ข่าว คือสิ่งที่คนยังสนใจและติดตามความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะหัวข้อไหน จะการเมือง ดารา เศรษฐกิจ ปากท้อง ทุกอย่างก็เรียกได้ว่าเป็นข่าวได้ แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทำให้รูปแบบของข่าวหรือแม้กระทั่งการนำเสนอก็เปลี่ยนไปตามยุคสมัย, เทคโนโลยี และที่สำคัญ ต้องทำให้ทันกับความต้องการของผู้รับชมข่าวที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
เราจะขอพูดถึงการเปลี่ยนแปลงของวงการข่าวจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ว่ามีอะไรที่เราพอจะจำได้ และเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหนแล้วในตอนนี้
ช่วงเวลานำเสนอข่าว
ข่าวเช้า ข่าวเที่ยง ข่าวเย็น คือเวลาที่เราคุ้นเคยว่าจะเราจะได้ติดตามรายการข่าวจากช่องต่างๆ โดยเฉพาะเช้าตรู่ 6 โมงเช้าที่ทุกช่องมีรายการข่าวเป็นของตัวเอง แต่ถ้าเทียบกับยุคก่อน รายการข่าวที่คนให้ความสนใจมากที่สุดคือ ข่าวภาคค่ำ ตั้งแต่ 19:00 จนถึง 21:00 โดยประมาณ แต่ถ้าเทียบเวลาในปัจจุบันก็จะกลายเป็นละคร, วาไรตี้ น้อยช่องที่จะยังคงนำเสนอข่าวในช่วงหัวค่ำ
จากผู้ประกาศข่าว สู่ นักเล่าข่าว
ในยุคแรกเริ่ม รายการข่าวจะถูกนำเสนออยู่ในรูปแบบการนั่งโต๊ะ อ่านข่าว ด้วยภาษาทางการ โดยจะมีผู้ประกาศข่าวหลัก 1-2 ท่านสลับกันอ่านข่าว และหากมีข่าวที่ไม่ใช่เป็นทางการ ก็จะมีผู้ประกาศแยกออกไปอย่างชัดเจน เช่น ข่าวกีฬา หรือ พยากรณ์อากาศ
แต่ยุคนี้ การอ่านข่าวแบบเป็นทางการกลายเป็นสิ่งที่หาดูยาก เพราะลักษณะการนำเสนอข่าวถูกเปลี่ยนมาเป็นการพูดคุย และเล่าข่าวกันอย่างเป็นกันเอง ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ผู้ประกาศข่าวเป็นตัวของตัวเอง ค่อนข้างมีอิสระ ทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ชมได้ง่ายกว่าเดิมมาก, ผู้ชมรู้สึกเป็นกันเอง เลยทำให้รายการข่าวส่วนใหญ่ในตอนนี้กลายเป็นรายการเล่าข่าวแทบทั้งสิ้น
หรือแม้กระทั่งการรายงานพยากรณ์อากาศก็ยังแตกต่างเมื่อเทียบยุคก่อนกับยุคนี้อย่างสิ้นเชิง
คนทั่วไปก็กลายเป็นผู้สื่อข่าวได้
ด้วยเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะการมาของสมาร์ทโฟนและโซเชียลมีเดีย ทำให้ทุกคนสามารถนำเสนอข่าวหรือรายงานข่าวได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม จากที่เราต้องรอผู้สื่อข่าว ถ้าพอจะจำได้ มียุคนึงที่การติดตามข่าวจะต้องตามบน Twitter เพราะมันเป็นช่องทางที่นำเสนอข่าวได้รวดเร็วที่สุด และช่องข่าวที่ใช้ Twitter ได้อย่างโดดเด่นก็คือ เครือเนชั่น นั่นเอง
ผู้ชมกลายเป็นส่วนหนึ่งของรายการข่าว
