ภาพประกอบ @mandy_mandarin
เมื่อเร็ว ๆ นี้มีข่าวชายหนุ่มบุกไปยิงอดีตสาวคนรักเพื่อปลิดชีวิตถึงที่ทำงาน หลังจากนั้น 1 วันตำรวจก็จับคนร้ายได้ โดยสารภาพว่าที่ทำไปเพราะรัก หึงหวง รับไม่ได้ที่อดีตภรรยาจะไปมีคนรักใหม่ ทำให้ต้อง ‘ฆ่า’
ก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์น่าสลดของคู่รักวัยรุ่น 2 คู่ ซึ่งฝ่ายหญิงตัดสินใจจบความสัมพันธ์ แต่ฝ่ายชายพยายามตามง้อเพื่อขอคืนดี จากความรักกลายเป็นความฉุนเฉียว เป็นความแค้นที่ฝ่ายหญิงไม่ยอมกลับมาหากันเหมือนเดิม ทำให้ฝ่ายชายตัดสินใจยิงแฟนสาวที่หัวใจ 2 นัด จากนั้นขอจบชีวิตตัวเองด้วยการยิงที่หน้าอกตัวเองอีก 1 นัด
อีกเหตุการณ์คล้ายกัน ฝ่ายชายง้อแฟนสาวอยู่เกือบปีก็ยังไม่สำเร็จ จึงตัดสินใจยิงแฟนสาวที่หน้าอก 1 นัด ฝ่ายหญิงสิ้นใจทันที จากนั้นฝ่ายชายลงไปนั่งข้าง ๆ ร่างไร้วิญญาณแฟนสาวแล้วตัดสินใจยิงเข้าที่ใต้คางของตัวเองอีก 1 นัด และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
ปมรักขมทำให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาเหตุหลักไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากความรักที่ไม่เป็นไปตามต้องการ รักที่คาดหวังว่ารักไปเท่าไหร่ ต้องได้กลับมาเท่านั้น รักที่ไม่ยอมรับความจริงว่ามีรักก็มีเลิกรักได้เหมือนกัน
เมื่อความคาดหวังต่าง ๆ นานาแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้น บวกกับอารมณ์ชั่ววูบ จึงทำให้เหตุการณ์ไม่คาดฝันแบบนี้เกิดขึ้น ทั้งที่ความจริงแล้ว ‘รัก’ ควรจะเป็นอะไรที่สวยงาม เป็นความรู้สึกเอื้ออาทรและไม่ทำร้ายกัน แต่เมื่ออะไร ๆ ไม่เป็นไปตามต้องการ คน ๆ หนึ่งจึงตัดสินใจปลิดชีวิตของอีกคน ด้วยเหตุผลบ้า ๆ ที่ว่า ‘รัก’
รู้ไหม..คนทุกคนมีแนวโน้มที่จะเป็นบ้าเพราะความรักได้ทั้งนั้น ถึงจะรักให้ตาย ความโมโห เคียดแค้นยังไงก็มีอยู่บนโลกนี้เสมอ เวลาบันดาลโทสะขึ้นมาก็อาจทำในสิ่งที่เลวร้ายต่อกันได้ ดังนั้นต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเองไม่บ้าเพราะความรัก หรือต่อให้บ้าก็ต้องไม่ขาดสติจนทำอะไรเกินกว่าเหตุ
▣ อย่ารักจนเกินรัก
ความรักเป็นเรื่องดี แต่อะไรที่มากเกินไปก็ทำให้รู้สึกอึดอัดและเป็นภาระได้ ความรักก็เช่นกัน ถ้ามากเกินไปก็ทำให้อีกฝ่ายไม่สบายใจ กดดันจนไม่เป็นตัวของตัวเอง สุดท้ายก็ไม่ต่างอะไรกับการทำร้ายกันเอง เพราะไม่มีใครไม่เจ็บปวดกับความรักที่มากเกินไปแบบนี้
ทางที่ดีรักน่ะรักได้ แต่อย่ารักเกินไป ต้องเผื่อใจไว้รักตัวเองด้วย เพราะไม่งั้นเราจะรักเค้าจนเราเองเป็นบ้า และทำอะไรบ้า ๆ
