สมัยรัชกาลที่ 4 ข้าราชการสยาม ดูหมิ่นดูแคลน “พระพุทธรูปลาว” ได้แก่ พระเสริม และ พระใส ว่าไม่คู่ควรกับบ้านเมืองกรุงเทพฯ
ในบทความเรื่อง พระพุทธรูปอีสาน : ว่าด้วย การสร้าง และการเสื่อม แห่งการนิยาม คุณค่าความหมาย โดย ติ๊ก แสนบุญ ในศิลปวัฒนธรรม ฉบับพฤษภาคม 2559 นอกจากจะบอกที่มาที่ไปของพระพุทธรูปอีสานได้อย่างน่าสนใจแล้ว อีกประเด็นสำคัญของบทความคือการสะท้อนมุมมองของคนไทยที่มีต่อพุทธศิลป์ของคนลาว
ติ๊กยกบันทึกพงศาวดารในสมัยรัชกาลที่ 4 ซึ่งอ้างว่ามีกลุ่มเสนาบดีที่เป็น “ข้าราชการสยาม” ตำหนิ “พระพุทธรูปลาว” หมายถึง พระเสริม (ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ในพระวิหารวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร) และ พระใส (ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถวัดโพธิ์ชัย จังหวัดหนองคาย) สองพระพุทธรูปที่สยามได้มาหลังการทำลายกรุงเวียงจันทน์ สมัยกบฏเจ้าอนุวงศ์ ว่าไม่คู่ควรกับบ้านเมืองกรุงเทพฯ
“เพราะพระพุทธรูปเป็นแต่ของหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ย่อมๆ ไม่เป็นที่เห็นเป็นประหลาดอัศจรรย์อะไรนักนั้นก็ไม่ควรแก่พระบารมีเลย พระพุทธรูปอย่างนี้ถึงอยู่ในกรุงเทพมหานครก็ไม่เป็นที่ออกอวดแขกบ้านแขกเมืองได้เหมือนพระแก้วมรกตและพระแก้วผลึก”
ติ๊กยังยกคำกล่าวของ สมเกียรติ โล่ห์เพชรัตน์ ซึ่งปรากฏตามบทความว่าในวงการนักสะสมพระพุทธรูปในเมืองไทยจะนิยมเรียกพระพุทธรูปที่ไม่งดงาม หรือมีความอ่อนด้อยทางทักษะฝีมือว่าเป็น พระพุทธรูปลาว เช่นเรียกว่า พระเชียงแสนลาว หรือพระอยุธยาลาว ฯลฯ
ทั้งหมดมีนัยยะที่มีพื้นฐานมาจากความมีอคติทางชาติพันธุ์จากคำว่าลาว ในฐานะลูกไล่ทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะพระพุทธรูปที่อยู่ในกลุ่มสายสกุลช่างพื้นบ้าน ซึ่งสมเกียรติกล่าวต่ออีกว่า แท้จริงแล้วศิลปะพระพุทธรูปล้านช้างแบบช่างเมืองหลวงนั้นมีความสวยงาม มีความประณีตไม่แพ้ศิลปะของประเทศใดในโลก เป็นความงามแบบอุดมคติ และมีความเป็นเอกลักษณ์ลาวอย่างแท้จริง
สำหรับพระพุทธรูปสกุลช่างพื้นบ้านของอีสานนั้น ติ๊กอธิบายว่า ช่างกลุ่มนี้เป็น “ช่างชาวบ้าน” ที่ไม่ได้ประกอบวิชาชีพหลักทางด้านงานช่าง แต่เป็นกลุ่มชาวบ้านที่มีอาชีพหรืองานประจำทางการเกษตรกรรม ส่วนใหญ่ไม่ใช่ช่างฝีมือที่มีทักษะทางการสร้างประติมากรรมโดยเฉพาะ ต่างจากกลุ่ม “ช่างพื้นเมือง” หรือช่างราษฎร์ ที่ได้คนใหญ่คนโตระดับเจ้าเมืองชุบเลี้ยง จึงมีฝีมือในเชิงช่างที่สูงกว่าช่างพื้นบ้าน
ติ๊กกล่าวว่า ความหยาบกระด้างไม่ได้สัดส่วนพุทธลักษณะของพระพุทธรูปที่สร้างโดยช่างพื้นบ้าน คือสิ่งที่สะท้อนถึงคุณค่าทางศิลปะพื้นบ้าน (Folk art) อย่างเต็มที่ พร้อมยกบทกวีของ วิโรฒ ศรีสุโร ประกอบว่า
“นั่งเลี้ยงควายหาไม้มาแซะแกะเป็นพระ ไม่สวยสะแต่สวยซื่อคือพระพุทธ แทนคุณค่าความดีความบริสุทธิ์ ใจผ่องผุดเกิดพุทธ…ปฏิมากร”
“…ฐานชุกชีมีพระไม้หลากหลายยิ่ง พระจริงๆ ใช่พระปลอมยอมยกให้ นั่งเลี้ยงควายแกะพระไว้ด้วยหัวใจ สมาธิใสศิลป์บริสุทธิ์วิมุตติธรรม”
อ่านเพิ่มเติม :
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 16 กันยายน 2559
ความเห็น 18
Mr. EI
BEST
พระพุทธเจ้าให้ไว้แต่คำสอน ไม่ได้สอนให้กราบไหว้รูปเคารพ เพราะนี่แหละคือปัญหา ยึดติดกับความสวยงาม ยึดติดกับวัสดุที่ใช้ผลิต ยึดติดกับมูลค่าราคาที่ซื้อขาย คนทะเลาะกันตีกัน บางทีก็ฆ่ากัน
27 ก.ค. 2562 เวลา 17.27 น.
เต็ง
อ่านย่อหน้าแรกๆ รู้สึกโกรธ
แต่พออ่านบทกวี 2 ย่อหน้าสุดท้าย
แล้วน้ำตาไหล
ขอกราบช่างพื้นบ้านทุกท่าน
ด้วยจิตคารวะ
19 ม.ค. 2563 เวลา 16.34 น.
Dodoo6356
พระพุทธเจ้าท่านบอกไม่ให้ยึดติดกับสิ่งที่มากระทบ รูป รส กลิ่น เสียง และรสสัมผัส แค่นี้ยังแยกแยะกันไม่ได้ก็ไม่รู้จะพูดว่าอย่างไรกันแล้ว ? ญาติโยมเอ้ย !!!
19 ม.ค. 2563 เวลา 10.36 น.
ต้าว
คิดแต่ว่าของตัวเองดี เลยไม่ไปใหนหลอกแต่กันเอง
28 ก.ค. 2562 เวลา 03.51 น.
กุเกลียดมึงคนไม่ดี
สาธุๆๆ
27 ก.ค. 2563 เวลา 07.03 น.
ดูทั้งหมด