โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

Hide X-Japan ความรักที่มีต่อเพลงร็อค กับตำนานที่ไม่มีวันตาย

INN News

เผยแพร่ 30 มิ.ย. 2566 เวลา 01.30 น. • INN News
Hide X-Japan ความรักที่มีต่อเพลงร็อค กับตำนานที่ไม่มีวันตาย

“ฮิเดะ มัตสึโมโตะ” เด็กหนุ่มที่มีความหลงใหลในเพลงร็อค เปี่ยมไปด้วยความฝันที่อยากจะมีเพลงเป็นของตัวเอง ก่อนที่จะกลายเป็นผู้นำแฟชั่น และมือกีตาร์ของวงร็อคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น จนทำให้ผู้คนได้จดจำเขาจนถึงปัจจุบัน

แม้ว่าในทุกวันนี้เขาจะไม่ได้มีลมหายใจอยู่บนโลกใบนี้แล้ว แต่ผู้คนก็ยังจดจำบทเพลงที่ราวกับเป็นเครื่องบันทึกจิตวิญญาณและความรู้สึกของตัวฮิเดะไว้อย่างครบถ้วน การจากไปอย่างเป็นปริศนากว่า 22 ปีของเขา ทำให้ผู้คนโศกเศร้าอย่างหนักทั้งยังเกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับสาเหตุที่เขาเลือกจะจบชีวิตของตัวเอง อย่างไรก็ตาม ในวันนี้เราไม่ได้ต้องการจะนำเสนอเรื่องราวการเสียชีวิตของเขา แต่จะมาเล่าถึงความรักของฮิเดะที่มีต่อดนตรี จนเปลี่ยนแปลงหน้าประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นไปตลอดกาล

จุดเริ่มต้น

วันที่ 13 ธันวาคม 1964 เป็นวันที่ฮิเดะลืมตาดูโลก ณ โรงพยาบาลเซนต์โจเซฟ เมืองมิโดริกาโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ในวัยเด็กฮิเดะเป็นเด็กที่มีรูปร่างอ้วนท้วมสมบูรณ์ น้ำหนักของเขามากกว่า 80 กิโลกรัม ครอบครัวของเขามีกิจการร้านเสริมสวยเป็นของตัวเอง

ชีวิตประจำวันในวัยเด็กของฮิเดะไม่ได้มีอะไรพิเศษ หรือมีเรื่องราวให้จดจำมากมายนัก เพราะชีวิตของเขาเหมือนเด็กทั่วไป แต่สิ่งที่พิเศษราวกับของขวัญสุดพิเศษจากสวรรค์ นั่นคือเขาได้รับโอกาสในการค้นหาตัวเอง จากการที่พ่อของเขามักจะส่งเขาไปเรียนเสริมในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเรียน ตลอดจนด้านความสามารถพิเศษต่าง ๆ เพื่อให้ฮิเดะค้นพบตัวเองให้เร็วที่สุด

แม้ว่าตลอดชีวิตฮิเดะจะเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มามากมาย หากแต่สิ่งที่จุดประกายความฝันของเขาและทำให้เขาเลือกเส้นทางที่จะเป็นร็อคสตาร์กลับไม่ได้มาจากสิ่งที่เขาเรียน มันกลับมาจากเรื่องบังเอิญ ที่เขาได้มีโอกาสฟังเทปบันทึกการแสดงสดของวงอเมริกันร็อคที่ดังที่สุดในยุคนั้น ทั้งยังเคยแวะมาแสดง ณ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งวงที่ว่าก็คือวง Kiss ในอัลบั้ม Alive

เพียงแค่การฟังเพลงร็อคครั้งแรกและครั้งเดียว ฮิเดะก็ได้ตกหลุมรักเพลงร็อคเข้าอย่างจัง อาจจะเรียกว่ารักแรกพบก็ไม่ผิด เพียงแต่ไม่ใช่บุคคล แต่เป็นแนวดนตรี พร้อมทั้งตัดสินใจที่จะเป็นราชาเพลงร็อคในประเทศญี่ปุ่น และมีเป้าหมายที่จะทำให้ชาวญี่ปุ่นหันมาสนใจเพลงร็อคให้ได้

นั่นเพราะแถบเอเชียในยุคนั้น คนส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในสถานะเพียงแค่การเป็นผู้ฟัง ไม่ใช่ศิลปินแต่อย่างใด อีกทั้งคนส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักเพลงร็อคด้วยซ้ำ

หลังจากนั้นไม่กี่เดือน ฮิเดะก็ได้ทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ให้กับการฝึกฝนกีตาร์อย่างบ้าคลั่ง จนครอบครัวของเขาตัดสินใจสนับสนุนเขา ด้วยการซื้อกีตาร์ให้เขาซ้อมอย่างจริงจัง