วิธีสร้างภูมิคุ้มกันตัวเองไม่ให้รักเกินรัก จนทำอะไรบ้า ๆ คือต้องเข้าใจความรักและเข้าใจคนที่เรารักเสียก่อน อย่าตะบี้ตะบันรักจนไม่ลืมหูลืมตา เพราะมันอาจไม่ใช่ความรัก แต่เป็นความบ้า ความหลงที่คิดไปเองคนเดียว ซึ่งถ้าเป็นความรักที่แท้จริงต้องมีความเข้าใจควบคู่ไปด้วย เข้าใจทั้งความรัก เข้าใจทั้งตัวเอง และเข้าใจคนที่เรารักด้วย
ในทางกลับกัน ถ้าคุณเป็นคนที่ถูกรักและรู้สึกว่ารักที่ได้รับมานั้นมันทำให้อึดอัดจนรับไม่ไหว สิ่งที่ต้องทำก็คืออย่าปล่อยผ่าน เพราะการทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็ไม่ต่างอะไรกับการยอมรับสภาพนั้น ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่รู้สึกว่ารักกลายเป็นความกดดัน ต้องพยายามทำความเข้าใจกันให้เร็วที่สุด การบอกกันตรง ๆ ทำความเข้าใจกันตรง ๆ น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด อย่าลืมว่าความรักเป็นเรื่องของความพอดี อะไรมากไปหรือน้อยไป มักทำให้เกิดปัญหาได้เสมอ
▣ อย่าหลอกตัวเอง
เมื่อความรักดำเนินมาถึงจุดหนึ่ง อะไร ๆ ก็เปลี่ยนแปลงกันได้ คำว่า ‘รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง’ เป็นแค่ชื่อเพลงเท่านั้น เพราะในความจริงเราทุกคนเปลี่ยนไปทุกวัน ทั้งความคิด การใช้ชีวิต แม้กระทั่งความรักเองก็ตาม
ไม่ว่าใครจะเปลี่ยนไป ถ้าสิ่งที่เปลี่ยนทำให้รู้สึกแปลก ๆ อย่าเข้าข้างตัวเองจนกลายเป็นการหลอกตัวเองเด็ดขาด ลองมองสิ่งที่เปลี่ยนไปนั้นอย่างเป็นกลาง ถอยออกมามองในมุมที่กว้างขึ้น บางทีการแสดงออกบางอย่างก็บอกให้รู้ได้ว่าความรักของเราไม่เหมือนเดิม พูดกันตรง ๆ ก็ไม่มีใครผิด มีแต่ความรักที่น้อยลง
สิ่งที่ควรทำต่อจากนั้นต่างหากที่สำคัญ จะหลอกตัวเองต่อไปว่าทุกอย่างยังหมือนเดิมหรือยอมรับความจริงว่าความรักมันเปลี่ยนไปแล้ว
ถ้าตัดสินใจได้ว่าจะเลิกหลอกตัวเอง วิธีก็คือต้องหัดปล่อยวางให้เป็น การไปยึดติดกับความรักมีแต่จะทำให้ทุกข์ รักก็คือรัก ไม่รักก็คือไม่รัก รักได้ก็เลิกได้ การวิ่งไล่ตาม ทำทุกวิถีทางให้เค้าไม่ไปจากเราไม่ต่างอะไรกับการหลอกตัวเองไปวัน ๆ สู้ปล่อยวางแล้วยอมรับความจริงว่าอะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด คนทุกคนมีสิทธิ์เปลี่ยนใจและเปลี่ยนไปได้เสมอ เราก็แค่ต้องทำใจและยอมรับมันให้ได้เท่านั้น
ส่วนคนที่อยากจะจบความสัมพันธ์ ถ้าเหตุผลของคุณคือการมีคนใหม่ ขอให้พักสถานะแบบนั้นไว้ก่อนเลย เพราะสำหรับคนที่มีแนวโน้มว่าจะทำอะไรเกินกว่าเหตุ เค้าไม่มีทางรับเหตุผลนี้ได้ ดังนั้นไม่ว่าจะอยากจบเร็วแค่ไหน หรือคิดว่าตัดบัวอย่าให้เหลือใย เอามาใช้ไม่ได้แน่นอน
