บุลลี่ (bully) เป็นคำที่ช่วงปีสองปีมานี่เราได้ยินบ่อยขึ้น สำหรับใครที่ไม่คุ้นกับคำนี้ มันหมายถึงการระรานขู่เข็ญผู้ที่อ่อนแอกว่า จะด้วยทางวาจาหรือการกระทำก็ตามที และไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะคะว่าสมัยนี้การบุลลี่ที่สาหัสที่สุดกลายเป็นการบุลลี่ด้วยคำพูดนี่แหละ หนักสุดก็น่าจะเป็นกรณีมีคนฆ่าตัวตายเพราะเจ็บช้ำน้ำใจจากการถูกบุลลี่ ซึ่งดูเหมือนจะมีเคสคล้าย ๆ กันนี้เกิดขึ้นแล้วแทบจะทั่วโลก
ตั้งแต่เล็กจนโตเชื่อว่าหลายคนก็คงเคยเผลอบุลลี่คนอื่นกันมาบ้างทั้งนั้น (อ้อมเองก็ไม่ปฏิเสธค่ะ) จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ด้วยความเขลา ขาดสติ หรือสนุกไปตามเพื่อน มันต้องยอมรับข้อผิดพลาดนั้น แต่พอมาถึงวันนี้ที่เราเริ่มเห็นว่า สิ่งที่เราเคยเผลอทำเพราะความไม่รู้ มันมีผลกระทบกับคนอื่นขนาดไหน ก็น่าจะได้เวลาตั้งสติแล้วระมัดระวังการกระทำของตัวเองมากขึ้น
ที่ว่าระมัดระวังนี่ไม่ใช่แค่เวลาเจอกันต่อหน้านะคะ อ้อมกำลังพูดถึงการใช้โซเชียลมีเดียด้วย นอกจากจะใช้เทคโนโลยีเพื่อความฉลาดรอบรู้แล้ว เราก็ควรจะใช้ด้วยความเกื้อกูล ส่งเสริมกันมากกว่าว่ากล่าวตำหนิตัดสินโทษกัน (ทั้งที่บางครั้งเรายังไม่รู้ข้อเท็จจริงทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ) หรือเปล่า
ที่ชวนคุยยืดยาวมาถึงตรงนี้เพราะคำถามจากคุณผู้ชมท่านนี้ค่ะ ถ้ามีคนฆ่าตัวตายเพราะถูกบุลลี่ และเราเป็น 1 ในคนที่บุลลี่เขาด้วย เราจะบาปไหมคะ
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโลท่านเมตตาตอบไว้ดังนี้ค่ะ
บาปมันอยู่ที่เจตนา ถ้าไม่ได้มีเจตนาแล้วเขาฆ่าตัวตายก็ไม่ถือเป็นบาปในเรื่องนั้น แต่ถามว่าควรจะมีส่วนรับผิดชอบไหมก็คงมี
เพราะว่าการบุลลี่ของเรา อาจจะมีส่วนทำให้คนนั้นเขาทนไม่ไหว มันคล้าย ๆ กับไปขับรถชนคนตายโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ อาจจะเป็นเพราะประมาท หรือเพราะมึนเมา มองไม่เห็นทาง อะไรก็แล้วแต่ เราไม่ได้บาปเพราะเจตนาฆ่าคนตาย แต่ก็ต้องรับผิดชอบการตายของเขา ก็หมายความว่าถ้าเราสามารถจะช่วยปลดเปลื้องภาระของครอบครัวผู้ที่สูญเสียชีวิตได้เราก็ควรทำ เราไม่บาปแต่เราต้องรับผิดชอบ
อย่างไรก็ดี การบุลลี่ก็มีบาปของการบุลลี่ตรงที่มีวจีที่ไม่สุจริตหรือเป็นวจีที่รุนแรง บาปตรงนี้คือการไปต่อว่าเขา เหยียดหยามเขาด้วยความเกลียดชัง เจตนาเป็นอกุศล เพราะฉะนั้นไม่ได้บาปตรงที่ไปทำให้เขาตาย แต่บาปตรงที่ทำให้เขามีความทุกข์ด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยความโกรธ หรือว่าเจือปนไปด้วยความโกรธความเกลียดของเรา
เพราะฉะนั้นตรงนี้คือสิ่งที่เราควรจะระมัดระวัง เพราะว่าเราไม่มีทางจะทราบเลยว่า คำพูดที่รุนแรงของเราจะไปมีผลทำให้คนบางคนเขาถึงกับรู้สึกย่ำแย่จนฆ่าตัวตายหรือไม่ อาจไม่ใช่คำพูดของเราคนเดียวก็จริง เพราะคำพูดของอีกหลายคนอีกห้าคนสิบคนหรือเป็นร้อยคนก็มีส่วนผลักดันทำให้เขาตัดสินใจฆ่าตัวตาย แต่เราก็มีส่วนรับผิดชอบดังที่กล่าวไปแล้วตอนต้น
ถ้าอยากฝึกตนให้เลิกเป็นคนชอบบุลลี่ ลองฝึกทำสิ่งที่ตรงข้ามกัน นั่นคือสัมมาวาจา หรือการพูดในสิ่งที่ถูกควร ไม่ใช้คำหยาบ ไม่พูดจาส่อเสียด ไม่พูดเพ้อเจ้อ โกหกมดเท็จ
ในกรณีของการบุลลี่ก็คือการใช้คำหยาบ ไม่ใช่หยาบคายขึ้นมึงกู แต่เป็นคำหยาบซึ่งเต็มไปด้วยความโกรธความเกลียด ยุคนี้ยิ่งต้องระวังเพราะว่านี่คือปัญหาของคนที่เผลอทำหรือพูดในโซเชียลมีเดีย เราเห็นใครทำอะไรไม่ถูกต้องเราก็อยากจะประณาม อยากจะว่า โดยเราลืมดูใจว่า เขาทำไม่ถูกต้องก็จริงแต่ใจของเราก็ไม่ถูกต้องเช่นกัน ถ้าใจเราถูกต้องเป็นปกติเราจะไม่พูดในลักษณะที่เป็น bully แบบนั้น
สมัยนี้อันตรายอยู่ที่ปลายนิ้ว ถ้าปลายนิ้วของเราไม่ระมัดระวังเราสามารถจะทำความทุกข์ให้กับผู้อื่น หรือหาทุกข์มาใส่ตัวได้แค่ปลายนิ้วที่ไม่มีสติของเราเท่านั้นเอง
อย่าลืมนะคะ ถ้าคุณรู้สึกทุกข์หรือหนักๆ ในใจ ส่งความหนัก ความทุกข์ สิ่งสงสัยมาให้พวกเราได้ที่ www.bia.or.th/dhamlife อ้อมจะไปหาคำตอบจากพระอาจารย์มาให้ค่ะ อะไรที่อ้อมช่วยได้ อ้อมยินดีค่ะ
ติดตามข้อธรรมดีๆ ได้ที่เพจ fb : หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ หรือ Line @Suanmokkh_Bangkok
ความเห็น 2
บาปแน่นอน การให้ร้ายผู้อื่นเป็นทุกข์ ทุกข์นั้นย่อมกลับมาหาเรา เมื่อนั้นแหล่ะจะได้รู้ หรือบางคนอาจจะไม่รับรู้ก็เป็นได้ กฏแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ
11 ธ.ค. 2562 เวลา 01.32 น.
ถามมึ่งแล้งมึ่งผิดจริงไหม
11 ธ.ค. 2562 เวลา 01.14 น.
ดูทั้งหมด