ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ไลฟ์สด “การคาดการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19" ผ่านทางเฟซบุ๊ก ว่า จากวันที่23 มีนาคม ที่ผ่านมา ได้มีการคาดการณ์ในเวลานั้นถึงสถานการณ์ที่แย่ที่สุด หากไม่มีการดำเนินการทำอะไรเลย
ระบุ อัตราผู้ป่วยอาจสูงถึงประมาณ 10,000 ราย แต่หากเรามีมาตรการที่เข้มข้น จะทำให้อัตรการเพิ่มของผู้ป่วยอยู่ที่ร้อยละ20 และจะทำให้ระบบการดูแลสุขภาพต่างๆเพียงพอและควบคุมได้
โดยแนวโน้มของสถานการณ์ประเทศไทยเริ่มสูงจากคราวที่แล้วที่คาดการณ์ไว้ขึ้นมาเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับประเทศมาเลเซีย ที่คราวก่อนใกล้เคียงกัน ตอนนี้ สถานการณ์ต่างกันแล้ว คือมาเลเซียมียอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มากกว่าไทย อยู่ที่ประมาณ 37 ราย รวมถึงในประเทศกลุ่มอาเซียน ที่มีบางประเทศ ที่แนวโน้มน่าเป็นห่วง อย่าง ประเทศเวียดนาม
จะเห็นว่า ยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 จาก 100ราย ไป 200 ราย ช่วงเวลาห่างกันมาก ทำให้โอกาสที่ประเทศเวียดนามจะมีผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มขึ้น คงไม่มากนัก
ส่วนประเทศไทยจุดเปลี่ยนสำคัญ คือ วันที่มีการเคลื่อยย้ายของประชาชนจำนวนนึงออกจากกรุงเทพมหานคร
จึงทำให้สัดส่วนคนไข้โควิด-19 สัดส่วนในต่างจังหวัดเท่าๆกับ กรุงเทพมหานคร และมีเกณฑ์สลับขึ้นลงจนถึงปัจจุบัน โดย กทม.ร้อยละ50 ต่างจังหวัดร้อยละ 50
ถึงแม้เราจะมีคนไข้ที่กระจายไปยังต่างจังหวัด โดยพื้นที่ต่างจังหวัดที่มีผู้ป่วยยืนยัน10-50 ราย คือเชียงใหม่ อุบลราชธานี นครราชสีมา และโซนทางภาคใต้
โดยสถานการณ์ล่าสุดของการระบาด สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ที่ได้มีมาตรการต่างๆออกมาเป็นช่วงๆ จากหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งความร่วมมือของหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน และประชาชน
ขณะนี้มาตรการต่างๆเริ่มส่งผล เห็นได้จากตัวเลขของผู้ติดเชื้อในประเทศไทยตอนนี้ ข้อมูล ณวันที่ 30 มีนาคม 1,524 ราย เพิ่มขึ้น 136 ราย เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ประเทศไทยถือว่าอยู่ตรงกลางของกลุ่มประเทศที่ควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อได้ และกลุ่มที่ควบคุมไม่ได้จากทั่วโลก โดยอยู่อันดับ 2 ในกลุ่ม 10 ประเทศอาเซียน
สถานการณ์ตอนนี้ จึงถือว่าประเทศไทยประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง เพราะมาตรการหลายทาง และความร่วมมือจากหลายฝ่าย ทำให้สามารถดึงจำนวนผู้ป่วยให้อยู่ใกล้เคียงกับศักยภาพของระบบสาธารณสุข ที่จะดูแลได้
