นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วยนพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น นายแพทย์ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผอ.โรงพยาบาลขอนแก่น นายแพทย์ธีระวัฒน์ ศรีนัครินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงพยาบาลราชพฤกษ์ แถลงข่าวสถานการณ์ COVID-19 จังหวัดขอนแก่น ผ่านทางสถานีNBT11 ทีวีอีสาน โดยแถลงข่าวเกี่ยวกับการพบผู้ติดเชื้อโควิดรายที่4ของจังหวัดขอนแก่น
โดยผู้ติดเชื้อเป็นผู้หญิงอายุ70ปี อยู่ในเขตเมืองขอนแก่น จากการสอบสวนโรค พบว่า ผู้ป่วยรายนี้ ได้ร่วมงานเลี้ยงวันเกิดหลานที่บ้านลูกสาว เมื่อวันที่ 19 มี.ค. และมีอาการเริ่มป่วยวันที่ 20 มี.ค. จึงได้ไปพบหมอที่คลินิกแพทย์ปฐมภูมิวัดหนองแวง โดยพบว่ามีอาการปอดบวม แต่ผู้ป่วยปฏิเสธการเอกซเรย์ปอดที่โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น ประกอบกับการซักประวัติ ผู้ป่วยไม่ได้อยู่ในกลุ่มหรือสัมผัสกับกลุ่มเสี่ยง จึงได้สั่งยาให้ไป และก็กลับมาหาหมอที่วัดหนองแวงอีกครั้งใน วันที่ 26 มี.ค. จากนั้นวันที่ 27 มี.ค. ได้ไปรักษาที่คลินิกเอกชนแห่งหนึ่ง แต่อาการไม่ดีขึ้น วันที่ 29 มี.ค. จึงได้ไปหาหมอที่โรงพยาบาลราชพฤกษ์ ด้วยอาการปอดอักเสบ รักษา 2 วันและมีการตรวจพบติดเชื้อโควิด จึงส่งต่อรักษาที่โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น และระหว่างนั้น ผู้ป่วย ซึ่งเป็นคนที่ปกติร่างกายแข็งแรง ได้ไปตลาดในเมืองขอนแก่นหลายแห่ง
เบื้องต้น มีผู้สัมผัสผู้ป่วย ประมาณ 70 คน ทั้งผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและ เสี่ยงต่ำ เช่นสมาชิกครอบครัว บุคลากรทางการแพทย์ หรือผู้ใกล้ชิดระยะ 1 เมตร ได้เริ่มให้ตรวจและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
โดยนายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ถือว่าจังหวัดขอนแก่นได้ถูกเจาะไข่แดง เพราะผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายที่ 4 เป็นคนในพื้นที่ ในตัวเมืองขอนแก่น แตกต่างจาก 3 รายก่อนหน้า ที่ถือว่าเป็นผู้ป่วยนำเข้าจากที่อื่น โดยรายแรกติดจากสนามมวย รายที่2ติดจากญาติที่ไปสนามมวย และรายที่3เดินทางมาจากประเทศอังกฤษ แต่รายล่าสุด เกิดขึ้นในสภาพที่จังหวัดได้มีมาตรการเข้มข้น เจ้าหน้าที่ทำงานกันอย่างเต็มที่มีการตั้งด่านการเข้ามาในพื้นที่อย่างเข้มงวด ถือว่าเกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ทำหน้าอย่างดีเยี่ยม แต่ พยายามสอบสวนโรคให้เกิดความละเอียดมากที่สุด
จากที่ปกติคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ จะประชุมกันทุกวันจันทร์ แต่เนื่องจากเคสนี้จำเป็นที่จะต้องเรียกประชุมด่วนในวันพรุ่งนี้ (3 เม.ย.) เพื่อหารือการเพิ่มมาตรการเร่งด่วน และขอให้ทุกคนอย่าชะล่าใจ ต้องเพิ่มความระมัดระวัง ที่ผ่านมาแม้มาตรการจะเข้มข้น พยายามปิดจุดอ่อน ถ้ามีผู้ป่วยปะทุมากขึ้น อาจจะต้องมีคำสั่งมาตรการเข้มข้นยิ่งขึ้น ทั้งนี้มาตรการต่าง ๆ ไม่ได้ยืนยันความสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ขึ้นอยู่กับทุกคน อย่าคิดว่าเป็นเรื่องของโชค ต้องร่วมมือกัน ต้องดูแลตัวเอง จะเห็นได้ว่า จากสำรวจของ สสจ. พบว่าแม่ค้าในตลาดให้ความสำคัญกับการสวมหน้ากากน้อยมาก สวมใส่แค่ 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น สิ่งสำคัญโรคไม่ได้ไกลตัว ขณะนี้ทุกคนต้องบอกตัวเองว่า ตนเองอาจจะมีเชื้อติดเนื้อติดตัว อาจจะได้เชื้อระหว่างทาง เป็นคนนำไปแพร่ให้คนที่บ้าน ดังนั้น ให้รักษาระยะห่าง และควรอยู่บ้านปลอดภัยที่สุด
ความเห็น 14
สุชาติ
ผวาเลยไม่รู้ปล่อยเชื้อทีใดบ้างระหว่าง20-26ไม่รู้ว่าใครรับเชื้อบ้างแล้วคนรับเชื้อก็ไปปล่อยคนในครอบครัวโดยเจ้าตัวไม่รู้ว่าเป็นพาหะนำเชื้อ
02 เม.ย. 2563 เวลา 15.59 น.
nid Thananpatch
คนแก่ 70 ไม่น่า ออกนอกบ้านไปโน้นนี่ คนแก่ดื้อ
02 เม.ย. 2563 เวลา 14.02 น.
โควิดต้องมีคนพาไป หรือไม่เราเองที่ไปหาคนมีเชื้อโควิด
ผู้สูงอายุให้อยู่บ้าน ส่วนลูกหลานก็ระมัดระวัง
อย่าเอาเชื้อไปฝาก
02 เม.ย. 2563 เวลา 13.01 น.
Poppybra
มนุษย์ป้าจะไม่พูดความจริง
02 เม.ย. 2563 เวลา 12.42 น.
Teerawat
ไม่มีทางหรอก...
ต้องไปสัมผัส ใกล้ชิด หรือได้รับมาแน่นอน .... อย่าสร้างเรื่อง สร้างความหวาดกลัว หรือกุข่าวลือขึ้นมาเลย นะ....
อยู่เชื้อโรคมันจะโผล่มาได้ไง...
แล้วที่ผ่านมากว่าจะมาตรวจเจอ ก็พบปะเจอะเจอคนมาตั้งมากมาย
02 เม.ย. 2563 เวลา 12.27 น.
ดูทั้งหมด