น่าจะมีบางช่วงบางตอนที่ทำให้เรารู้สึกว่าโลกนี้มันไม่น่าอยู่เอาเสียเลย ทั้งมลพิษ อาชญากรรม ผู้คน ภัยธรรมชาติที่ประเดประดังกันเข้ามาจนทำให้หลายคนคิดว่าโลกนี้มันอยู่ยากขึ้นทุกวัน แต่รู้ไหม..จริง ๆ แล้วโลกนี้ยังเหมือนเดิม คนต่างหากที่เปลี่ยนไป
การเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย วิวัฒนาการของผู้คน บางครั้งก็ทำร้ายโลกโดยไม่รู้ตัว แต่ในขณะที่ทุกอย่างก้าวหน้าอย่างรวดเร็วจนบางทีก็ทำให้เราใช้ชีวิตกันยากขึ้นก็มีมุมเล็ก ๆ ที่น่ารัก ซึ่งบางครั้งคนเราก็มองข้ามกันไป และเรื่องราวเหล่านี้นี่แหละที่มักทำให้เรายิ้มที่มุมปากและรู้สึกว่าโลกนี้มันก็น่าอยู่เหมือนกันนะ
1. คนไทยกับการยิ้มเป็นของคู่กันอยู่แล้ว เราคนไทยไม่ค่อยจะเคอะเขินกับการทักทายด้วยการยิ้มให้คนแปลกหน้าสักเท่าไหร่ เราไม่ได้ยิ้มเพราะไม่มีจุดยืนหรือคิดอะไรไม่ออก แต่เรายิ้ม..เพราะรอยยิ้มคือเสน่ห์ของคนไทยที่ไม่เคยแพ้ชาติใดในโลก
2. โลกใบนี้มีสถานที่และความงามของธรรมชาติที่สวยงามอีกมากมาย การได้อยู่ ได้มอง ได้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางธรรมชาติแม้เพียงไม่นานก็ทำให้คนเรารู้สึกดีขึ้นแล้ว ไม่เชื่อลองเจียดเวลาที่แสนยุ่งเหยิงไปนั่งมองฟ้า มองทะเล มองภูเขาให้จิตใจสงบร่มเย็น แล้วเราจะรู้เลยว่าโลกนี้มันน่าอยู่จริง ๆ นั่นแหละ
3. ความรักนอกจากจะเป็นเรื่องสวยงามแล้ว ความรักยังทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นด้วย ไม่เฉพาะความรักของคนสองคนเท่านั้น แต่หมายรวมถึงความรักของพ่อแม่ พี่น้อง มิตรภาพอันดีและความสัมพันธ์อันดี เพราะไม่ว่ายังไงความรักก็เป็นแรงจูงใจ แรงขับเคลื่อนที่ดีให้เราต้องมีกันและกันเสมอ ไม่เชื่อถามคนที่มีความรักดูสิ พวกเค้ารู้เป็นอย่างดีเลยแหละว่าโลกสีชมพูเป็นยังไง
4. ท่ามกลางวิกฤตโรคระบาด ความขัดแย้ง อุณหภูมิการเมืองที่ร้อนแรงขึ้น ภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ผู้คนชักหน้าไม่ถึงหลัง แต่เมื่อมีใครสักคนต้องการความช่วยเหลือ ความร่วมแรงร่วมใจของคนทั้งประเทศก็มุ่งไปที่จุด ๆ เดียวเสมอ แสดงให้เห็นว่าแม้เราจะต่างคนต่างก็มีปัญหา แต่เราก็พร้อมจะช่วยเหลือกัน
5. ขณะที่เราคนไทยเบื่อประเทศ เบื่อรัฐบาล เบื่อรถติด เบื่อการบริหารจัดการที่ยุ่งยากในบ้านเรา แต่เมื่อเจอข้าศึกภายนอก หรือประเทศอื่นพาดพิงในทางลบถึงเมืองไทย พวกเราก็พร้อมจะปกป้องบ้านเมืองของเรา เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันที่ภาคภูมิใจในความเป็นไทยของเราเสมอ
