เมื่อเกิด “ไฟไหม้” สิ่งที่ทุกคนต้องการขนย้ายหนีกองเพลิงก็ล้วนแต่ “ของมีค่า” หากของมีค่าของแต่ละบุคคลไม่ใช่แก้วแหวนเงินทองเสมอไป ดังที่ สมเด็จฯ เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ รับสั่งว่า “…ถ้าเกิดไฟไหม้ไม่ต้องเก็บเครื่องเพชร ให้เก็บหนังสือก่อน…” ที่แสดงให้เห็นสำหรับพระองค์ “หนังสือ” คือของมีค่ากว่า “เครื่องเพชร”
สมเด็จฯ เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ หรือ สมเด็จพระราชปิตุฉา เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร (พ.ศ. 2427-2482) พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่สมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า แต่สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ผู้เป็นพระขนิษฐา ทรงขอไปเป็นพระราชธิดาบุญธรรมตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์
สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ มีพระราชดำริเกี่ยวกับการศึกษาของสตรีว่า ความรุ่งเรืองของบ้านเมืองจะบรรลุผลสำเร็จได้ ขึ้นอยู่กับการศึกษาของประชาชนชายหญิง แต่ขณะนั้น สตรีไทยยังล้าหลังบุรุษอยู่มากในเรื่องการศึกษา เพราะสตรีขาดผู้อุดหนุนและชักนำให้เห็นคุณประโยชน์ของเรียน
ด้วยพระเจตนารมณ์ดังกล่าว สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถจึงทรงปลูกฝังให้สมเด็จฯ เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ ทรงเห็นคุณค่า สนพระทัย และรักการศึกษา เริ่มตั้งแต่โปรดให้อาจารย์ทั้งไทยและต่างประเทศเข้ามาสอนเจ้าฟ้าหญิงในราชสำนักฝ่ายในตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ทำให้ทรงแตกฉานในวิชาการและภาษาต่างๆ
สมเด็จฯ เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ทรงถ่ายทอดปลูกฝังนิสัยรักการศึกษาให้แก่ข้าหลวงที่อยู่ในพระอุปถัมภ์ ข้าหลวงทุกคนได้รับการศึกษาอย่างเหมาะสมตามลำดับอายุ ข้าหลวงชั้นเล็กจะมีครูมาสอนหนังสือถึงพระตำหนักที่ประทับ ข้าหลวงที่โตหน่อยจะโปรดให้ไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนราชินีสุนันทาลัย
พระองค์ยังทรงสนับสนุนสตรีทั่วไปให้ได้รับการศึกษาด้วย โดยโปรดประทานทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างสถานศึกษาใหม่ๆ ขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เช่น โรงเรียนราชินีบน, โรงเรียนฝึกหัดครูเพชรบุรีวิทยาลงกรณ์, โรงเรียนเบญจมเทพอุทิศ จังหวัดเพชรบุรี ฯลฯ
ในส่วนพระองค์เองทรงใช้ความสนพระทัยเกี่ยวกับความรู้รอบพระองค์อยู่ตลอดเวลา เล่ากันว่าทรงสั่งหนังสือจากต่างประเทศหลากหลายประเภท ทรงใช้เวลาว่างทุกเวลาทรงหนังสือและทรงพระอักษร โดยเฉพาะก่อนพระบรรทมจะทรงหนังสือจนดึก ทั้งนี้เพราะมีพระดำริว่าวิชาการความรู้เท่านั้นที่จะเป็นสมบัติเพียงอย่างเดียวที่ติดตัวไปจนตาย สำหรับพระองค์ “หนังสือ” คือของมีค่ากว่า “เครื่องเพชร” ดังพระดำรัสที่สะท้อนให้เห็นถึงพระดำรินี้คือ
“…ของประดับถ้าไม่รู้จักเก็บรักษาก็สูญหายได้ แต่วิชาความรู้นั้นติดตัวไปตลอดชีวิต…” และ “…ถ้าเกิดไฟไหม้ไม่ต้องเก็บเครื่องเพชร ให้เก็บหนังสือก่อน…”
อ่านเพิ่มเติม :
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
ศันสนีย์ วีระศิลป์ชัย. วาทะเล่าประวัติศาสตร์, สำนักพิมพ์มติชน พ.ศ. 2556.
แก้ไขปรับปรุงในระบบออนไลน์ครั้งล่าสุดเมื่อ 11 พฤษภาคม 2567
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : “ไฟไหม้ไม่ต้องเก็บเครื่องเพชร เก็บหนังสือก่อน” เบื้องหลังรับสั่งเจ้านายที่รักหนังสือ
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.silpa-mag.com
ความเห็น 7
ArmReich_225☥
เครื่องเพชรไฟแรงแค่ไหนก็ไม่ไหม้ ต่างกับหนังสือ..'
12 เม.ย. 2562 เวลา 01.58 น.
Kanitta (Tak) 🎆
สมัยก่อนหนังสือดีๆ หายาก ต้องนำเข้า ขนใส่เรือล่องมาเป็นแรมปี คนสมัยก่อนให้คุณค่ากับความรู้ คนสมัยนี้ให้คุณค่าเทิดทูนเงินทอง
02 ส.ค. 2563 เวลา 07.44 น.
yaovarase.mam
ภาษา ไม่ว่าจะสื่อด้วยคำพูด หรือผ่านตัวอักษร ยังคงบอกถึงความคิดของคนได้เสมอ คุณค่า กับ ราคา ก้อเช่นกัน ของที่มีคุณค่าอาจมีราคาไม่มาก และของที่มีราคาอาจไม่มีคุณค่าเลยก้อได้ ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละบุคคลเช่นกัน
03 ส.ค. 2563 เวลา 01.22 น.
วารินนธี
ผิดกับสมัยนี้..คนเขาเก็บเพชรก่อน..ถ้าไม่เก็บ..พวกคุ้ยขยะเก็บหมด..ยุดสมัยมันเปลี่ยนไป..หนังสือเขาไม่อ่าน..มือถือมีหมด..สมัยก่อนใด้เพชรไม่มีราคา..สมัยนี้เพชรมีราคา
20 ต.ค. 2562 เวลา 10.44 น.
sue
ถ้าซื้อใหม่ได้ทั้งสองอย่าง เก็บเครื่องเพชรค่ะ ซื้อใหม่อะไรใช้เงินเยอะกว่าเก็บอันนั้นค่ะ .. เป็นแค่คำเปรียบเปรย
12 พ.ค. เวลา 06.34 น.
ดูทั้งหมด