล่น และบริเวณสระมีที่ให้นั่งเล่น มีขนมให้หยิบทานฟรี มีปลั๊กไฟ ไวไฟทั่วถึงทุกที่
พอตกกลางคืน ก็สามารถขึ้นไปนั่งดูดาว ชมวิว บนชั้นสองที่ออกแบบเป็นสวนขนาดเล็กของห้องอาหาร Jabulani ได้ ส่วนตอนเช้าทางที่พักก็มีอาหารเช้าฟรี ให้เลือกทั้งอเมริกันเบรคฟราส และอาหารไทย ดีงามสุดๆ อ้อ! อีกอย่างหนึ่งคือ ที่นี่งดส่งเสียงรบกวนสัตว์ตั้งแต่เวลา 23.00 น. ถึง 7.00 น. นะคะ โดยมีคู่มือบอกไว้ว่า birds sing in the morning น่ารักกกก
“ลาลา มูก้า เต็นท์ รีสอร์ท” ก่อนมาก็บอกตัวเองว่าอย่าคาดหวัง เพราะจะเป็นยังไงก็เลือกที่จะมาแล้ว สำหรับคนอื่นเราไม่รู้ว่าจะชอบมั้ยนะ คือมันก็ไม่ได้เลิศหรูขนาดนั้น แต่สำหรับเรา ประทับใจมากจริงๆ ไม่ว่าจะบรรยากาศ หรือการใสใจรายละเอียดกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างในเต็นท์ก็มีหมวก ร่ม ถุงผ้าให้ใช้ ถ้ามีโอกาสเราจะกลับไปอีกแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : Imminimus
ความเห็น 0