6. ไม่ใช่แค่คนด้วยกันเองเท่านั้น แม้แต่เพื่อนร่วมโลกอย่างสัตว์ทั้งหลายบนโลกนี้ พวกเราก็ไม่เคยทอดทิ้ง ไม่เฉพาะแต่สัตว์เลี้ยงที่คุ้น ๆ กันเท่านั้น แต่รวมถึงสัตว์ป่า สัตว์สงวน สัตว์อื่น ๆ ที่เป็นเพื่อนร่วมโลก เมื่อพวกเค้าเหล่านั้นต้องการความช่วยเหลือ เราทุกคนก็ไม่เคยนิ่งดูดาย
7. สามัคคีคือพลัง และความสามัคคีที่ประกอบไปด้วยความร่วมแรงร่วมใจกันอย่างท่วมท้น ก็มักมีพลังเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างได้เสมอ การร่วมมือกันดูแล พัฒนาสิ่งต่าง ๆ ให้ดีขึ้น โดยไม่มุ่งหวังที่จะทำร้ายกัน ให้ร้ายกัน..ความสูญเสียก็จะหายไป กลายเป็นความสันติที่เข้ามาแทนที่
8. ความช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ถูกหยิบยื่นให้กันและกัน ยังคงน่ารักเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กแค่ไหนก็ตาม อย่างการสละที่นั่งให้คนที่ต้องการความช่วยเหลือ พาคนแก่ข้ามถนน จูงคนตาบอด หรือความเสียสละอะไรนิดหน่อยเพื่อให้อีกคนได้รับความสบายขึ้น แค่นี้ก็ทำให้สังคมและโลกนี้น่าอยู่ขึ้นแล้ว
9. การที่เรานึกถึงผลประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตัวก็ทำให้โลกน่าอยู่ขึ้นได้เหมือนกัน อย่างน้อยเรายอมสละของส่วนตัวบางอย่าง สละความสะดวกสบายทิ้งไป แต่ส่วนรวมได้ประโยชน์สูงสุดก็ทำให้สังคมน่าอยู่ขึ้น ต่างคนต่างสละทิ้งกันละน้อย หลาย ๆ คนรวมกันเข้า ผลประโยชน์ของสังคม ของประเทศ ของโลกก็จะสูงขึ้น
10. ท้ายที่สุดแล้วตัวเราเองต้องรู้จักมองให้เห็นคุณค่าของสิ่งที่อยู่รอบตัวด้วย ถ้ามัวแต่มองอะไรก็ติดลบไปซะหมด ต่อให้ความสวยงามแค่ไหนมาอยู่ตรงหน้า หรืออะไรก็ไม่สามารถทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นได้
ความเห็น 24
You Na Kub
โลกน่าอยู่และจะน่าอยู่ขึ้นถ้าคนถอยเอาคำว่าบิสซิเนสมาเป็นอันดับสอง..ถอยสักก้าว..คนที่ด้อยกว่าจนกว่าจะได้ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวเพราะคนรวยมีอิทธิพล..พอคนจบได้ขยับมาข้างหน้าการพัฒนากลุ่มใหญ่จะทำให้มีด้านดีดีเพิ่มขึ้น
19 ก.ย 2562 เวลา 13.21 น.
สิ่งที่ดีๆย่อมที่จะเกิดขึ้นมาได้ก็ด้วยเพราะจิตใจ.
19 ก.ย 2562 เวลา 13.34 น.
Cris
โลกนั้นน่าอยู่ แต่กะลานั้นหาได้น่าอยู่ไม่
19 ก.ย 2562 เวลา 17.18 น.
ก็ยังมีอยู่นั่นแหละสิ่งดีๆแต่มันแค่ลดน้อยถอยลงไปทุกเวลานะครับความรู้สึกเพราะว่าเวลาเรามัวแต่ทำงานจนเกินไปเขเาใจนะครับว่ามันต้องแข่งขันแต่มันคงไม่ต้องถึงกับเสียสละเวลาให้กับงานมากจนเกินไปจนหลงลืมครอบหรือคนที่เรารักีเวลาให้กับสิ่งรอบตัวเราที่เรารักให้มากกว่านี้กันหน่อยและคนรักเรานะครับ
19 ก.ย 2562 เวลา 15.53 น.
n4
เอาทุหข์มาดับทุกข์ มันจะได้เหรอ
19 ก.ย 2562 เวลา 16.21 น.
ดูทั้งหมด