ผลสำรวจของ Booking.com เกี่ยวกับแนวโน้มการท่องเที่ยวของคนไทย ระบุว่า ในปี 2567 คนไทยให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ (ecotourism) มาขึ้น ขณะที่ผลสำรวจของทราเวลโลก้า (Traveloka) เผยเทรนด์การท่องเที่ยวในปี 2567 ว่า การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและใส่ใจสิ่งแวดล้อมกำลังได้รับความนิยม โดย 80% ของผู้ใช้งานต้องการจองที่พักที่ผ่านการรับรองด้านบริการการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน
“ประชาชาติธุรกิจ” รวบรวมแหล่งท่องเที่ยว 4 แห่ง เที่ยวแบบยั่งยืน ถูกใจคนทุกวัย ดังนี้
1.สวนมิ่งมงคลฯ โดยปูนซีเมนต์นครหลวง
“สวนมิ่งมงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา” หรือ “อินทรี กรีนพาร์ค” โดยปูนซีเมนต์นครหลวง ปอดสีเขียวขนาดใหญ่ในแก่งคอย จ.สระบุรี ยกระดับชุมชนน่าเที่ยวเชิงนิเวศ ปรับคอนเซ็ปต์ใหม่ เพิ่มจุดพักผ่อน พร้อมจุดเช็กอิน แหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติ และกิจกรรมใหม่สุดสร้างสรรค์เพื่อคนทุกช่วงวัย
ทั้งยังเป็นศูนย์รวมส่งเสริมการอนุรักษ์ธรรมชาติ ใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า ภายใต้แนวคิด TOTAL GREEN มุ่งสร้างคุณค่าและความผูกพันที่ดีร่วมกันกับชุมชนแก่งคอย เพื่อโลกน่าอยู่ คู่หัวใจสีเขียว ภายใต้วิสัยทัศน์การพัฒนาอย่างยั่งยืน ปี 2573
พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่กว่า 22 ไร่ ริมทางหลวงหมายเลข 2 กม. 125 อ.แก่งคอย จ.สระบุรี สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 84 พรรษา ได้รับพระราชทานชื่อจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จ
พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ภายใต้การดูแลของบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) ที่สร้างขึ้นบนความตั้งใจในการพัฒนาสิ่งแวดล้อม รวมถึงการอนุรักษ์ และใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีคุณค่า
พื้นที่สาธารณะชุมชน
สวนมิ่งมงคลเป็นจุดพักผ่อน และกิจกรรมใหม่ภายในสวนสาธารณะสุดร่มรื่น อาทิ การเข้าชมและถวายสักการะพระบรมรูปปั้นรัชกาลที่ 9 ในหอเฉลิมพระเกียรติ เยี่ยมชมแปลงผักสวนครัวปลอดสารเคมีที่ใช้สารปรับปรุงดินจากขยะเศษอาหารมาใช้แทนปุ๋ย ชมโรงเรือนเพาะกล้าไม้พันธุ์พื้นถิ่น เพื่อนำไปปลูกบนพื้นที่เหมืองเพื่อการฟื้นฟู
นอกจากนั้นยังมีสินค้า OTOP จากชาวบ้านชุมชนแก่งคอย ลานวิ่งเล่นพักผ่อนกับสุนัขรู้ใจในพื้นที่สวนสีเขียวเปิดโล่ง รวมถึงโซนของการเรียนรู้การคัดแยกขยะที่ช่วยลดปริมาณขยะไปหลุมฝังกลบและเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทนในกระบวนการผลิตปูนซีเมนต์ เพื่อสร้างคุณค่าและความผูกพันที่ดีร่วมกันกับชุมชนแก่งคอย ด้วยแนวคิด TOTAL GREEN เพื่อโลกน่าอยู่ คู่หัวใจสีเขียว ภายใต้วิสัยทัศน์การพัฒนาอย่างยั่งยืน ปี 2573
ปอดขนาดใหญ่ของคนแก่งคอย
แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แห่งนี้ แวดล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ และไม้ประดับกว่า 100 สายพันธุ์ ที่ออกแบบภูมิทัศน์ ไว้อย่างสวยงามและร่มรื่นพร้อมด้วย สวนสมุนไพร และพืชผักสวนครัวต่าง ๆ ที่รอให้ทุกคนไปเรียนรู้ และสัมผัสอากาศบริสุทธิ์ตามธรรมชาติ