และในปี 1981 ฮิเดะก็ได้สานฝัน ด้วยการเริ่มตั้งวงร็อคเป็นของตัวเอง โดยใช้ชื่อว่า Saber Tiger พังค์ร็อคที่แต่งหน้าและแต่งตัวอย่างจัดจ้าน เขาปักหลักเล่นในผับย่านนั้นและแฟนเพลงต่างพากันติดใจในการเล่นกีตาร์ระดับพระกาฬ จากคัฟเวอร์เพลงของวงเฮฟวีเมตัลในยุคนั้นอย่างช่ำชอง

นอกจากนี้ สิ่งหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของฮิเดะ คือการที่เขามีคุณยายเป็นไอดอลในการแต่งตัวมาตั้งแต่เด็ก ฮิเดะจึงมักจะแอบนำชุดของคุณยายไปใส่ขึ้นแสดงบนเวทีอยู่บ่อยครั้ง แม้ชุดจะดูแก่ แต่เมื่อได้ขึ้นไปอยู่กับแสงสีบนเวที ทุกคนกลับลืมไปว่ามันเป็นชุดผู้หญิง และสนุกกับการแสดงของวง Saber Tiger ที่มักจะนำหุ่นลองเสื้อและเนื้อสัตว์ดิบมาเสริมการแสดงเพื่อเพิ่มความดิบเถื่อน จนมีภาพจำของวงที่ชัดเจน

ความพยายามที่ไม่เห็นผล

แม้จะมีชื่อเสียงเท่าไหร่ก็ตาม แต่วงดนตรีของฮิเดะก็ไม่มีเพลงเป็นของตัวเอง มีเพียงแค่การโคฟเวอร์เพลงของคนอื่นเท่านั้น ฮิเดะจึงตั้งใจจะแต่งเพลงและออกอัลบั้ม ก่อนจะได้โอกาสในการแต่งเพลงเป็นของตัวเองกับค่ายเพลงเล็ก ๆ สานต่อความฝันของเขาให้เป็นจริง

สำหรับเพื่อนร่วมวง การได้มีฐานแฟนคลับและการออกเพลงสักเพลงแค่นั้นก็คงจะเพียงพอแล้ว แต่สำหรับฮิเดะแค่นั้นไม่เพียงพอ เพราะเขามีความหิวกระหายในความเป็นร็อคสตาร์มากกว่าคนอื่น จนทะเลาะกับเพื่อนร่วมวงบ่อย ๆ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสมาชิกในวงบ่อยครั้ง จนแฟนคลับแทบจะจำชื่อสมาชิกในวงไม่ได้ ซ้ำร้ายชื่อวงยังไปซ้ำกับชื่อวงดนตรีจากอีกเมือง จนต้องเปลี่ยนชื่อจาก Saber Tiger เป็น Saver Tiger แทน

ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ทำให้ครั้งหนึ่งแม้แต่ความรักที่ฮิเดะมีให้ดนตรีก็ยื้อเขาไม่ไหว ราวกับคู่รักที่กำลังจะเลิกรากัน หลังจากเวลา 6 ปีที่เขาทุ่มเทกับวงดนตรีมันดูเหมือนจะสูญเปล่า เขาจึงตัดสินใจหันหลังให้กับกีตาร์ที่เขารักเพื่อรับช่วงต่อกิจการร้านตัดผมจากพ่อและแม่ของเขา…

“เฮ้! เพื่อน! พวกเราต้องการนาย มาร่วมวงกับเราเถอะ!”

สายโทรศัพท์สายหนึ่งที่โทรเข้ามา และเปลี่ยนชีวิตของฮิเดะไปตลอดกาล ปลายสายที่ว่าคือ “โยชิกิ” ซึ่งเป็นหัวหน้าวง และวงที่ว่าก็คือวง X-Japan นั่นเอง

แต่ด้วยความท้อแท้และมองไม่เห็นเส้นชัย ฮิเดะจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า

“อืม… ก็ดี”

คำตอบของฮิเดะทำให้โยชิกิงงอย่างหนักว่าฮิเดะตอบตกลงจริงหรือเปล่า อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทั้งสองต่างก็รู้จักวงของกันและกันอยู่แต่แรก พวกเขาต่างเคยชมการแสดงของกันและกัน แต่เพราะ ณ เวลานั้น X-Japan ยังดังไม่เท่า Saver Tiger พวกเขาจึงไม่กล้าที่จะเอ่ยปากชวนฮิเดะมาเป็นมือกีตาร์

