การให้คือการกระทำเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ เราจะคิดเสมอว่ามันไม่ได้จำกัดเพียงแค่การบริจาคเงินก้อนโตหรือทรัพย์สินมูลค่ามหาศาล แต่วัตถุชิ้นเล็ก ๆ ก็อาจสร้างความหมายที่ยิ่งใหญ่ให้กับผู้ได้รับได้
วันนี้ “ดีกับใจ” ขอพาทุกคนมารู้จักกับ กัญ-กัญชลาพร จิระไตรพร พยาบาลสาวที่ทำโครงการบริจาคหนังสือเล็ก ๆ ชื่อว่าFree Books Project ของตัวเองควบคู่ไปด้วย เรื่องราวของเธอนี้เป็นแรงบันดาลใจที่ดีมาก ๆ ที่บอกให้ทุกคนได้รู้ว่าถ้าอยากให้ไม่ต้องรอ การเป็นผู้ให้เริ่มที่ตอนไหนก็ได้แค่ใจเราพร้อมเท่านั้นเอง!
หนังสือช่วยเปลี่ยนชีวิตคนได้จริง ๆ การให้ของเธอเริ่มจากความคิดตั้งต้นนี้
เราถามกัญถึงที่มาที่ไปของ Free Books Project เธอเล่าให้ฟังว่าจุดเริ่มต้นของมันเรียบง่ายมาก ๆ แค่ความรู้สึกที่อยากจะให้ที่เกิดขึ้นมา และเธอก็เริ่มลงมือทำมันเลย
“พอเราเวิร์กฟรอมโฮมเราก็ได้อยู่กับตัวเองเยอะขึ้น คิดทบทวนเยอะขึ้น แล้วก็มีเวลาอ่านหนังสือมากขึ้นด้วย ตอนเร่ิมทำโปรเจกต์นี้จริง ๆ มันไม่ได้มีอะไรมากเลย แค่เรารู้สึกว่าอยากจะให้อะไรสักอย่างกับคนในช่วงนี้ที่ทุกอย่างมันหม่น ๆ แล้วก็นึกถึงตอนแต่ก่อนที่ตัวเองชอบซื้อหนังสือเป็นของขวัญให้กับคนอื่น ความคิดจุดประกายที่แว้บเข้ามาในหัวคือคำพูดของรุ่นพี่คนนึงที่ชื่อพี่เอก เราเคยซื้อหนังสือของ หนุ่มเมืองจันท์ ให้เขาได้วันเกิด แล้วเขาก็มาบอกกับเราทีหลังว่า 'รู้ไหม หนังสือเล่มนี้มันพลิกชีวิตเขาเลยนะ' จากการที่จะไปสายกฎหมายมาอยู่สายนักข่าว ทำงานอยู่ที่ THE STANDARD ในทุกวันนี้ เราเลยมานั่งคิดว่าก็จริงนะ หนังสือหนึ่งเล่มสามารถเปลี่ยนชีวิตคนได้เลย ถ้ามีอะไรที่อยากจะให้ ก็คงต้องเป็นหนังสือนี่แหละ”
อีกแรงบันดาลใจหนึ่งของโปรเจกต์นี้คือเรื่องราวของ “หมอคุ้ง” คุณหมอชาวภูเก็ตที่เป็นเพื่อนรักของคุณลุงของกัญ และไปเปิดร้านหนังสือธรรมะที่ภูเก็ตหลังเกษียณ กัญเล่าว่า “เรียกได้ว่าเป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญมาก ๆ เลยค่ะ เพราะหลังจากที่คุณลุงมาเล่าเรื่องคุณหมอคุ้งให้ฟัง เราก็รู้สึกว่าอยากจะทำให้ได้แบบเขาบ้าง หมอคุ้งเปิดร้านหนังสือธรรมะอยู่ที่ภูเก็ต ซึ่งแกใช้วิธีให้ทุกคนหยอดเงิน อยากได้เล่มไหนก็หยอดใส่กล่องเอาไว้ เท่าไรก็ได้ ถ้าเราทำโครงการนี้ไปเรื่อย ๆ จุดมุ่งหมายของเราอีกขั้นก็คือวันนึงอยากจะเปิดร้านหนังสือเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง”
เพิ่งเริ่มต้นได้แค่ 2 เดือนแต่ความสุขที่ได้รับล้นหลาม
กัญบอกว่าหนังสือทุกเล่มที่เธอนำมาแจกบนเพจมาจากทุนทรัพย์ส่วนตัวล้วน ๆ ซึ่งถึงแม้ว่าจะแจกได้เดือนละครั้ง ครั้งละ 1-2 เล่ม แต่ความสุขที่ได้รับกลับมามหาศาลมากสำหรับเธอ “จัดไปแค่ 2 ครั้ง ซึ่งเดือนล่าสุดเป็นกิจกรรมพิเศษ แจกเป็นสมาชิกนิตยสาร a day magazine ยาว 1 ปี เท่ากับว่าคนที่เป็นผู้โชคดีครั้งนี้จะได้ a day ไปอ่านทุกเดือนตลอดทั้งปี เราดีใจมากตอนที่ติดต่อคนที่ได้รับรางวัลนี้ไปแล้วเขาบอกกลับมาว่านี่คือเรื่องดีที่สุดที่เกิดขึ้นเลยตั้งแต่ช่วงโควิด ฟังแล้วเรากับน้อง ๆ ที่มาช่วยทำโปรเจกต์นี้ก็มีกำลังใจทำต่อไปมาก ๆ ค่ะ”