โดยในส่วนของศิริราช มีจำนวนเตียงที่สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 102 เตียง ปัจจุบันมีผู้ป่วย 70 ราย อาการหนัก 6 ราย ที่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ และคาดว่าจำนวนเตียงที่มี จะสามารถรองรับผู้ป่วยเพิ่มได้อีก 16-25 เตียง
สิ่งที่อยากจะฝากให้คนไทยทุกคนยังต้องช่วยกัน แม้ว่าตอนนี้ตัวเลขของผู้ติดเชื้อจะดูแนวโน้มไม่ได้เพิ่มสูงขึ้น แต่ก็ยังคงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งน่าเป็นห่วง เพราะศักยภาพการรองรับด้านสาธารณสุขของประเทศตอนนี้ ถือว่าเป็นยังคงปริ่มน้ำ และค่อนไปทางขาดแคลน
ดังนั้นเพื่อให้ ระบบสาธารณสุข ยังคงมีศักยภาพในการดูแลผู้ติดเชื้อได้ ประชาชนทุกคนยังต้องช่วยกันในการลดจำนวนคนไข้ โดยปฏิบัติตามมาตรการอยู่บ้าน หยุดเชื้อ ช่วยชาติ เพราะการออกจากบ้าน หากไม่มีเชื้อ ก็มีโอกาสที่จะไปรับเชื้อได้ แต่หากมีเชื้อ ก็จะมีโอกาสแพร่เชื้อให้กับผู้อื่นได้ ขอให้คำนึงไว้เสมอให้เว้นระยะห่าง 2 เมตร และใส่หน้ากากอนามัย ใช้เวลาอยู่นอกบ้านให้น้อยที่สุด หากสามารถช่วยกันได้ จำนวนคนไข้ให้น้อยลง
โดยคนไข้ที่มีอยู่ตอนนี้ ส่วนหนึ่งเป็นคนไข้ที่มีเชื้ออยู่แล้ว แต่ค่อยๆทยอยมาตรวจเชื้อที่โรงพยาบาล ซึ่งหากสามารถควบคุมและสกัดได้ดีพอ จำนวนของผู้ป่วยใหม่จะน้อยลง และระบบบริการสุขภาพของประเทศ จะเพียงพอที่จะดูแลผู้ป่วยทุกคนได้
เรื่องน่ารู้จาก COVID-19
อ่านข่าวแนะนำ >>> วิธี กักกันตัวเอง ที่บ้าน ทำอย่างไรให้ปลอดภัยที่สุด
Social Distancing ระยะห่างทางสังคม ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
วิธีรับมือ ความวิตกกังวลจากการระบาดของไวรัสโควิด-19
ความเห็น 15
Apichart.S
พวกเราอยู่บ้านช่วยคุณหมอครับ
31 มี.ค. 2563 เวลา 11.15 น.
Bee®🐼:(*_*):Bear™🐝
ไม่ออกไปมั่วสุม ออกไปเท่าที่จำเป็น ก็ช่วยได้ระดับหนึ่ง
31 มี.ค. 2563 เวลา 11.05 น.
Waraporn(Xiu Lan)
เมื่อจำเป็นออกนอกบ้าน ทุกคนต้องใส่หน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง ต้องถือเสมือนว่าคนรอบตัวคือ ผู้เสี่ยง สงกรานต์ ปีนี้อย่าเพิ่งไปรดน้ำดำหัวญาติผู้สูงอายุในครอบครัว เพราะถ้าติดเชื้อมีโอกาสที่เกิดอาการรุนแรงและเสียชีวิต
31 มี.ค. 2563 เวลา 11.11 น.
คงยาก เพราะตอนนี้ก็ยังเสรี ตามใจฉัน
31 มี.ค. 2563 เวลา 11.08 น.
.keng
อีกนิดน๊า ...ระหว่างมัวแต่เกรงใจยุ ให้สงสารหมอ พยาบาลบ้างนะ เค้าจะตายยุแล้ว มัวแต่ขอความร่วมมือจากปชช.ยุนั้นเระปกติระบบสาธารณะสุขบ้านเราก็เต็มกลืนยุแล้ว มาเจอแบบนี้อีก ตาเหลือกๆๆ
31 มี.ค. 2563 เวลา 11.51 น.
ดูทั้งหมด