การจบเร็วได้เป็นเรื่องดี แต่ใช้ได้กับบางคนเท่านั้น สำหรับคนที่มีพฤติกรรมและอารมณ์รุนแรง เค้าจำเป็นต้องใช้เวลาอย่างเต็มที่ในการหันหลังให้ใครสักคน สิ่งที่สำคัญก็คือความเข้าใจ และไม่ทำให้หวาดระแวง อย่าลืมว่าจบเร็วเป็นเรื่องดี แต่จบด้วยดีเป็นเรื่องดีกว่า
>>7 ข้อคิดที่มาพร้อมกับการปิดฉากความสัมพันธ์<<
▣ อย่าทำร้ายกัน
การมีคนรักที่อารมณ์รุนแรงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ข้อสำคัญก็คือเราต้องรับมือได้ ไม่ใช่ปล่อยให้ตัวเองโดนทำร้ายหรือยอมรับสภาพแบบนั้นจนกลายเป็นความเคยชินที่เอาตัวเองออกมาไม่ได้ ความรักเป็นเรื่องดี แต่ความรักที่มาพร้อมกับความรุนแรงมันไม่เคยดี
ก่อนจะไปถึงรักต้องซ้อมหรือรักต้องฆ่า มันมีแนวโน้มหรือสัญญาณบอกเหตุให้เห็นมาก่อนเสมอ อยู่ที่เราว่าจะจัดการกับสัญญาณพวกนั้นยังไง เช่น อารมณ์รุนแรงตลอดเวลา พูดจาข่มขู่ หยาบคาย หรือทำร้ายร่างกายนิดหน่อยจนไปถึงหนัก ๆ ถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น จริง ๆ ทางออกที่ดีที่สุดอาจจะเป็นการเลิกรากันไป แต่ถ้าจบกันไม่ดี เลิกกันทั้งที่อีกคนไม่อยากเลิก จากความรักก็เปลี่ยนเป็นความแค้น และมีแนวโน้มที่จะทำอะไรรุนแรงเกินกว่าเหตุได้
วิธีก็คือ ต้องตั้งหลัก ตั้งสติให้ดี อย่าใช้อารมณ์เด็ดขาด เราอยากเลิกก็จริง แต่ถ้าเป็นแบบนี้การหนีไม่ใช่คำตอบ อย่าลืมว่าไม่ใครหนีได้ตลอด สักวันต้องเจอกันจนได้ เปลี่ยนจากการหนี การเลิกแบบทิ้งปัญหา เป็นการเผชิญหน้ากับปัญหาด้วยการพูดคุยกันตอนที่อีกคนอารมณ์ดี พร้อมที่จะรับฟัง ขั้นต้นอาจลองให้เค้าปรับเปลี่ยนตัวเองก่อน ถ้าไม่สามารถจริง ๆ การไปพบจิตแพทย์ก็เป็นทางออกที่ดีอย่างหนึ่ง ข้อสำคัญคือต้องให้เค้ารู้ว่าเราไม่ได้อยากเลิกตอนนี้ แต่ไม่สบายใจเวลาที่เค้าอารมณ์รุนแรง
บางทีพฤติกรรมและอารมณ์รุนแรงอาจมาจากปัญหาทางจิต ซึ่งเราไม่สามารถช่วยเค้าได้ ต้องมีตัวช่วยอย่างจิตแพทย์และยาบางอย่างเพื่อทำให้ดีขึ้น วิธีนี้ดีทั้งกับตัวเค้าแล้วก็ตัวเรา เพราะการเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้อง ยังไงก็เป็นทางออกที่ดีที่สุด
ส่วนคนที่อารมณ์รุนแรง ควบคุมตัวเองไม่ได้ เอะอะเป็นขึ้น เอะอะเป็นซ้อม ต้องรู้ตัวเองก่อนว่าสักวันคุณอาจพัฒนากลายเป็นฆาตกรคนหนึ่งได้ ยิ่งถ้าระงับอารมณ์ไม่อยู่บ่อย ๆ ทำร้ายร่างกายอีกคนโดยไม่รู้ตัว ยิ่งมีแนวโน้มที่จะทำอะไรวู่วามมากขึ้น ซึ่งรูปแบบรักต้องฆ่ามักมาจากความรักที่เปลี่ยนเป็นความแค้นที่เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบจนควบคุมตัวเองไม่ได้ทั้งนั้น
