พ่อบัณฑิตจบใหม่เหยื่อบิ๊กไบค์เผยยังทำใจไม่ได้ แต่ให้อภัยคู่กรณีชี้ความหวังทั้งชีวิตพังทลายในชั่วพริบตาเดียว เตือนผู้ใช้รถอย่าเล่นโทรศัพท์เพราะเพียงวินาทีเดียวเปลี่ยนชีวิต
จากกรณีเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ชน น้องลิ้นจี่ หรือ น.ส.วิลาวัณย์ พุ่มมาลา อายุ 22 ปี เป็นนักศึกษาที่เพิ่งจบใหม่ และเพิ่งมาเริ่มทำงานได้วันแรก ขณะกำลังข้ามทางม้าลาย บริเวณแยกกรมโยธาและผังเมือง ถ.พระราม 9 เป็นเหตุให้ผู้บาดเจ็บขาหักห้าท่อน, แขนหัก และสมองตาย และเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยคู่กรณีปฏิเสธที่จะรับผิดชอบ พร้อมกับไล่ให้ไปหาหลักฐานมาพิสูจน์ ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 75 หมู่ที่ 4 ต.ทางพระ อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของ น.ส.วิลาวัณย์ พุ่มมาลา บรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าโศก โดยนายลำจวน พุ่มมาลา อายุ 49 ปี ผู้เป็นพ่อของน้องลิ้นจี่ยังอยู่ในอาการโศกเศร้า นั่งเปิดดูภาพของน้องลิ้นจี่ที่ถ่ายกับครอบครัวเมื่อครั้งมีชีวิตอยู่บริเวณหน้าที่ตั้งศพของน้องลิ้นจี่ด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง
นายลำจวนบอกว่า ตนเองกับแม่ของน้องลิ้นจี่ทำงานเป็นลูกจ้างของ กทม.ซึ่งเมื่อน้องลิ้นจี่โตก็นำไปอยู่อาศัยด้วยกันอยู่ที่กรุงเทพฯ รวมถึงส่งเสียจนเพิ่งจะเรียนจบและเพิ่งจะเริ่มทำงานเมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมาเป็นวันแรก แต่น้องลิ้นจี่ไปไม่ถึงที่ทำงานถูกรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์พุ่งชนขณะเดินข้ามทางม้าลายจนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งแม้จะทำใจได้บ้างแล้วแต่เมื่อเห็นรูปลูกของตนก็อดที่จะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ น้องลิ้นจี่เป็นเด็กที่ตั้งใจเรียน ช่วยเหลือครอบครัว โดยหลังจากเรียนจบและได้งานทำก็บอกว่าจะให้พ่อหยุดเนื่องจากผู้เป็นพ่อมีสุขภาพที่ไม่ดี หลังจากเกิดเหตุคู่กรณีไม่เคยขึ้นไปดูน้องลิ้นจี่เลยไม่เคยขอโทษเลย ทั้งๆที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเดียวกัน จนกระทั่งเมื่อวานที่ผ่านมาคู่กรณีเดินทางมาที่งานศพและกราบขมาซึ่งตนเองก็ให้อภัยแต่ส่วนของคดีก็ต้องว่าไปตามคดี น้องเป็นความหวังของครอบครัวแต่สุดท้ายกลับมาเกิดเหตุอย่างนี้ ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับครอบครัวตน อยากจะฝากเตือนผู้ใช่รถใช้ถนนว่าควรใช้ความระมัดระวังมากกว่านี้ไม่ใช่ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถทำให้เกิดอุบัติเหตุเช่นนี้
เช่นเดียวกับนางศรีนวล แตงเนื้อเหลือง อายุ 67 ปี ยายของน้องลิ้นจี่บอกว่าตั้งแต่เลี้ยงน้องมาตั้งแต่เล็กน้องเป็นเด็กดีไม่เคยเกเรเป็นเด็กเรียบร้อยตั้งใจเรียน จนกระทั่งเรียนจบก็บอกว่าจะให้พ่อออกจากงานเนื่องจากสุภาพไม่ดีอยากให้พ่อพักบ้างแต่กลับมาเกิดเหตุอย่างนี้ ตนเองรักหลานคนนี้มากแต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
ด้านนางมยุรี พรหมา อายุ 41 ปี ซึ่งเป็นญาติของน้องลิ้นจี่บอกว่า หลังเกิดเหตุเพื่อนๆของน้องเข้าไปถามคู่กรณีแต่กลับถูกพูดจาไม่ดีใส่ทำให้เกิดการโต้เถียงกันขึ้น แต่หลังจากเกิดเหตุคู่กรณีไม่เคยมาเยี่ยมหรือมาพูดคุยอะไรเลยมีเพียงทางพ่อและแม่ของน้องลิ้นจี่ต้องเป็นคนติดต่อไปเพราะต้องใช้หลักฐานทาง พรบ.รถจักรยานยนต์ในการรักษาตัว พยายามบ่ายเบี่ยงไม่รับผิดชอบ โดยเพิ่งจะมาที่บ้านเมื่อคืนที่ผ่านมาอ้างว่ากลัวจะไม่ปลอดภัยซึ่งเป็นข้อแก้ตัวที่ไม่น่าฟังนัก
สำหรับศพน้องลิ้นจี่ หรือ น.ส.วิลาวัณย์ พุ่มมาลา อายุ 22 ปี ทางญาติจะตั้งสวดอภิธรรมศพที่บ้านจนถึงวันอังคารนี้ก่อนที่จะฌานปกิจศพในวันพุธที่ 10 ก.ค. ที่วัดกาไสย์ ต.ทางพระ อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง
ความเห็น 15
สูบติด ศิษยแก๊สโซฮอล
น่าโดนญาติกระทืบตายตามไปนะ
09 ก.ค. 2562 เวลา 05.45 น.
ดาวิกา
กฎหมายบ้านเราไม่ช่วยผู้เสียหายเลยลองฟ้องเรียกค่าเสียหายไม่รู้ว่าจะได้ไหม รัฐควรออกกฎหมายพิจารณาความเสียหายให้เร็วโดยมีกำหนดเวลา ทุกวันนี้กระบวนการช้ามาก
09 ก.ค. 2562 เวลา 06.11 น.
ทองผา ธรรมไหว
สุดจะบรรยาย
09 ก.ค. 2562 เวลา 05.27 น.
Yutthana
แสดงความเสียใจด้วยครับ
09 ก.ค. 2562 เวลา 06.03 น.
Nisit
มีปืนมีมีดไหม ยิงแทงไอ่คู่กรณีไปเลย ถ้าเกิดผิดแล้วไม่รับผิดชอบ ความหวังพ่อแม่ต้องมาพังทลาย
09 ก.ค. 2562 เวลา 05.38 น.
ดูทั้งหมด