Denza Z9 Sedan เปิดตัวแล้วในจีน มี 5 รุ่นย่อย แบ่งเป็น Plug In Hybrid ขับเคลื่อน 4 ล้อ 3 รุ่น และรุ่น EV ขับเคลื่อน 4 ล้อ 2 รุ่นย่อย โดยนำพื้นฐานจากรุ่น Z9 GT รถสเตชันแวกอนระดับไฮเอนด์ มาปรับปรุงส่วนท้าย ให้กลายเป็นซีดานหรูเทียบเท่ายุโรป สามารถชม Denza Z9 GT ตัวจริงได้ที่งาน Motor Expo 2024
หลังจาก เรเว่ ออโตโมทีฟ เปิดตัวแบรนด์ Denza รถยนต์ไฟฟ้าระดับ Luxury อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2024 ที่ผ่านมา พร้อมเปิดตัวโมเดลแรกสำหรับลุยตลาด MPV อย่าง Denza D9
Denza ยังมีการจัดแสดงอีก 2 รุ่น คือ Denza N7 และ Denza Z9 GT บริษัท Shenzhen Denza New Energy Co., Ltd เป็นบริษัทผลิตยานยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียม ซึ่งเป็นแบรนด์ย่อยของ BYD Auto บริษัทก่อตั้งขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2010 โดยเป็นการร่วมทุนระหว่าง BYD Auto Industry และ Daimler AG (ปัจจุบันคือ Mercedes-Benz Group) ในช่วงปลายปี 2014 ได้เปิดตัว และวางจำหน่ายรถไฟฟ้า Denza EV รุ่นแรก
Wang Chuanfu ประธาน และผู้ก่อตั้ง BYD ได้เน้นย้ำว่า BYD ได้นำความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีแบทเตอรี ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า และประสบการณ์จริงในการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าบนท้องถนนในประเทศจีน ในขณะที่ Daimler ได้เสริมด้วยประสบการณ์ด้านการออกแบบรถยนต์ระดับพรีเมียม ความรู้ด้านสถาปัตยกรรม และความปลอดภัยของยานยนต์ไฟฟ้า และประสบการณ์ในอุตสาหกรรมกว่า 125 ปี มาร่วมกันผลิตรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียม Denza
แต่ในช่วงปลายปี 2021 Denza ได้ปรับโครงสร้างใหม่เนื่องจาก Mercedes-Benz ลดจำนวนหุ้นเหลือ 10% BYD ทยอยเปิดตัวรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ เช่น D9 MPV, N8 และ N7 SUV และ Z9 ต่อมาในเดือนกันยายน 2024 Mercedes-Benz ได้ถอนตัวจากการร่วมทุนทั้งหมดโดยโอนหุ้นที่เหลือ 10% ให้กับ BYD
ในงาน Guangzhou Auto Show 2024 Denza เปิดตัว และเปิดราคาอย่างเป็นทางการสำหรับ Denza Z9 Sedan มีทั้งเวอร์ชันไฟฟ้าล้วน BEV และพลักอินไฮบริด PHEV ราคาเริ่มต้น 334,800 หยวน
Denza Z9 Sedan นำพื้นฐานจากรุ่น Z9 GT รถสเตชันแวกอนระดับไฮเอนด์ มาปรับปรุงส่วนท้าย ให้กลายเป็นซีดานหรูเทียบเท่ายนตกรรมยุโรป ในด้านงานดีไซจ์นตัวรถจะถูกออกแบบโดย Wolfgang Egger ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านงานออกแบบ ที่เคยทำกับ Audi มาพร้อมภาษาการออกแบบที่เรียกว่า Solar Diadem ที่เน้นความโฉบเฉี่ยว ดุดัน มาพร้อมชุดไฟหน้าทรงเรียวแหลมแบบ 2 ชั้น พร้อมติดตั้ง LiDAR ไว้ที่ใต้กรอบป้ายทะเบียน ที่เปิดประตูดีไซจ์นเรียบเนียนกับตัวรถ
มิติตัวถังของ Denza Z9 เวอร์ชัน BEV และ PHEV มีขนาดแตกต่างกันเล็กน้อย โดยรุ่น PHEV ตัวรถยาวกว่าดังนี้
รุ่น PHEV มีความยาว 5,235 มม. ส่วนรุ่น BEV มีความยาว 5,180 มม. ความกว้าง 1,990 มม. ความสูง 1,500 มม. ระยะฐานล้อ 3,125 มม. น้ำหนักรถ 2,875 กิโลกรัม
Denza Z9 ใช้พแลทฟอร์ม e-Platform 3.0 ของ BYD แบบเดียวกันกับ Denza Z9 GT ที่สร้างขึ้นสำหรับรถยนต์ระดับ luxury ภายในออกแบบเน้นความหรูหราประณีต เทียบชั้นรถยุโรป ภายใต้การออกแบบ Denza 2.0 Cockpit Design
แผงคอนโซลหน้าดีไซจ์นติดตั้งจอต่อเนื่องกันประกอบด้วยชุดมาตรวัดดิจิทัลแบบ LCD 12.3 นิ้ว จอสัมผัส ควบคุมระบบ อินโฟเทนเมนท์ แบบลอยตัว 17.3 นิ้ว จอสำหรับฝั่งผู้โดยสารขนาด 10.25 นิ้ว และยังมีจอแสดงข้อมูลการขับขี่เหนือคอนโซลหน้าหรือ HUD พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 4 ก้าน ปาดล่างแบบ Flat-Bottomed คอนโซลกลางมีหัวคันเกียร์ไฟฟ้าเป็นคริสตัลติดตั้งที่ชาร์จสมาร์ตโฟนได้ถึง 2 เครื่อง ให้กำลังชาร์จ 50 Watt
เครื่องเสียงจาก Devialet แบรนด์เครื่องเสียงระดับ Hi-End จากฝรั่งเศส โดดเด่นด้านออกแบบ และแนวเสียงที่ได้รับการยอมรับว่ายอดเยี่ยม พร้อมลำโพง 26 จุด ร่วมสร้างความบันเทิง และประสบการณ์ที่น่าจดจำทุกการเดินทาง เสริมด้วยแสงไฟเพื่อสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารกว่า 128 เฉดสี
เบาะนั่งหรูหุ้มหนัง Nappa เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง เป็นเบาะ Zero Gravity ที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ เพื่อให้ความสบายในระหว่างกลางเดินทาง อีกทั้งเบาะนั่งด้านหลังยังปรับด้วยไฟฟ้า มาพร้อมระบบระบายอากาศ/ระบบทำความร้อน-เย็น และฟังก์ชันนวด 10 จุด เบาะด้านหลังยังปรับด้วยไฟฟ้า มาพร้อมจอ LCD ควบคุมอุณหภูมิอิสระสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
