‘หมอสุภัทร’ ยินดี ‘หมอชลน่าน’ นั่ง รมว.สธ. เล่าความสัมพันธ์ เชื่อมั่นเป็นหมอชนบทมาก่อน แต่จะไม่ทิ้งการตรวจสอบ
เมื่อวันที่ 2 กันยายน ภายหลังจากที่ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรี ตามที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เลือกสรรผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดิน ในเวลาต่อมา เฟซบุ๊กชมรมแพทย์ชนบทได้โพสต์ข้อความระบุว่า “ขอแสดงความยินดีกับนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขท่านใหม่ ชมรมแพทย์ชนบทพร้อมร่วมมือร่วมใจสานต่อ ยกระดับนโยบายสามสิบบาทรักษาทุกโรค เพื่อสร้างหลักประกันสุขภาพคนไทยให้เป็นรัฐสวัสดิการที่คนไทยเข้าถึงและพึ่งพาได้อย่างเชื่อมั่น รวมทั้งพัฒนาระบบการแพทย์ปฐมภูมิและโรงพยาบาลชุมชนให้เป็นฐานที่มั่นที่มีศักยภาพในการดูแลสุขภาพและความเจ็บป่วยของประชาชน ถึงเวลาก้าวกระโดดของระบบสาธารณสุขไทย”
ล่าสุด เวลา 11.30 น. นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล (รพ.) สะบ้าย้อย ในฐานะประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า ตามที่ชมรมแพทย์ชนบทได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กไป ตนแสดงความยินดีกับ นพ.ชลน่าน และชื่นชมนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ที่เป็นหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของประเทศไทย ริเริ่มโดยพรรคไทยรักไทย เมื่อปี พ.ศ.2545 เวลาผ่านมา 20 ปี วันนี้ถึงเวลายกระดับนโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ให้สามารถดูแลคนไทยอย่างรัฐสวัสดิการด้านสุขภาพ ที่คนไทยเข้าถึงได้และเชื่อมั่น ดังนั้น ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสที่สำคัญ
“ชุดความคิดของการยกระดับหลักประกันสุขภาพ คือการแก้ปัญหาความแออัดของผู้ป่วย ปัจจุบันแม้จะมีบัตรทอง แต่การไป รพ.ของประชาชนยังมีปัญหา รพ.ยังมีความแออัด การนอน รพ.ก็แออัดเช่นกัน ดังนั้น หัวใจของการแก้ปัญหาคือการยกระดับระบบสุขภาพปฐมภูมิอย่างจริงจัง เพื่อลดความแออัดของหอผู้ป่วยใน (IPD) ผู้ป่วยนอก (OPD) และห้องฉุกเฉิน” นพ.สุภัทรกล่าว
นพ.สุภัทรกล่าวต่อว่า การแพทย์ปฐมภูมิจะต้องดูแลสุขภาพประชาชนในโรคพื้นฐาน การสร้างเสริมสุขภาพ โรคเจ็บป่วยไม่รุนแรง และมีหมอประจำครอบครัว เพื่อลดการเดินทางไปรับบริการใน รพ.ใหญ่ๆ ฉะนั้น จะต้องยกระดับศักยภาพของ รพ.ชุมชน รพ.จังหวัด ให้มากขึ้น ทั้งเรื่องบุคลากร เครื่องมือ และอาคารสถานที่ที่ถูกละเลยมายาวนาน
“หากทำจริงจัง ก็จะเป็นก้าวกระโดดของระบบสาธารณสุขไทยภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย ของคุณหมอชลน่าน และของนายกรัฐมนตรีเศรษฐา (นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี) เราจึงมีความหวังตรงนี้ หลักประกันสุขภาพเป็นสิ่งที่ดีมากเราจึงต้องสานต่อยกระดับให้ดีขึ้นอีก ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากฉะนั้นเราต้องช่วยกันทำ” นพ.สุภัทรกล่าว
เมื่อถามถึงนโยบายกัญชาทางการแพทย์ ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย ทางชมรมแพทย์ชนบทมีจุดยืนอย่างไร นพ.สุภัทรกล่าวว่า ตนอยากรอฟังทีมนโยบายของพรรคเพื่อไทยแถลงข้อมูลก่อน เพื่อให้เกียรติพรรคเพื่อไทยและ รมว.สธ. แถลงจุดยืนและแนวทางของพรรค เพื่อให้เห็นชุดความ จากนั้นก็จะมาดูว่าทางชมรมฯจะเสนออะไรเพิ่มเติม
“ขณะนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญของการเริ่มต้นใหม่ เราไม่อยากตั้งเงื่อนไข ตั้งข้อจำกัด เพราะการทำงานไปข้างหน้า ต้องร่วมมือกันภายใต้หลักการที่ทุกฝ่ายยอมรับ เราเชื่อมั่นในคุณชลน่าน เพราะท่านก็เป็นแพทย์ชนบท เคยอยู่ รพ.ชุมชนใน จ.น่านมาก่อน ดังนั้นท่านมีความเข้าใจระบบดี เราจึงขอรอฟังสิ่งที่ท่านจะบอกกล่าวกับเรา” นพ.สุภัทรกล่าว
ถามถึงจุดยืนในหลักการที่ชมรมแพทย์ชนบทคอยตรวจสอบสิ่งไม่ชอบมาพากลในกระทรวงสาธารณสุข นพ.สุภัทรกล่าวว่า แน่นอน เพราะนั่นเป็นจุดแข็งของชมรม เป็นประวัติศาสตร์มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2521 และคงอยู่มาถึงปัจจุบัน ยืนยันว่าชมรมพร้อมตรวจสอบความผิดปกติที่เกิดขึ้นและบอกกล่าวกับสังคม
“แต่ไม่ใช่เราจะค้านทุกเรื่อง เพราะจริงๆ ชมรมมีอีกบทบาทคือการผลักดันให้เกิดสิ่งดีๆ ยกตัวอย่างระบบหลักประกันสุขภาพ 30 บาทรักษาทุกโรค ก็เกิดจากการผลักดันของกลุ่มแพทย์ชนบท อย่าง นพ.สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ การกำเนิดสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่เป็นเสาหลักในการสร้างเสริมสุขภาพของคนไทย ทางทีมแพทย์ชนบทก็มีส่วนอย่างยิ่งในการขับเคลื่อน การควบคุมบุหรี่และยาสูบ ที่มี นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ เป็นเสาหลักในการขับเคลื่อนมาในอดีต” นพ.สุภัทรกล่าว
เมื่อถามว่าจะมีการจับตาดูการทำงานของพรรคเพื่อไทยอย่างไร นพ.สุภัทรกล่าวว่า จริงๆ เราอยากทำงานร่วมกัน ไม่อยากเล่นบทมาตรวจสอบ เพราะจริงๆ การที่ นพ.ชลน่านเข้ามาดำรงตำแหน่ง รมว.สธ.ก็เป็นเรื่องดี เพื่อให้เกิดการหารือกัน เพื่อจูนคลื่นกันช่วยกันทำงาน โดยเฉพาะงานที่ยากอย่างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าว่าด้วยการแพทย์ปฐมภูมิ การแก้ไขปัญหาขาดแคลนแพทย์ ขาดแคลนบุคลากร ฉะนั้น งานที่ต้องเดินไปข้างหน้านี้มีความยาก จึงต้องอาศัยความพร้อมและความร่วมมือ ซึ่งทางชมรมเราก็พร้อมให้ความร่วมมือ