ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ เผยข้อมูล โอมิครอน BF.7 (หนึ่งในบรรดาลูกของ BA.5) แพร่เชื้อได้ดี หลบภูมิเก่ง และ 5 อาการที่พบบ่อย
ทางศูนย์จีโนมทางการแพทย์ ได้เผยข้อมูลอัปเดทเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ระบุว่า โอมิครอน BF.7 (หนึ่งในบรรดาลูกของ BA.5) ขณะนี้ระบาดเป็นสายพันธุ์หลักที่กรุงปักกิ่งประเทศจีน เกิน 1,000 รายต่อวันโดยไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง
ในประเทศไทยจากข้อมูลโควิดโลก "กิสเสด(GISAID)" พบ BF.7 แล้ว 3 ราย ปรับปรุง 30/11/2565 เวลา 7:11
ไวรัสโคโรนา 2019 ที่ระบาดใหญ่ในนครปักกิ่งขณะนี้มี 3 สายพันธุ์คือ BF.7, BA.5.2, และ BA.5.1.7 ซึ่งคาดว่าแพร่มาจากแถบมองโกเลีย ในประเทศจีน โดยมี BF.7 เป็นสายพันธุ์หลัก มี 5 อาการที่พบบ่อยคือ คัดจมูก เจ็บคอ ไอ อ่อนเพลีย และน้ำมูกไหล
มีรายงานพบโอมิครอน BF.7 ในเบลเยียม จีน มองโกเลีย เดนมาร์ก นอร์เวย์ ฝรั่งเศส เยอรมนี อินเดีย สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา รวมทั้งไทย
เมื่อเปรียบเทียบกับ BA.1, BA.2, BA.5 นั้น BF.7 จะแพร่เชื้อได้ดีกว่ามากด้วยศักยภาพในการหลบเลี่ยงของภูมิคุ้มกันที่แรงกว่า ระยะฟักตัวที่สั้นกว่า(2-3 วัน) และความเร็วในการแพร่เชื้อใกล้เคียงกับ BA.2.75 แต่ยังเป็นรอง XBB และ BQ.1 ในสหรัฐอเมริกาพบมากเป็นอันดับที่ 4 ประมาณ 7% (ภาพA)
มีการประเมินว่าอัตราการแพร่ระบาด (R0) ของโควิดสายพันธุ์ "เดลต้า" อยู่ที่ประมาณ 5 ถึง 6 ซึ่งหมายความว่าผู้ติดเชื้อจะแพร่เชื้อไปยังคนอื่นโดยเฉลี่ย 5 หรือ 6 คน ส่วนโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BF.7 มีค่า R0 เท่ากับ 10-18.6 ซึ่งทำให้สายพันธุ์นี้เป็นโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยที่แพร่เชื้อได้มากที่สุดสายพันธุ์หนึ่งในตระกูลโอมิครอน ทำให้เกิดความยากลำบากมากขึ้นในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด (ภาพB)
หมายเหตุ ค่าเฉลี่ยของความน่าจะเป็นของผู้ติดเชื้อรายหนึ่งที่สามารถแพร่เชื้อ (จุลชีพ หรือ ไวรัส) ไปสู่ผู้อื่นได้กี่คน เรียกค่านี้ว่า Reproductive number: R0 หรือ R naught (อ่านว่า อาร์ นอร์ต) ภายใต้เงื่อนไขที่กลุ่มตัวอย่างที่จะนำมาคิดคำนวณมาคำนวณหาค่า R0 ควรเป็นผู้ที่ไม่สวมหน้ากากอนามัย ไม่มีการเว้นระยะห่างทางกายภาพ และไม่ฉีดวัคซีน
- กรมวิทย์ฯ เผยชัด ความรุนแรงของโควิดสายพันธุ์เดลตาครอน หลังพบรายแรกในไทย
- หมอยง แนะการตรวจ ATK วิธีเก็บตัวอย่างเอง ที่ได้ผลแม่นยำ
- หมอธีระวัฒน์ เผย ความสำคัญ ติดเชื้อโควิดตามธรรมชาติ แม้จะเปลี่ยนสายพันธุ์
จากการนำข้อมูลรหัสพันธุกรรมของโอมิครอนแต่ละสายพันธุ์ในช่วงเวลา 6 เดือนของการระบาดมาคำนวณพบว่า
โอมิครอน BF.7 ซึ่งเป็นรุ่นลูกของ BA.5 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด เหนือกว่า BA.5.2, BA.5.1.7 ประมาณ 22% ทำให้เกิดระบาดเป็นสายพันธุ์หลักในกรุงปักกิ่งได้ (ภาพ1)
อย่างไรก็ตาม
• โอมิครอน BA.2.75 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด เหนือกว่า BF.7 ประมาณ 11% (ภาพ2)
• โอมิครอน BN.1 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด เหนือกว่า BF.7 ประมาณ 97% (ภาพ2)
• โอมิครอน XBB มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด เหนือกว่า BF.7 ประมาณ 90% (ภาพ3)
• โอมิครอน XBB.1 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด เหนือกว่า BF.7 ประมาณ 139% (ภาพ3)
• โอมิครอน BQ.1 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด เหนือกว่า BF.7 ประมาณ 111% (ภาพ4)
• โอมิครอน BQ.1.1 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด เหนือกว่า BF.7 ประมาณ 147% (ภาพ4)
ดังนั้นจึงเป็นไปได้ยากที่โอมิครอน BF.7 ที่พบในไทยจะเกิดระบาดแซงหน้าสายพันธุ์อื่นกลายเป็นสายพันธุ์หลักเหมือนที่กรุงปักกิ่ง เนื่องจากประเทศไทยมีโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2.75, BN.1,XBB,XBB.1,BQ.1,BQ.1.1, และ CH.1.1 ครองพื้นที่อยู่ก่อนแล้วซึ่งล้วนแล้วมีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด เหนือกว่า BF.7 ทั้งสิ้น (ภาพ5) แม้แต่โอมิครอน BF.7 ที่พบในปักกิ่งเอง ผู้เชี่ยวชาญก็เชื่อว่าไม่ช้าจะถูกแทนที่ด้วย BQ.1 (หลานของ BA.5) และ CH.1.1 (เหลนของ BA.2) ที่แพร่มาจากฝากฮ่องกง
ขอบคุณ Center for Medical Genomics
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมที่ Tnews
ความเห็น 0