ระหว่างที่ “รัฐบาล” กำลังรับศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ อยู่ในสังเวียนสภาฯ ตลอดสามวัน สามคืนที่ผ่านมา โดยจะมีการโหวตลงมติ “ไว้วางใจ”กันในวันนี้ช่วงค่ำ ซึ่งจะชัดเจนว่า งานนี้ เสียงโหวต ลงมติไว้วางใจ ที่ “พรรคร่วมรัฐบาล” จะออกมาในทิศทางเดียวกันหมดหรือไม่
ตั้งแต่ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม , “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี , “บิ๊กป๊อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย , วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี , ดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร จะได้เสียงไว้วางใจเกินครึ่งหนึ่งของสมาชิกสภาฯที่มีอยู่หรือไม่ และเท่าใด โดย ณ วันนี้ เสียงกึ่งหนึ่งของสภาฯ จะต้องอยู่ที่ 245 เสียง แต่วันนี้รัฐบาลมีส.ส.อยู่ในมือกว่า 260 เสียง !
การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก่อนวันปิดประชุมสภาฯในวันที่ 28 ก.พ.นี้ ได้รับความสนใจอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะเป็นความเคลื่อนไหวทางการเมืองในสภาฯที่เกิดคู่ขนานไปกับบรรยากาศทางการเมือง “นอกสภาฯ” ที่ระอุ คุกรุ่นไปตามสถาบันการศึกษา หลายแห่ง หลายจังหวัด ที่มีนิสิต นักศึกษา พากันจัดกิจกรรมแสดงออกถึงความไม่เห็นด้วยต่อคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ที่วินิจฉัยให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ เมื่อวันที่ 21 ก.พ.63 ที่ผ่านมาจากคดีพรรคอนาคตใหม่
ตามสถาบันการศึกษาต่างๆทั่วประเทศได้เคลื่อนไหว ทั้งนัดรวมตัว แสดงพลัง ไปจนถึงขึ้นป้าย “หยุดความอยุติธรรม” แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เพื่อพุ่งเป้าไปยัง “ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” อย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ การเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษายังได้รับการขานรับ และจับตาจาก “องค์กร” ต่างประเทศ ยิ่งเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้ต่อสู้เชิงสัญลักษณ์ ของ “พลังบริสุทธิ์” มีแรงกดดัน ไปยังรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ มากขึ้น ว่าจะควบคุมสถานการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่เช่นนี้อย่างไร ?
ล่าสุด ไอลอว์ได้ออกมาระบุข้อความผ่านเพจเฟชบุค เพื่อตอกย้ำว่า จะบังคับใช้พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 ตามมาตรา 3 ระบุว่าการชุมนุมในสถานศึกษาไม่อยู่ภายใต้การบังคับใช้ของกฎหมายฉบับนี้ ดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไม่มีอำนาจที่จะเข้ามาควบคุมใดๆ หลังจากที่มีรายงานว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปวนเวียนและสังเกตุการณ์ภายในสถานศึกษาที่มีการจัดกิจกรรมชุมนุมแสดงพลัง
อย่างไรก็ดี การปลุกระดมนิสิตนักศึกษาเพื่อออกมาเคลื่อนไหวในช่วงตลอดหลายวันที่ผ่านมานั้น ย่อมอยู่ในสายตาของรัฐบาลและ “ฝ่ายความมั่นคง” โดยไม่ต้องสงสัย แต่ทั้งนี้มีแนวโน้มว่ารัฐบาลจะหลีกเลี่ยง การใช้ “ยาแรง” ด้วยการใช้กฎหมายเข้าควบคุมและดำเนินการใดๆ กับนักศึกษา เพราะจะทำให้สถานการณ์เปราะบาง สุ่มเสี่ยงให้เกิดการปะทะกันขึ้นตามมา
อีกทั้งจากการประเมิน ทิศทางการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษา จะไม่สามารถพัฒนาไปถึงขั้นการชุมนุมเหมือนกับที่ กลุ่มการเมืองเสื้อสีต่างๆเคยทำมาแล้ว แต่สิ่งที่รัฐบาลจะต้อง “ยืนระยะ” ให้ได้มากที่สุด คือการยอมปล่อยให้การแสดงออกของนักศึกษา ดำเนินไป และยุติลงด้วยตัวเอง รอจนกว่า “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จะเผชิญกับ “คดีอาญา” ตามมาติดๆหลังจากนี้ อีกไม่กี่อึดใจ !
ความเห็น 24
Suwajjanee
ปล่อยเค้าชุมนุมไปเถอะ เดี๋ยวก็เหนื่อย จะไปกินนอนตามถนน คงหมดยุค ระวังนะเด็กๆตากแดดหน้าดำผิวหยาบกร้าน ไม่กลัวหรา คิดเยอะๆลูก อย่าเอาแต่ตามกระแส
อ่อ..อย่าลืมสวมหน้ากากพกเจลล้างมือกันล่ะ ไม่งั้นได้ covid19 กลับไปฝากคนในครอบครัว ยุ่งแน่
26 ก.พ. 2563 เวลา 18.18 น.
ไม่นานและไม่ทน.เพราะผู้ปลุกระดมต้องคดีอาญาในหลายๆ เรื่องสุดท้ายก็หนีไปต่างประเทศ
26 ก.พ. 2563 เวลา 19.21 น.
หยกไทย
มองหลายมุมว่า
ตอนคนไทยฆ่ากันตีกันทะเลาะกัน แล้วไดัอะไรกลับมาเป็นบทเรียน ทุกอย่างขอให้มีสติในการชุมนุมนะครับ
26 ก.พ. 2563 เวลา 20.52 น.
m.k.b
ไฟไหม้ฟาง
26 ก.พ. 2563 เวลา 19.36 น.
กุถามว่ารัฐบาลไหนที่ไม่โกง.นางปูโกงจำนำข้าวเสียหายแสนล้าน.ปล่อยให้ลูกน้องติดคุก.มึงว่าโกงหรือไม่
26 ก.พ. 2563 เวลา 19.24 น.
ดูทั้งหมด