โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

คุณค่าของการมีชีวิตอยู่ - มัดใจ

THINK TODAY

เผยแพร่ 06 เม.ย. 2562 เวลา 11.00 น.

หากคุณมีชีวิตที่เหลืออยู่บนโลกนี้อีกไม่นานนัก คุณจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้มีคุณค่าได้อย่างไร?

เมื่อปี 2553 รายการคนค้นฅน ได้นำเสนอเรื่องราวของสองพี่น้องชื่อว่า น้องกัน และ น้องกี้ ซึ่งเด็กทั้งสองป่วยเป็นโรคพันธุกรรมเมตาบอลิก  โรคนี้เป็นโรคที่เกิดจากความบกพร่องในระบบเผาผลาญพลังงานของร่างกาย ทำให้เกิดการตกค้างของสารอาหารต่างๆ ส่งผลเป็นพิษกับร่างกายในเวลาต่อมา ทำให้ผู้ป่วยมีหน้าตาไม่เหมือนเด็กทั่วไป คือหัวจะโต ตาจะปูน ท้องป่อง หลังแอ่น นิ้วมือหงิก และมักจะอายุสั้น ซึ่งถ้าเหตุการณ์เหล่านี้เกิดกับตัวเรา หรือคนที่เรารัก เราจะทำอย่างไร

เรื่องราวของน้องทั้งสองเป็นแรงบันดาลใจให้เราเห็นคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ จึงขอนำมาเล่าให้ผู้อ่านฟัง น้องกัน พี่ชายคนโต ขณะนั้นอายุ 17 ปี เดินไม่ได้ นอนติดเตียง มีวิทยุเป็นเพื่อน กับน้องกี้ อายุ 13 ปี ยังพอเดินได้ และมีเวลาออกไปเล่นกับเพื่อนได้บ้าง อาการเจ็บป่วยของสองพี่น้อง จะสร้างความทุกข์ทรมานให้กับเป็นพ่อ แม่มากขนาดไหนยากจะบรรยายแต่จุดเปลี่ยนชีวิตได้เกิดขึ้น หลังจากที่น้องกันได้ไปพบพระ แล้วพระได้เทศน์ให้ฟังว่า“คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะทำความดีได้ บางทีเราพิการ แต่เราอาจมีจิตใจที่ดีกว่าคนปกติทั่วไปก็เป็นได้ 

เราพิการแต่ร่างกาย แต่จิตใจเราไม่ได้พิการไปด้วย จิตใจที่ดีนำมาสู่ความสุข ขจัดความวิตกกังวลความเครียดได้”หลังจากวันนั้น น้องกลับมาก็ได้คิด หมั่นฟังธรรม สวดมนต์ภาวนาทุกวัน อารมณ์ของน้องก็ดีขึ้นตามลำดับ ไม่เคยคิดน้อยใจในวาสนา ว่าทำไมเราถึงเกิดมาเป็นเช่นนี้ น้องได้เรียนรู้ว่าเพราะกฎแห่งกรรมที่ทำให้น้องมีสภาพเช่นนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างมีกรรมจัดสรร ทำกรรมดีก็ส่งผลดี ทำให้มีความสุข ทำกรรมชั่วก็ส่งผลให้เราเป็นทุกข์มีโรคภัยไข้เจ็บ จนถึงกับพิการ 

น้องบอกว่าพยายามครองสติไม่ให้คิดชั่ว ไม่ทำบาป ให้รู้จักเสียสละ และให้ระลึกถึงความดีไว้บ้าง เขาจึงอยากให้ทุกคนเจริญสติให้ได้ ให้ระลึกถึงความตายไว้บ้าง จะได้ไม่ประมาท เพราะอารมณ์สุดท้ายก่อนตายนั้นสำคัญ เขากลัวอย่างเดียวคือ กลัวบาป กลัวจิตเศร้าหมองในวันสุดท้ายของชีวิต

และนี่ก็เป็นสิ่งที่เขาห่วงน้องกี้เช่นเดียวกัน เพราะขณะนั้น น้องกี้ยังไม่สนใจ ยังเป็นทาสของกิเลสอยู่ 

เรื่องราวของน้องกันน้องกี้ สะท้อนให้เราหันกลับมาถามตนเองว่า ในขณะที่เรามีชีวิตอยู่นี้ ยังมีสองเท้า สองมือ เราจะไม่ลุกขึ้นสู้ หรือทำความดีได้อย่างไร คุณค่าของการมีชีวิตอยู่ คือการที่เรายังมีลมหายใจ ณ ขณะนี้ ได้เกิดเป็นมนุษย์ และสามารถทำความดีได้ ไม่ว่าจะเป็นทั้งความดีภายนอกหรือความดีภายใน 

ภายนอก อาทิเช่น ทำหน้าที่ตนเองอย่างดี ประกอบอาชีพสุจริต สร้างประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่น ไม่ทำให้ผู้ใดเดือดร้อน ด้วยกาย วาจา และใจภายในคือจิตใจ ทำได้โดยการฝึกสติภาวนา เจริญสมาธิ เจริญปัญญา ทำจิตใจให้ผ่องใสเป็นกุศล และมีจิตใจที่เมตตาปราณีต่อผู้อื่นแล้ววันนั้นจะเป็นวันที่มีคุณค่าสมกับการที่เรายังมีชีวิตอยู่

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0

ความเห็น 9

  • สำคัญอยู่ที่ความคิดและจิตใจ เพราะทุกอย่างล้วนแล้วก็ย่อมที่จะต้องเป็นไปตามสัจจะธรรม.
    31 มี.ค. 2562 เวลา 07.53 น.
  • ดร.กิตติพง พิพิธกุล
    เราทั้งเครียดและโรคซึมเศร้ามาห้าปีแล้วและให้เลือกหนึ่งอย่าง จะเลือกไม่เกิดเพราะมันทุกข์ตลอดเวลา
    06 เม.ย. 2562 เวลา 12.04 น.
  • Nueng
    แค่ใจไม่พิการ👍🏻✌🏻
    30 มี.ค. 2562 เวลา 15.32 น.
  • การให้คนแก่ คนป่วย ฟังธรรมะเป็นสิ่งที่ดี เพราะธรรมะจะนำทางให้ไปดียามหมดทุกข์ แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าเราจะรับฟัง ธรรมะจากพระดี จริงๆแล้วพ่อแม่คือพระที่ดีที่สุดในบ้าน ควรสอนลูก ไม่ควรไว้ใจคน แม้จะเป็นพระ จะได้ไม่เสียใจ😴😴
    31 มี.ค. 2562 เวลา 08.17 น.
  • Sky2365
    ถ้าชีวิตมันดี มันน่าจะมีชีวิต แต่ถ้าต้องลำบากอดมื้อกินมื้อ เกิดมาพิการ ทั้งครอบครัวติดยา ติดคุก มีคนป่วยนอนติดเตียงให้ดูแลอีก...ตายแล้วไปเกิดใหม่น่าจะดีกว่าการมีชีวิตนะ บางคนแค่เพื่อนไม่สนใจ สอบเกรดไม่ดีก็จะตายแล้ว คิดดูคนที่เขาโครตลำบาก เขาก็คนเหมือนกันเขาไม่อยากมีชีวิตอยากตาย มันก็ควรจะเข้าใจเขา ไม่ใช่โลกสวยชีวิตมีค่าๆๆ ความจริง กับ ความคิด มันต่างกันมาก.
    07 เม.ย. 2562 เวลา 03.42 น.
ดูทั้งหมด