แม้ว่าพวกเขาจะมีจุดเริ่มต้นที่แตกต่างกัน แต่พวกเขากลับมีอะไรหลายอย่างที่คล้ายกัน ไม่ว่าจะเป็นแรงบันดาลใจ อีกทั้งพวกเขายังมีปัญหาเรื่องการเปลี่ยนสมาชิกวงเหมือนกันอีกด้วย

ถึงทุกอย่างจะไปได้สวย แต่พวกเขาก็ยังไม่มีค่าย พวกเขายังต้องหางานเอง จัดทัวร์เอง ลงทุนเอง แม้กระทั่งขนของเอง

วันนี้ที่รอคอย

ก่อนที่จุดเปลี่ยนจะมาถึง พวกเขาตัดสินใจออกอัลบั้มในนามค่ายเพลงของตัวเอง โดยเป็นค่ายที่ก่อตั้งขึ้นมาด้วยเงินของแม่โยชิกิที่เซ้งกิจการ โดยหวังจะสร้างกระแสและทำให้คนรู้จักมากยิ่งขึ้น

ในเดือนเมษายน ปี 1988 พวกเขาก็ปล่อยอัลบั้มชุดแรกที่มีชื่อว่า Vanishing Vision ออกมา ซึ่งเป็นชุดที่แสดงตัวตนของพวกเขาออกมามากที่สุด

อัลบั้มดังกล่าวของพวกเขาในฐานะศิลปินไร้สังกัด สามารถทำยอดขายได้ถึงหนึ่งหมื่นชุด ทำให้ติดชาร์ตหลักของญี่ปุ่น จนสื่อต่างการันตีว่า “นี่คือวงไร้สังกัดวงแรกที่ทำอัลบั้มให้ติดชาร์ตเมนสตรีมได้” ทั้งยังกล่าวว่าพวกเขาเป็นศิลปินรุ่นแรก และอาจเป็นวงแรกด้วยซ้ำ ที่บุกเบิกแฟชั่น Visual Kei โดยมันคือการแต่งตัว แต่งหน้า ทำผมแบบสุดโต่ง หรือแต่งแบบข้ามเพศ

จากการที่อัลบั้มแรกของพวกเขาติดชาร์ต ทั้งยังได้รับจากยกย่องในเรื่องของการบุกเบิกแฟชั่น ทำให้พวกเขาได้มีโอกาสออกทัวร์ดนตรีอย่างบ้าคลั่ง ใน 1 เดือนพวกเขาจะมีโอกาสพักเพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้น และในวันที่ว่างก็จำเป็นจะต้องไปถ่ายนิตยสารทางดนตรี

อิทธิพลของ X-Japan ก่อให้เกิดวงดนตรีร็อคใหม่ ๆ มากมาย อีกทั้งยังเปลี่ยนแนวทางในการฟังเพลงของประเทศญี่ปุ่นไปอย่างสิ้นเชิง จากเดิมที่ประเทศญี่ปุ่นและประเทศในแถบเอเชียไม่ได้ให้ความสนใจเพลงร็อค ก็หันมาสนใจและเปิดฟังกันอย่างแพร่หลาย

นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดการเปรียบเทียบระหว่างแฟนคลับ ว่าวงร็อคของใครเจ๋งกว่ากัน ซึ่งแม้ว่า X-Japan จะไม่ใช่วงที่เก่งที่สุด แต่เรื่องความมันส์ โหด ดิบ และเถื่อนในการแสดง ต้องยกให้พวกเขา ดังนั้น วงที่แฟนคลับต้องการจะดูการแสดงสดมากที่สุด ก็คือ X-Japan โดยยืนยันได้จากผลโหวตนั่นเอง ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในเดือนเดียวเท่านั้น

สูงสุดสู่สามัญ

อาจกล่าวได้ว่าในช่วงปี 1988-1997 เป็นช่วงเวลายุครุ่งเรืองของ X-Japan อย่างแท้จริง พวกเขาสร้างผลงานอันเป็นตำนานมากมาย ทั้งยังออกทัวร์คอนเสิร์ตอย่างต่อเนื่อง

X-Japan ได้รับรางวัล "กรังปรีซ์ศิลปินหน้าใหม่แห่งปี" (Grand Prix New Artist of the Year) ที่งานรับรางวัลแผ่นเสียงทองคำญี่ปุ่นครั้งที่ 4 ทั้งยังได้ออกผจญภัยไปต่างแดน ด้วยการเดินทางไปยังลอสแอนเจลิสเพื่อบันทึกเสียงอัลบั้มชุดที่ชื่อว่า เจลลัสซี โดยอัลบั้มดังกล่าวเปิดตัวมาอยู่ในอันดับ 1 ด้วยยอดจำหน่าย 600,000 แผ่น และต่อมาก็ได้รับการรับรองด้วยยอดจำหน่ายหนึ่งล้านแผ่นโดยสมาคมผู้ประกอบกิจการเพลงของญี่ปุ่น (RIAJ)