ที่วางแขนทั้งด้านหน้า และด้านหลัง เมื่อเปิดขึ้นจะเป็นช่องเก็บความร้อน–เย็น โดยสามารถปรับอุณหภูมิความร้อนไฟได้ถึง 35-50°C อีกทั้งยังปรับให้กลายเป็นตู้แช่ โดยทำความเย็นได้ระหว่าง -6°C ถึง 6°C โดยตู้รักษาอุณหภูมิด้านหน้า จะมีความจุ 4 ลิตร ที่สามารถบรรจุน้ำอัดลมได้ 6 ขวด ส่วนตู้ด้านหลังมีความจุถึง 10 ลิตร โดยจะบรรจุขวดแชมเปญได้ 2 ขวด หรือไวน์ได้ถึง 4 ขวด
Denza Z9 Sedan ขุมพลังยกมาจากรุ่น Z9 GT ด้วยขุมพลังไฟฟ้าล้วนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ขับเคลื่อน 4 ล้อ ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าหนึ่งตัวให้กำลัง 313 แรงม้า แรงบิด 430 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าหลัง 2 ตัว ให้กำลังตัวละ 326 แรงม้า 360 นิวตันเมตร ให้กำลังรวมถึง 966 แรงม้า แรงบิดรวม 1,150 นิวตันเมตร
พร้อมแบทเตอรีลิเธียมไอออนแบบ LFP Blade ความจุแบทเตอรี 100 kWh ให้ความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 3.4 วินาที วิ่งไกลสุด 630 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC สามารถชาร์จกระแสตรง DC จาก 30 ถึง 80% ภายใน 19 นาที รองรับกำลังการชาร์จสูงสุด 270 kW
ยังมีขุมพลัง Plug In Hybrid เครื่องยนต์ เบนซินเทอร์โบขนาด 2.0 ลิตร ให้พละกำลัง 207 แรงม้า แรงบิด 325 นิวตันเมตร เสริมกำลังด้วย มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ขับเคลื่อน 4 ล้อ ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าหนึ่งตัวให้กำลัง 272 แรงม้า แรงบิด 315 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าหลัง 2 ตัวให้กำลังตัวละ 299 แรงม้า แรงบิดข้างละ 360 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังรวม 870 แรงม้า แรงบิด 1,035 นิวตันมตร ความเร็วสูงสุด 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มาพร้อมชุด Blade Battery ขนาด 38.5 kWh วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า ได้ระยะทาง 161 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน WLTC ) และน้ำมัน 1 ถัง สามารถวิ่งไกลสุด 1,100 กิโลเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 3.6 วินาที
ติดตั้งระบบควบคุมตัวถัง Yun Nian และเทคโนโลยีการเลี้ยวอิสระด้วยมอเตอร์คู่ที่ล้อหลัง สามารถเลี้ยวได้สูงสุดถึง 20 องศา ทำให้ ตัวรถมีรัศมีวงเลี้ยวต่ำสุดเพียง 4.62 เมตร นอกจากนี้ ยังสามารถทำการกลับรถแบบวงเวียน การเข้าจอดรถด้วยการเคลื่อนที่แบบปู เป็นต้น
ระบบความปลอดภัยครบในทุกมิติ
- ระบบเบรคมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) ป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรคค้าง AVH (Auto Vehicle Hold) จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX บริเวณที่นั่งแถว 2 และ 3 เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้างหน้า-หลัง ม่านถุงลมนิรภัย หัวเข่ารอบคัน กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ และสัญญาณเตือนระยะเดินหน้า และถอยหลัง
Denza Z9 มาพร้อมระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติระดับ L2+ ติดตั้งเซนเซอร์การขับขี่อัจฉริยะ 33 ตัว ทั่วทั้งคัน รวมถึงเลเซอร์เรดาร์ 2 ตัว ระบบจอดรถอัจฉริยะ ได้ในทุกลักษณะการจอด
- ช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
- ช่วยเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane keep Assist)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนและช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping Assist)
- ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
- ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตา (LCA/ BSD/ RCTA/ DOW)
- พร้อมความปลอดภัยพื้นฐานทั้งระบบป้องกันล้อล็อก ABS กระจายแรงเบรค EBD (Electronic Brake force Distribution) เสริมแรง
- เบรคด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist) ควบคุมการทรงตัว EPS ป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
- ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System) เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control) สัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal) ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light)
ความเห็น 0