สำหรับคนที่มีพฤติกรรมและอารมณ์รุนแรงอาจไม่ใช่อาการทางจิตเสมอไป จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อไปพบจิตแพทย์แล้วเท่านั้น ดังนั้นวิธีสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเองเบื้องต้นก็คือ ต้องมีสติ ในเมื่อทุกอย่างเกิดจากการควบคุมตัวเองไม่ได้ การมีสติจึงเป็นคำตอบ
สติทำให้รู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่ากำลังทำอะไรอยู่ คือจริง ๆ ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าอะไรถูก อะไรผิด การทำร้ายร่างกายและจิตใจคนรักเป็นเรื่องร้ายแรงแค่ไหน แต่พอควบคุมตัวเองไม่ได้ ก็เลยทำให้ขาดสติจนระงับความโกรธไม่อยู่ พอมีสติก็ทำให้รู้สึกตัว โฟกัสอยู่ที่การกระทำของตัวเองได้ ถึงแม้จะไม่ทำให้หายโกรธ แต่ก็ผ่อนคลายอารมณ์รุนแรงลงไปได้บ้าง
>>สติมา ปัญญาเกิด แต่ถ้าไม่มีสติ จะเกิดอะไร<<
ความรักทำให้คนเราเป็นอะไรได้มากมาย ทำให้มีชีวิตดี ๆ ที่รักกันอย่างมีความสุขก็ได้ หรือจะทำให้ดำดิ่งลงพบแต่ปัญหาและความทุกข์ก็ได้อีก ขึ้นอยู่กับเราว่าอยากให้ความรักนำพาไปสู่จุดไหน ไม่ว่าจะเป็นรักดี ๆ หรือรักบ้า ๆ ก็ได้ทั้งนั้น..
ความเห็น 37
aoyy17
คนไม่ใช่ยังไงก็ไม่ใช่ ปล่อยไป
แล้วเราจะเจอคนที่ใช่
23 ก.พ. 2563 เวลา 22.57 น.
benz_vorawut
สติมา ปัญญาเกิด ผมผ่านจุดนั้นมาสดๆร้อนๆ เข้าใจอารมณ์คนใกล้เสียสติ แต่เราต้องนึกถึงคนที่เขารักเราเช่นพ่อแม่ญาติพี่น้อง และที่สำคัญรักตัวเองให้มากๆ เมื่อเขาเลือกแล้ว เราต้องปล่อยเขาไป อย่ายึดตัวเองไว้กับอดีตที่สวยงาม อยู่กับปัจจุบันให้ได้ เพราะสัจธรรมคือไม่มีอะไรคงทนถาวร โดยเฉพาะใจคน
รู้ว่าทำใจยาก แต่เวลาจะเยียวยาทุกอย่าง
24 ก.พ. 2563 เวลา 09.24 น.
Kittichat P.
พระท่านเทศน์สอนว่า ... “จงรักและเมตตาต่อตนเอง”
24 ก.พ. 2563 เวลา 00.03 น.
คนที่ใช่ ไม่ต้องพยายาม
23 ก.พ. 2563 เวลา 23.23 น.
กนก โสภา
พูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อม คือ กลัวคนว่าเป็นผู้ชายไร้น้ำยาบ้าง กลัวคนว่าเป็นผู้ชายไร้พิษสงบ้าง รับไม่ได้กับการถูกทอดทิ้งบ้าง รับไม่ได้ที่จะได้เห็นแฟนตัวเองไปมีอะไรกับคนอื่นบ้าง กลัวชาวบ้านหยามเหยียดว่ามีเมียก็รักษาไว้ไม่ได้บ้าง ถ้าคุณก้าวข้ามสิ่งต่างๆเหล่านี้ได้ถือว่าเป็นบัณฑิต
24 ก.พ. 2563 เวลา 00.02 น.
ดูทั้งหมด