คำถามต่อไปที่เราถามเธอก็คือตั้งใจจะทำนานขนาดไหน ด้วยความที่เป็นเงินส่วนตัว การให้ที่เป็นข้อผูกมัดระยะยาวก็อาจจะมีข้อจำกัด ซึ่งกัญก็ตอบเราด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ว่าเธอมองโปรเจกต์นี้เอาไว้ไกลมาก “จริง ๆ เราตั้งใจจะทำต่อไปอีก 10 ปี ก็มีน้องในทีมที่มาช่วยคำนวณนะว่าถ้ารายรับของพี่กัญเท่านี้ ๆ กับรายจ่ายในส่วนนี้มีเท่านี้จะพอรับไหวไหม เราก็รับได้นะ แค่คิดว่าการเอาเงิน 160 บาทไปซื้อกาแฟให้ตัวเองแค่แก้วเดียว กับการเอาเงินจำนวนนี้ไปซื้อหนังสือเพื่อส่งต่อให้คนอื่น เราเลือกอย่างหลังมากกว่าเพราะใครจะไปรู้ว่าหนังสือที่เราส่งให้คน ๆ นั้น อาจจะช่วยให้ชีวิตเขาดีขึ้นแบบไม่คาดคิดก็ได้”
‘การให้’ ช่วยเยียวยา
“คือเราเป็นโรคซึมเศร้า ทุกวันนี้ก็ยังคงกินยาอยู่” กัญเล่าให้เราฟังถึงความเจ็บป่วยของเธอ ซึ่ง Free Books Project ก็เป็นยาทางใจอีกโดสที่ช่วยรักษาอาการให้เธอดีขึ้น
"ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะเปิดเป็นเพจ เราแค่ตั้งใจอยากแจกเพื่อน ๆ ในเฟซบุคเพื่อเป็นการขอบคุณมิตรภาพดี ๆ ระหว่างเรา ในช่วงที่เราแย่ที่สุดก็ได้รับกำลังใจจากพวกเขาที่ทำให้ชีวิตผ่านจุดต่าง ๆ มาได้ ถึงตอนนี้เราดีขึ้นแล้ว เราก็อยากส่งต่อแรงบันดาลใจดี ๆ นี้ให้คนอื่นในวงที่กว้างขึ้น ซึ่งมันก็ช่วยเยียวยาใจเราได้ดีนะ จากการที่ได้คุยกับคนที่ได้รับหนังสือไป เขาก็จะดีใจกัน มีคนนึงเขียนแชร์เรื่องเพจให้ มาถามแนวคิดเราแล้วเอาไปแชร์ต่อให้เพื่อน ๆ ได้รู้จักกัน เราอ่านแล้วก็รู้สึกมีกำลังใจที่จะทำต่อ บางทีคนอาจจะรู้สึกว่าหนังสือเล่มละ 700 บาท มันแพงมากนะ ทำไมถึงกล้าให้ แต่ว่าเวลาคนที่อยากจะให้จริง ๆ จะไม่ได้แคร์เลยว่าของที่ให้ราคาเท่าไร ยิ่งคนรับดีใจเวลาได้ของชิ้นนั้นไป มันยิ่งมีคุณค่าและทำให้เรารู้เลยว่าความรู้สึกที่ดีใจแบบจริงใจมันเป็นยังไง”
“เราอยากให้ทุกคนได้เป็นผู้ให้ ใครอยากเอาไอเดียเราไปใช้ เราไม่หวงเลย”
ตอนนี้ทางโครงการ Free Book Projects ยังไม่เปิดรับบริจาคหนังสือ เพราะทางทีมเชื่อว่าความรู้สึกของการเป็นผู้ให้เอง มันย่อมดีกว่า “ถ้าใครที่อยากจะบริจาค เราอยากให้คุณได้เป็นคนให้เองมากกว่าเพราะมันรู้สึกดีแตกต่างกันมาก ๆ เลยกับการส่งมาให้เราเป็นตัวกลางที่จะให้ เราเลยยืนยันว่าอยากให้ทุกคนเริ่มเป็น ‘ผู้ให้’ อาจจะเริ่มจากการให้คนใกล้ตัวก่อนก็ได้ กับคนในบ้าน กับเพื่อนสนิท หรือตามกลุ่มในเฟซบุ๊กที่ขายหนังสือมือสองกันก็ได้ กัญว่าการให้มันไม่ได้มีความหมายกับผู้รับเพียงฝ่ายเดียวนะ คนที่ ‘ให้’ ก็ได้อะไรหลาย ๆ อย่างจากมันเหมือนกัน”
ติดตามโปรเจกต์ดี ๆ ของกัญได้ต่อที่เพจ Free Books Project
ความเห็น 21
MissPatPMY
ดีต่อใจ ขอนำไปทำตามนะคะ ✌️👍🍀🌻
03 มิ.ย. 2563 เวลา 06.18 น.
Jaeb
ดีต่อหัวใจ
26 พ.ค. 2563 เวลา 23.29 น.
🙈🙉🙊
ยอดเยี่ยมครับ👏👏👏🤘
26 พ.ค. 2563 เวลา 23.21 น.
Aee
ดี
26 พ.ค. 2563 เวลา 23.00 น.
Nu 096
เราอ่านหนังสือเยอะมาก ไม่อยากขายเป็นเศษกระดาษ ให้ใครไม่เห็นใครอยากได้ เลยต้องเลือกไปบริจาคห้องสมุด คนเดี๋ยวนี้เขาไม่อ่านหนังสือกันหรือ
23 พ.ค. 2563 เวลา 05.02 น.
ดูทั้งหมด