รายการข่าวไม่ใช่รายการที่จะเป็นการสื่อสารทางเดียว (one-way communication) แล้ว เพราะตอนนี้ต้องเปิดโอกาสให้คนที่รับชมสามารถแสดงความคิดเห็นและกลายเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รายการข่าวใกล้ชิดกับคนที่ได้ดูมากขึ้น จากการเขียน comment และผู้ดำเนินรายการก็จะพูดถึงสิ่งที่มีคนเขียนเข้ามาได้อย่างทันท่วงที
การวิเคราะห์ข่าวที่มาจากตัวจริง
ในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป การฟังข่าวจากการนำเสนอเพียงมุมเดียวอาจจะไม่พอกับความต้องการของคน ดังนั้นจึงต้องมีคนที่เป็นคนที่วิเคราะห์ข่าว ซึ่งคนวิเคราะห์ข่าวในเมืองไทยจากอดีตจนถึงปัจจุบันมีแบบนับคนได้ ยุคนี้คงไม่พ้น จั๊ด ธีมะ แต่ถ้านึกถึงสมัยก่อน คนที่วิเคราะห์ข่าวรายการที่เป็นการวิเคราะห์ประเด็นข่าวที่เราคุ้นเคยก็จะเป็นถึงลูกถึงคน หรือไทม์ไลน์ โดย สุทธิชัย หยุ่น
ด้วยความที่เป็นการวิเคราะห์ข่าวที่เจาะลึกมากกว่าการนำเสนอข่าวทั่วไป คนที่จะเข้ามาวิเคราะห์จึงต้องมีลักษณะพิเศษที่ทำให้คนจดจำได้ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่ต้องแน่น, วิธีการเล่าที่ต้องทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย, ลักษณะท่าทางที่จำได้ ทุกอย่างล้วนจะทำให้คนจำได้
ทั้งหมดนี้เป็นวิวัฒนาการที่เปลี่ยนไปของวงการข่าว โดยเฉพาะการนำเสนอข่าวและความเร็ว แต่สิ่งที่ยังคงอยู่และไม่ควรเปลี่ยนแปลงคือความถูกต้องของข้อมูลและการนำเสนอที่ดีนั่นเอง
ความเห็น 9
Nueng
พาดหัวข่าว สาววัยกลางคน อ่านไปอ่านมา สาววัยกลางคนที่พูดอายุ 32ปี แสดงว่านักข่าวที่เขียนข่าวเพิ่งเรียนจบ รุ่นพี่ด้วยกันไม่คัดกรอง โดยเฉพาะ บก บห.
27 ม.ค. 2562 เวลา 08.14 น.
Pol Thunya
มีแต่เอาคลิปบนสื่อสังคมออนไลน์มาทำข่าวเหมือนกันทุกช่อง ซ้ำวนไปมาหลายๆวัน..แถมแนบด้วยขายของแบบตั้งราคาแพงๆๆ แล้วสุดท้ายลดลงมา...(ยังมีกำไรเลย)
26 ม.ค. 2562 เวลา 07.39 น.
chanwit
เปลี่ยนทางแย่ลง เคารพคนในข่าวน้อยลงเอามันส์ทางปาก ไม่รู้จริงเท็จก็แข่งกันเสนอจนพลาดก็มี ใครก็เป็นนักข่าวได้ใช่เป็เรื่องดี ขาดความรับผิดชอบในสิ่งตนพูดหรือเสนอ ข่าวทุกวันนี้บางทีขาดสาระ แย่ลงมากกว่านะ
26 ม.ค. 2562 เวลา 11.20 น.
tik
โฆษณาจัง
26 ม.ค. 2562 เวลา 01.34 น.
Chumroen..
การเสพข่าวสารจากสื่อสิ่งพิมพ์ประโยชน์ต่อสมอง สายตา คนไทยเขียนตัวหนังสือไม่เป็นด้วยเสพข่าวจากสื่อมือกดหนังสือตามแป้นพิมพ์ อีกไม่นานเมื่อสำนักพิมพ์ได้ปิดตัวเองลงแล้วคนเราจะโหยหาเสียดาย การอ่านหนังสือ หนังสือพิมพ์ทุดชนิดชีวิตสมองจะยืนยาว
27 ม.ค. 2562 เวลา 22.09 น.
ดูทั้งหมด