รวมทั้งเป็นแหล่งการเรียนรู้เชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และแนวคิดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีการนำพลังงานสะอาดมาใช้ในพื้นที่ เช่น มีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม จากกังหันลม พลังงานแสงอาทิตย์ จากโซลาร์เซลล์ และพลังงานน้ำ จากกังหันวิดน้ำ เป็นที่มาของการสร้างต้นแบบบ้านอนุรักษ์พลังงาน โดยเป็นบ้าน 2 ชั้น ก่อสร้างด้วยไม้คอนวูดทั้งหลัง ซึ่งเป็นวัสดุทดแทนไม้ธรรมชาติที่ผลิตจากคอนกรีต 70% และเยื่อกระดาษอีก 30% แต่มีความแข็งแรงทนทาน
เป็นสวนสาธารณะต้นแบบที่ได้รับรางวัล Thailand Energy Award จากกระทรวงพลังงาน และ ASEAN Energy Award ในปี 2558 ระดับดีเด่นด้านอนุรักษ์พลังงานประเภทอาคารสร้างสรรค์ เพื่อการอนุรักษ์พลังงานอาคารออกแบบ สำหรับภูมิอากาศร้อนชื้น (Tropical Building)
กิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อคนทุกวัย
นอกจากนั้นภายใน “สวนมิ่งมงคลฯ” ยังจัดสรรพื้นที่เปิดโล่งสำหรับกิจกรรมวิ่งและออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีกับสนามออกกำลังกาย ท่าน้ำสวนมิ่งมงคลที่สามารถให้อาหารปลาคาร์ป ลานนั่งเล่นในบริเวณโดยรอบ พร้อมรอให้ทุกคนเข้ามาเติมความสดชื่นกับร้านกาแฟในสวน ซึ่งจะเปิดให้บริการในทุกวันอังคารถึงวันอาทิตย์ เวลา 10.00-18.00 น.
สำหรับคนที่สนใจสามารถเดินทางเช็กอินที่ “สวนมิ่งมงคลฯ” ได้ทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-19.00. น. ณ ริมถนนมิตรภาพ บริเวณ กม.125 ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี
2.กาดพื้นบ้าน จริงใจมาร์เก็ต โดยกลุ่มเซ็นทรัล
แลนด์มาร์กที่น่าสนในเชียงใหม่ “โครงการจริงใจมาร์เก็ต” ในย่านจริงใจเซ็นทรัล ศูนย์รวมที่สุดของผลผลิตเกษตรอินทรีย์ หัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน ร้านไอเดียสร้างสรรค์ และร้านอาหารประจำถิ่น ที่มีแนวคิดใส่ใจสิ่งแวดล้อมตอบโจทย์ท่องเที่ยววิถีชุมชนยั่งยืน เพราะมีการใช้บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก การเลือกจำหน่ายสินค้าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การรีไซเคิล การคัดแยกขยะ เป็นต้น
พิกัดโครงการจริงใจมาร์เก็ต-ในย่านจริงใจเซ็นทรัล เดินทางง่ายตั้งอยู่บนถนนอัษฎาธร อำเภอเมือง ตำบลป่าตัน จังหวัดเชียงใหม่ ห่างจากประตูท่าแพเพียง 5 นาที และห่างจากสนามบินเชียงใหม่เพียง 10 นาที ภายในโครงการประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก คือ 1.จริงใจมาร์เก็ต 2.จริงใจวิลเลจ 3.จริงใจแกลเลอรี
1. จริงใจมาร์เก็ต มีไฮไลต์ ดังนี้
1.1 ตลาดจริงใจ : ตลาดนัดเลื่องชื่อที่ครอบคลุมอาหาร, ศิลปะ, งานออกแบบ รวมทั้งงานฝีมือ ภายใต้แนวคิดรักษ์โลก ให้เลือกชม ชิม ช็อปอย่างเพลิดเพลิน ตั้งแต่เช้าถึงบ่าย เปิดบริการทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 06.30-15.00 น.
