ไทยเจ๋งผลิตวัคซีนป้องกันโควิด - 19 “ชนิด mRNA” สำเร็จในหนูทดลอง เตรียมทดสอบในลิงสัปดาห์หน้า “สุวิทย์"เผยนายกรัฐมนตรี สั่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ไทยเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ที่มีวัคซีนใช้ ประสานเตรียมการผลิตวัคซีนชุดแรกกับโรงงานผลิตในสหรัฐฯ และแคนาดาแล้ว เพื่อนำมาใช้ทดสอบในคนตามขั้นตอนมาตรฐานสากล
เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ มีข่าวดีสำหรับการผลิตวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด – 19 ล่าสุดงานวิจัย “วัคซีนชนิด mRNA” ที่ศูนย์วัคซีนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับสถาบันวัคซีนแห่งชาติและกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ที่ อว.มอบให้ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) รับผิดชอบ ประสบความสำเร็จในระดับดีหลังทดสอบในหนูทดลองแล้ว โดยผลการคัดกรองเบื้องต้นที่มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอมริกา พบว่าให้ผลกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่เรียกว่า Neutralizing antibody ในระดับที่สูงถึง 1: 3000 ทั้งนี้กำลังเตรียมจะทดสอบในลิงในประเทศไทยสัปดาห์หน้าต่อไป
รมว.การอุดมศึกษาฯ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน ได้มีการประสานเตรียมการผลิตวัคซีนชุดแรกกับโรงงานผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา เพื่อนำมาใช้ทดสอบในคนตามขั้นตอนมาตรฐานสากล รวมทั้งได้ประสานกับบริษัท Bionet Asia ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนของไทย เตรียมการในการรับถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตจากโรงงานผลิตวัคซีนต้นแบบ ซึ่งเชื่อว่าจะสำเร็จจนถึงขั้นสุดท้าย คือ ประเทศไทย สามารถผลิตวัคซีนด้วยเทคโนโลยี mRNA ที่เป็นเทคโนโลยีใหม่มากที่สุดในประเทศไทยและนำมาใช้ช่วยคนไทยในการป้องกันโควิด – 19 ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน ให้ประเทศไทยดำเนินการเรื่องวัคซีนอย่างรวดเร็ว โดยเมื่อมีวัคซีนโรคโควิด-19 ใช้แล้ว ไทยจะเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ที่มีวัคซีนใช้อย่างเพียงพอสำหรับคนไทย
รมว.การอุดมศึกษาฯ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ตนได้สั่งการให้กระทรวงการอุดมศึกษาฯ ระดมกำลังจากทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนให้มีการวิจัยพัฒนาและผลิตวัคซีนใช้งานได้อย่างรวดเร็วและเพียงพอโดยใช้ 3 แนวทางควบคู่กันไป คือ การสนับสนุนการวิจัยในประเทศ การร่วมมือกับเครือข่ายนานาชาติ และการทำงานจตุรภาคี กับผู้ผลิต ภาควิชาการ ภาครัฐ และเอกชน ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมทั้งได้ให้ทุนวิจัยเรื่องวัคซีนโควิด-19 แล้ว 5 โครงการในหลายสถาบัน ซึ่งหลายแห่งมีความก้าวหน้าจนถึงขั้นทดสอบในสัตว์ทดลองแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ความท้าทายของการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 คือการบริหารจัดการให้แน่ใจว่าจะมีวัคซีนใช้งานได้อย่างรวดเร็วและจำนวนเพียงพอ ซึ่งต้องเตรียมการทั้งด้านการวิจัยและพัฒนา และการผลิตควบคู่กันไป เช่น การเตรียมโรงงานเพื่อผลิตวัคซีนสำหรับทดสอบในอาสาสมัคร รวมทั้งการวางแผนถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่บริษัทผลิตวัคซีนในประเทศไทย ซึ่งต้องเตรียมการ ให้เหมาะสมจึงจะสามารถบรรลุเป้าหมายในการผลิตวัคซีนให้เพียงพอสำหรับประเทศภายในปีหน้าได้หากประสบความสำเร็จ ขณะที่ปัจจุบัน มีวัคซีนต้นแบบที่เข้าทดสอบในสัตว์ทดลองมากกว่า 150 ชนิดและอย่างน้อยมี 10 ชนิดที่เริ่มทำการทดสอบในอาสาสมัครแล้วอย่างน้อย 5 ประเทศ คือ จีน สหรัฐอเมริกา อังกฤษ เยอรมัน และแคนาดา
ความเห็น 3
Anut
เชื่อมดิ..สุด..ท้ายก็รอ..ซื้อของเขา..แหละ..
19 พ.ค. 2563 เวลา 12.07 น.
Achilles
ส่วนนักคอมเม้นท์ทั้งหลาย ก็รีบเฮกันเลยทีเดียวเชียว
ยังไม่ทันจะได้ทราบรายละเอียดทั้งหมดกันจริงๆ
19 พ.ค. 2563 เวลา 11.25 น.
Tom
เยี่ยมเลย.. เห็นด้วยเร่งทุ่มดำเนินการ ถอดแบบโรงงานวัคซีนแล้วสร้างเลย คนไทยได้ใช้ก่อน ไทยมีนักวิจัยเก่งๆ เพียบ เหลือแล้วขาย ทำตลาดได้สบาย นาทีนี้ ใครมีวัคซีน คนซื้อทั่วโลก
19 พ.ค. 2563 เวลา 10.06 น.
ดูทั้งหมด