เอเอฟพี/MGRออนไลน์ – วิกฤตการเมืองกำลังสร้างรอยร้าวลึกในหลายครอบครัวของฮ่องกง จากอุดมการณ์คนละขั้วของฝ่ายพ่อแม่ญาติผู้ใหญ่ที่มักเห็นดีเห็นงามกับปักกิ่งรวมทั้งอานิสงส์ผลประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน กับคนรุ่นหนุ่มสาวที่ต้องการเสรีภาพและประชาธิปไตยแบบตะวันตก
ตัวอย่างเช่น “เจน” หญิงสาววัย 24 ปี เธอปิดเงียบไม่ให้แม่ทราบ เรื่องไปร่วมชุมนุมประท้วงมาหลายสัปดาห์ โดยโกหกแม่ว่า ในเป้มีแต่หนังสือ ไม่ใช่เสบียงและอุปกรณ์การประท้วง จนกระทั่งวันหนึ่งความแตกแยกด้านอุดมการณ์ลุกลามจนเธอต้องย้ายออกจากบ้าน
ขณะที่ผู้คนเรือนล้านในฮ่องกง เข้าร่วมการชุมนุมเดินขบวนที่ดำเนินต่อเนื่องมาจนครบ 100 วันแล้ว เพื่อประท้วงเสรีภาพครึ่งๆ กลางๆ ภายใต้การปกครองของปักกิ่ง “เจน” พบว่า ตัวเองทะเลาะกับแม่รุนแรงขึ้น
“ทุกครั้งที่ทะเลาะกัน แม่จะไม่พูดกับฉันตลอดอาทิตย์ แฟลตฮ่องกงเล็กเท่ารูหนู เราสองคนแม่ลูกมีแค่ผนังกั้น เพราะอย่างนั้นฉันเลยจำใจต้องย้ายออกมา” เจน เล่า
“เราอยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิต เรามีกันแค่สองคน แต่แม่ไม่สนับสนุนฉัน ฉันรู้สึกอ่อนแอไม่มีแรง”
เจน บอกว่า เธอเป็นพวกสายกลาง ไม่ใช่พวกที่อยู่แถวหน้าปะทะกับตำรวจหรือเห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง และยังบอกว่า เธอพยายามอธิบายเป้าหมายในการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย แต่แม่ไม่ยอมฟัง
“แม่เชื่อแต่สิ่งที่จีนพูด แม่เชื่อว่าผู้ประท้วงรับเงินมาจากต่างชาติและเป็นพวกนักเลงหัวไม้ แม่ไม่เคยเชื่อฉันเลย”
ทั้งนี้ การประท้วงขนาดใหญ่ของฮ่องกงที่ดำเนินเรื่อยมาโดยบางครั้งลุกลามเป็นความรุนแรงนั้น มีหนุ่มสาวเป็นกลุ่มพลังหลัก
ชนวนเหตุการประท้วงคือการคัดค้านความพยายามของรัฐบาลท้องถิ่นในการแก้ไขกฎหมายที่จะอนุญาตให้ส่งผู้ร้ายไปรับการพิจารณาคดีในจีน แล้วต่อมาได้พัฒนาเป็นการเรียกร้องเสรีภาพตามแบบประชาธิปไตยตะวันตก และการสอบสวนการใช้ความรุนแรงของตำรวจ
นอกจากนั้นยังมีความไม่พอใจที่ปักกิ่งแทรกซึมเข้าควบคุมกิจการของฮ่องกงที่บัดนี้มีฐานะเป็นเขตบริหารพิเศษของจีน รวมทั้งยังไม่ยอมประนีประนอมกับข้อเรียกร้องของผู้ประท้วง คล้ายๆ กับเมื่อตอนที่หนุ่มสาวออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในปี 2014 ซึ่งในที่สุดก็ฝ่อไปเองโดยไม่ประสบความสำเร็จอะไร
ทั้งนี้ผลการวิจัยของนักวิชาการฮ่องกงพบว่า กว่าครึ่งของผู้ประท้วงระลอกล่าสุดนี้เป็นกลุ่มคนอายุระหว่าง 20-30 ปี และ 77% จบปริญญา
นอกจากนั้นผลสำรวจของมหาวิทยาลัยฮ่องกงยังพบว่า จำนวนคนฮ่องกงที่ประกาศตัวว่า ภาคภูมิใจที่เป็นพลเมืองจีนยังลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เหลือเพียง 27% และยิ่งน้อยลงไปอีกสำหรับคนอายุ 18-29 ปีคือ มีแค่ 10% เท่านั้น
ขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยนั้น ประกอบด้วยคนทุกเพศทุกวัย ไม่เว้นแม้แต่พวก “ผมสีดอกเลา”
ในทางกลับกัน กลุ่มผู้ชุมนุมสนับสนุนปักกิ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงวัยและมีจำนวนน้อยกว่า
ผู้ประท้วงหนุ่มสาวจำนวนมากบอกว่า มีอุดมการณ์ไม่ลงรอยกับพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ที่มักคิดว่า ฮ่องกงเจริญรุ่งเรืองขึ้นมากนับจากอังกฤษส่งคืนให้จีนในปี 1997 หรือไม่ก็วิตกในสิ่งที่ผู้นำเผด็จการในปักกิ่งอาจกระทำถ้าการประท้วงยังดุเดือดเข้มข้น
สำหรับผู้ประท้วงหนุ่มสาวหลายคน การต่อสู้บนท้องถนนตามติดไปจนถึงโต๊ะอาหารในบ้าน
“แรกๆ เรายังนั่งกินกันเงียบๆ มันกดดันจนตอนนี้ผมเลือกที่จะไม่กลับบ้านจนกว่าจะแน่ใจว่า พ่อแม่เข้านอนแล้ว” คริส ที่เรียนจบเมื่อเร็วๆ นี้และเริ่มงานด้านการเงินในธนาคารชั้นนำแห่งหนึ่งเล่า
“ผมคิดว่า อาจเป็นเพราะการศึกษา พ่อแม่ผมเรียนจบจากจีนที่ไม่เคยสอนเรื่องประชาธิปไตยและเสรีภาพ” เขายังเล่าว่า พ่อแม่แอบลงเรือหนีไปฮ่องกงในช่วงทศวรรษ 1990 เพราะต้องการคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
“สิ่งที่พวกท่านต้องการคือความมั่นคงและฐานะความเป็นอยู่ที่ดี แต่ผมต้องการมากกว่านั้นและจะต่อสู้เพื่อให้ได้มา”
เขายังเล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ครอบครัวที่เคยอยู่กันอย่างปกติสุขกลับกลายเป็นอยู่คนละข้าง เขารู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง จะพูดกับเพื่อนร่วมงานก็ไม่ไว้ใจ พูดกับพ่อแม่ก็โดนตวาดใส่
จูเลีย นักศึกษาวัย 19 ปี บอกว่า ไม่เคยรู้มาก่อนว่าในครอบครัวมีอุดมการณ์ที่ต่างขั้วกันมาก จนกระทั่งฤดูร้อนปีนี้ และเสริมว่า พ่อแม่ไม่ระแคะระคายว่า เธอเผชิญหน้ากับตำรวจปราบจลาจลเป็นประจำ
และหลังจากทะเลาะกันใหญ่โตเรื่องที่เธอสนับสนุนการประท้วง พ่อแม่ขู่ว่า จะเลิกให้เงินจูเลีย
“พวกท่านขู่ฉัน และในที่สุดฉันก็ตัดบัตรเครดิตทิ้งและเริ่มโกหกทุกอย่าง” และเสริมว่า ตอนนี้เธอทำงานพาร์ตไทม์ส่งเสียตัวเอง
ขณะเดียวกัน เจนย้ายไปอยู่บ้านเพื่อนหญิงของเธอที่แม้พ่อแม่จะไม่เห็นด้วยกับการประท้วงแต่ก็พยายามอย่างลำบากยากเย็นที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับความโน้มเอียงทางการเมืองของกันและกัน
“เราไม่เคยคุยกันเรื่องการเมือง ส่วนใหญ่เราคุยกันเรื่องแมวเท่านั้น แต่ฉันยังรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เปราะบางมาก” เธอทิ้งท้ายขำๆ
ความเห็น 10
แกร่งเท่านั้นที่รอด
ชื่อฝรั่งทั้งนั้น ไปอยู่เมกาเถอะ
16 ก.ย 2562 เวลา 22.43 น.
กฤติเดช สุขเนืองนอง
อนุรักษ์นิยม เดินสวนทาง ทุนนิยม เสมอ ชาติใดคนในชาติแนวคิดอนุรักษ์นิยม สังคมไม่ค่อยมีปัญหา ตรงข้าม ทุนนิยม ที่มีแต่การแก่งแย่ง ปลาใหญ่กินปลาเล็ก จึงมากไปด้วยปัญหา และอาชญากรรม ตัวอย่าง สังคมไทยรุ่น ปู่ย่าตายาย มากไปด้วยไมตรีจิต เอื้อเฟื้อ แต่ปัจจุบัน สังคมเสพวัตถุนิยม จนเฮงซวยไปทุกสถาบัน
16 ก.ย 2562 เวลา 18.01 น.
ยศวัจน์
เชื้อเลวร้ายจากไทยทั้งนั้น
16 ก.ย 2562 เวลา 17.58 น.
Tue
เหมือนประเทศไทยเลย เสื้อเหลือง เสื้อแดง ในบ้านเดี่ยวกัน
16 ก.ย 2562 เวลา 17.25 น.
panu
ประเทศไทยควรยกเป็นส่วนหนึ่งของจีนก็ดีนะ คอมมิวนิสต์ดีจะตายเจริญรุ่งเรือง คนไทยชอบ ดูจากในคอมเม้นก็ได้ 😹😹😹
16 ก.ย 2562 เวลา 17.20 น.
ดูทั้งหมด