1.2 คาเฟ่ ร้านอาหารโฮมเมด ร้านค้าไอเดีย และชุมชนงานคราฟต์ : เป็นคอมมิวนิตี้ของผู้มีใจรักด้านงานคราฟต์ รวมทั้งลานกิจกรรมของครอบครัวให้มาใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น เวิร์กช็อปงานประดิษฐ์ เป็นต้น เปิดให้บริการทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 08.30-21.00 น. วันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 06.30-22.00 น. (เวลาเปิด-ปิดแตกต่างกันในแต่ละร้านค้า)
2. จริงใจวิลเลจ
คอมมิวนิตี้สเปซที่ยังคงเอกลักษณ์บางส่วนของสถาปัตยกรรมล้านนา รวบรวมร้านค้าและบริการมากมาย เช่น ร้านอาหารและคาเฟ่แนวสุดชิกที่มีรูปแบบการตกแต่งเฉพาะตัว อาทิ The Baristro at Jing Jai Market, ร้านส้มตำเฮ้าส์ หรือร้านขายสินค้ากรีนไอเดียอย่าง Box Journey ซึ่งเป็นร้านบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก, บ้านเล็กลมัย ร้านกระเป๋าสานทำมือ เป็นต้น รวมถึงการสนับสนุนให้ศิลปินกราฟิตี้ชื่อดังทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ได้ใช้พื้นที่ในการสร้างสรรค์งานศิลปะในเทศกาล Style Walls ครั้งแรกของไทย
3. จริงใจแกลเลอรี
พื้นที่จัดแสดงงานศิลป์ที่นำเสนอผลงานศิลปะหลากหลายแขนง ทั้งศิลปะ ดนตรี ภาพยนตร์ โดยมีการจัดนิทรรศการหมุนเวียนให้ผู้มาเยือนได้ชมเพื่อสร้างแรงบันดาลใจอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ในการสนับสนุนและส่งเสริมศิลปินไทยคลื่นลูกใหม่สู่เวทีโลกที่ทุกเพศทุกวัยสามารถเข้าถึงและสัมผัสได้ พร้อมเป็นพื้นที่ในการให้ความรู้และเปิดประสบการณ์ศิลปะเพื่อทุกคน
3.เส้นทางสำรวจ เที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยสิงห์ เอสเตท
เส้นทางสำรวจ Nature Trail ภายในบริเวณโรงแรมสันติบุรี สมุย แบ่งออกเป็น 3 เส้นทาง ได้แก่
เส้นทางที่ 1 : เส้นทางเดินสำรวจนกและแมลงน้ำ เป็นเส้นทางในรูปแบบของการสำรวจนก ต้นไม้ และแมลงน้ำในคลองที่ไหลผ่านรีสอร์ต โดยมีจุดสำรวจ 13 จุด เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่น่าสนใจในพื้นที่
เส้นทางที่ 2 : เส้นทางเดินสำรวจแมลงน้ำและไลเคน โอบล้อมด้วยไม้พุ่มชนิดต่าง ๆ โดยเป็นเส้นทางการเรียนรู้เรื่องแมลงและแมงมุมกลุ่มต่าง ๆ เป็นหลัก และกำหนดให้มีจุดสำรวจ 13 จุด
เส้นทางที่ 3 : เส้นทางเดินสำรวจสัตว์ชายหาดและนกน้ำ เส้นทางที่มุ่งหน้าไปยังบริเวณหาดของรีสอร์ต เน้นการเชื่อมโยงพื้นที่อาศัยของสิ่งมีชีวิตในโซนแห้งไปถึงบริเวณชายหาด และกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับระบบนิเวศชายหาด
สำหรับโครงการที่โรงแรมทราย พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ มีการสำรวจพบนกรวม 63 ชนิด จากสิ่งมีชีวิตทั้งหมด 229 ชนิด มีการแบ่งเส้นทางสำรวจออกเป็น 3 เส้นทาง ได้แก่
เส้นทางที่ 1 : เส้นทางวิ่ง/จักรยาน สำรวจพันธุ์ไม้ป่าชายเลนนกนานาชนิดทั้งช่วงเช้าและเย็น รวมถึงเวลากลางคืน ซึ่งสามารถศึกษาสิ่งมีชีวิตที่หากินตอนกลางคืนได้ มีโอกาสพบสัตว์ในกลุ่มแมลง แมงมุม และสัตว์เลื้อยคลานที่หายากได้
