Peterson Institute for International Economics เปิดเผยบทวิเคราะห์ที่ระบุว่า ในช่วงที่จีนขึ้นภาษีอากรต่อสินค้าส่งออกของสหรัฐ เพื่อตอบโต้การที่สหรัฐเก็บภาษีศุลกากรสินค้าจากจีน ปรากฏว่าในขณะเดียวกัน รัฐบาลกรุงปักกิ่งได้ลดกำแพงการค้ากับประเทศอื่น
นับจากปลายปี 2561 อัตราภาษีศุลกากรที่จีนจัดเก็บกับสินค้าอเมริกันโดยเฉลี่ย พุ่งไปอยู่ที่ 20.7% ขณะเดียวกัน รัฐบาลกรุงปักกิ่งได้ลดภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าประเภทใกล้เคียงกัน ที่นำเข้าจากประเทศสมาชิกองค์การการค้าโลก ให้เหลือเฉลี่ยเพียง 6.7%
การศึกษาระบุว่า ทุกประเทศ ยกเว้นสหรัฐ ถูกจัดเก็บภาษีศุลากรเฉลี่ย 8% ในจีนเมื่อปีที่แล้ว
นักวิเคราะห์แห่งสถาบัน Peterson ระบุว่า นโยบายเชิงยั่วยุของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ และการรับมือของจีน หมายความว่าบริษัทอเมริกันและคนงานอเมริกัน เสียเปรียบบริษัทจีนและบริษัทจากประเทศอื่น เพราะรัฐบาลกรุงปักกิ่งปูพรมแดงต้อนรับบริษัทอื่นในโลก ให้ได้เอนจอยกับการเข้าถึงผู้บริโภค 1,400 ล้านคนในจีน
กล่าวอีกนัยนึงคือ สินค้าอเมริกันมีราคาแพงขึ้นสำหรับคนจีน ขณะที่สินค้าจากประเทศอื่นมีราคาถูกลง
เฉลี่ยแล้ว ขณะนี้หากซื้อสินค้าจากแคนาดา ญี่ปุ่น บราซิล หรือยุโรป จะถูกกว่าซื้อสินค้าจากสหรัฐ 14%
ทั้งนี้ ยอดขายลอบสเตอร์ของสหรัฐให้แก่จีน ดิ่งลงเกือบ 70% ตั้งแต่รัฐบาลกรุงปักกิ่งเก็บภาษีตอบโต้ 25% เมื่อเดือนก.ค. 2561 ขณะเดียวกัน การส่งออกลอบสเตอร์ของแคนาดาเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า เพราะได้ประโยชน์จากการที่จีนลดภาษีให้
ในทำนองเดียวกัน บรรดาผู้ส่งออกแซลมอนอเมริกันมียอดขายลดลง ขณะที่การส่งออกแซลมอนจากสกอตแลนด์พุ่งขึ้นกว่า 40% เมื่อต้นปีนี้
อย่างไรก็ตาม รายงานของ Peterson ระบุว่าการเดินเกมของจีน ไม่ได้มุ่งตอบโต้สหรัฐเท่านั้น แต่เพื่อบรรเทาการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนด้วย เพราะแม้ทางการได้ออกมาตรการสนับสนุนและผ่อนคลายนโยบายหลายอย่าง แต่เศรษฐกิจจีนยังไม่ค่อยแข็งแกร่ง จึงต้องนำเข้าสินค้าบางอย่างในราคาที่ถูกลงจากประเทศอื่น
ทั้งนี้ สหรัฐขึ้นภาษีศุลกากรเป็น 25% สำหรับสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 250,000 ล้านดอลลาร์ ทำให้รัฐบาลกรุงปักกิ่งตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐมูลค่า 60,000 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบครึ่งหนึ่งที่สหรัฐส่งออกไปจีนในแต่ละปี
ประธานาธิบดีทรัมป์อ้างว่าในที่สุดจีนจะต้องแบกรับภาระทางเศรษฐกิจผลจากสงครามการค้า
แต่บริษัทอเมริกันสะท้อนภาพที่แตกต่างออกไป เพราะเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว วอลมาร์ท ทาร์เกต และอีกกว่า 600 บริษัท เรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขข้อพิพาทการค้า พร้อมเตือนว่าการเก็บภาษีอาจทำให้ครอบครัวอเมริกันต้องสูญเสียเฉลี่ยปีละ 2,000 ดอลลาร์ และทำลายงาน 2 ล้านตำแหน่งของสหรัฐ
แอ๊ปเปิล ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ร่วมร้องเรียน ระบุว่าหากทรัมป์ทำตามคำขู่ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าจากจีนอีก 300,000 ล้านดอลลาร์ จะทำให้ศักยภาพในการแข่งขันของแอ๊ปเปิลลดลง
แอ๊ปเปิลระบุว่าเป็นบริษัทอเมริกันที่เสียภาษีให้กระทรวงการคลังสหรัฐมากที่สุด พร้อมย้ำคำมั่นเมื่อปีที่แล้ว ว่าจะนำเงินกว่า 350,000 ล้านดอลลาร์เข้าสู่เศรษฐกิจสหรัฐในช่วงเวลา 5 ปี
ด้าน Keurig Dr Pepper บริษัทกาแฟและเครื่องดื่ม ระบุในจดหมายถึงรัฐบาล ว่าเครื่องชงกาแฟ 88% ที่ขายในสหรัฐ นำเข้าจากจีน เครื่องชงของบริษัทมีใช้ในบ้านเรือนกว่า 28 ล้านหลัง รวมถึงตามห้องพักในโรงแรมกว่า 1 ล้านห้อง
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จากสำนักผู้แทนการค้าของสหรัฐ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงต่างประเทศ และหน่วยงานอื่นๆ ได้เปิดโอกาสให้ผู้ผลิต ผู้ค้าปลีก และธุรกิจอื่นๆ ของสหรัฐ แสดงความเห็นเกี่ยวกับแผนการเก็บภาษี
ความเห็น 20
Joannie
จัดไปพี่จีน
25 มิ.ย. 2562 เวลา 01.58 น.
pongstorn
ทรัมป์ไม่เคยเห็นมังกรผงาด มันคิดว่าเป็นแค่ใส้เดือน
25 มิ.ย. 2562 เวลา 03.10 น.
sps--59-- 🐾🐶💕😽🐾
USA. ตายเองครับ
25 มิ.ย. 2562 เวลา 02.24 น.
อนัตตา(กันย์)
หมากัดกันเพราะแย่งก้อนเนื้อ ช่วงที่มันกัดกันมันวางก้อนเนือไว้เพื่อให้ปากว่างและนำปากที่ว่างไปกัดกัน ผู้นำไทยน่าจะมองออกนะว่า จะเก็บก้อนเนือนั้นได้อย่างไร
25 มิ.ย. 2562 เวลา 02.28 น.
preecha
เลือกตั้งประธานาธิบดีคราวจะยังกลัาเลือก
ทรัมป์กลับมาทำให้อเมริกาเจ๊งหนักกว่าเดิม
again ไหม
25 มิ.ย. 2562 เวลา 03.38 น.
ดูทั้งหมด