เส้นทางที่ 2 : เส้นพายเรือคายัค (2 กิโลเมตร) เน้นกลุ่มนกทะเล ปู และหอยบริเวณป่าชายเลน รวมถึงฝูงปลาวัยอ่อน และการศึกษาลักษณะโครงสร้างของต้นโกงกาง
เส้นทางที่ 3 : เส้นพายเรือคยัก (1 กิโลเมตร) สำรวจปลานานาชนิด ทั้งฝูงปลาวัยอ่อน ปลาไหลมอเรย์ลายหินอ่อน ปลาจิ้มฟันจระเข้ โดยเฉพาะปลาอมไข่ตาสีฟ้า (orbiculate cardinal fish) ที่รายงานพบเป็นครั้งแรกที่บริเวณป่าชายเลนโละบาเกาจากการสำรวจครั้งนี้
4.เส้นทางศึกษาธรรมชาติผาดอกเสี้ยว โดยเอ็กโก กรุ๊ป
บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ “เอ็กโก กรุ๊ป” จัดตั้ง “มูลนิธิไทยรักษ์ป่า” โดยร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อพัฒนาและปรับปรุงเส้นทางศึกษาธรรมชาติในพื้นที่ป่าต้นน้ำสำคัญต่าง ๆ ของประเทศ
สำหรับล่าสุดปรับปรุง “เส้นทางศึกษาธรรมชาติผาดอกเสี้ยว” ในอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ มีระยะทางประมาณ 2.6 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 2-2.5 ชั่วโมง ด้วยลักษณะที่เป็นป่าดิบเขา และป่าต้นน้ำ มีความอุดมสมบูรณ์หลากหลายไปด้วยพรรณไม้ ทั้งยังเป็นที่อยู่ของสัตว์ป่าสงวนอย่างชะนีมือขาว และมีน้ำตกผาดอกเสี้ยวเป็นจุดเด่นของเส้นทางศึกษาธรรมชาติแห่งนี้ จนกลายเป็นหมุดหมายของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
เสน่ห์ของการเดินทางชมธรรมชาติของเส้นทางศึกษาธรรมชาติผาดอกเสี้ยวคือการได้เรียนรู้ภูมิปัญญา และวิถีชีวิตในการดูแลอนุรักษ์ป่า ของชาวปกาเกอะญอ ที่บ้านแม่กลางหลวง หมู่บ้านอ่างกาน้อย ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ โดยมีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่าการตั้งถิ่นฐานของบ้านแม่กลางหลวง
ในอดีตเส้นทางนี้ใช้ประโยชน์เป็นแนวกันไฟ ขนผลผลิตทางการเกษตร และใช้เดินติดต่อไปมาหาสู่กันภายในชุมชน ต่อมาในปี 2562 เส้นทางศึกษาธรรมชาติแห่งนี้ดำเนินการปรับปรุงเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เพื่อให้เป็นพื้นที่เรียนรู้ทางธรรมชาติที่สำคัญ และเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ แก่ประชาชน รวมถึงเป็นเส้นทางท่องเที่ยวชุมชนด้วย
เป็นพื้นที่ที่ “คนอยู่กับป่า” อย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ ที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการพัฒนาระบบสื่อความหมาย 14 จุดในเส้นทาง เพื่อเป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดความรู้ คุณค่า และความสัมพันธ์ของสรรพชีวิตในผืนป่า ตลอดจนพัฒนาระบบสื่อความหมายออนไลน์ และวิดีโอเยี่ยมชมเสมือนจริง 360 องศา
เพื่อให้ผู้สนใจสามารถสัมผัสธรรมชาติในเส้นทางศึกษาธรรมชาติผาดอกเสี้ยวได้ทุกที่ ทุกเวลา ด้วยมุ่งหวังว่านักท่องเที่ยวและประชาชนจะตระหนัก และเห็นความสำคัญของการพึ่งพากันระหว่างมนุษย์และระบบนิเวศ จนเกิดเป็นจิตสำนึกในการปกป้อง และร่วมดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและป่าต้นน้ำอย่างยั่งยืน
ความเห็น 0