หากโยชิกิคือหัวใจสำคัญของวง ฮิเดะก็เปรียบได้ดั่งมันสมอง คงไม่ต้องตอกย้ำให้เสียเวลาถึงความยิ่งใหญ่ของวง X-Japan ซึ่งฮิเดะก็คือหนึ่งในหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญ ด้วยฝีไม้ลายมือในการสร้างซาวด์ที่ไม่เหมือนใคร และนิสัยใจคอที่น่ารักและเป็นกันเองกับแฟนคลับ ทำให้ฮิเดะเป็นที่รักของทุก ๆ คน

แต่ไม่มีสิ่งใดที่จีรังยั่งยืน มีเกิดย่อมมีดับ สุดท้าย X-Japan ก็ตัดสินใจพักวง แม้จะเป็นเพียงการพักเพียงชั่วคราว แต่แทนที่ฮิเดะจะรอคอยและใช้เวลาที่ได้พักนี้ไปพักผ่อนหลังจากตรากตรำมานาน ฮิเดะกลับเลือกทำงานเพลงต่อ แม้ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำงานในฐานะศิลปินเดี่ยว แต่ครั้งนี้มันเป็นครั้งสำคัญสำหรับเขา เพราะเป้าหมายสำคัญคือการเปลี่ยนโลกของดนตรีร็อคในแผ่นดินญี่ปุ่น

ชีวิตฮิเดะเต็มไปด้วยชีวิตชีวา เขาเดินทางไปยัง L.A. ไปยังห้องอัด และใช้ชีวิตที่นั่นถึง 3 เดือน ทะเยอทะยานสร้างงานที่ผิดแผกและแตกต่างจากที่ผ่าน ๆ มาของเขา ที่เปลี่ยนจาก Ballad Rock, Heavy Metal ที่คุ้นเคย

เขาลบเมคอัพหนาเตอะและทรงผมที่แปลกประหลาด เพื่อก้าวเท้าเข้าสู่ประตูของดนตรีร็อคสมัยใหม่ในแนว Alternative ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของซาวด์ Electronics อันน่าตื่นตะลึง จนกลายเป็นอัลบั้มที่ชื่อ Ja, Zoo ที่นักวิจารณ์ต่างพากันบอกว่า “มันคืออัลบั้มที่เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ดนตรีร็อคสู่ยุคมิลเลนเนียมได้อย่างกล้าหาญ”

ก่อนที่หลังจากนั้นฮิเดะจะกลับมายังประเทศญี่ปุ่นเพื่อทำการบันทึกเทปรายการ หลังจากเสร็จสิ้นการถ่ายรายการ เขาชวนเพื่อน ๆ มาร่วมปาร์ตี้ที่ร้านเจ้าประจำ ความคิดถึงบ้านทำให้เขาเมามายและสนุกสุดเหวี่ยงจนถึงเวลารุ่งสาง ก่อนที่หลังจากนั้น จะมีข่าวที่ช็อคทุกความรู้สึกเมื่อพบว่าเขาหมดลมหายใจไปพร้อมกับผ้าขนหนูที่พันคอกับลูกบิด ฮิเดะจบชีวิตในเช้าวันนั้น

ตำนานที่ไม่มีวันตาย

หลังจากการเสียชีวิตของฮิเดะ นับว่าเป็นการสิ้นสุดของยุคดนตรี Visual Kei ในประเทศญี่ปุ่นและเข้าสู่ยุคที่วงดนตรีญี่ปุ่นมีการแต่งตัว ทรงผม การแต่งหน้าที่น้อยลง อย่างไรก็ตามยังคงมีวงดนตรีร็อคญี่ปุ่นที่พยายามรักษาสไตล์ Visual Kei อยู่และเรียกตัวเองว่า Neo-Visual Kei

การจากไปอย่างไม่มีวันกลับของฮิเดะถือเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในญี่ปุ่น ทำให้มีข่าวเด็กวัยรุ่นญี่ปุ่นฆ่าตัวตายตามจนเป็นเรื่องราวที่ถูกพูดถึงในยุคนั้น

นั่นเพราะพวกเขาคิดว่า X-Japan เป็นเหมือนที่พึ่งทางใจ ภาพของแฟนเพลงที่ออกมากรีดร้องและร่ำไห้กันนั้นผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังอดสะเทือนใจไม่ได้ ฮิเดะนั้นเป็นมากกว่าแค่มือกีตาร์ในวง เขามีบทบาทสำคัญต่อทุกคน เป็นคนดูแลและประสานความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกแต่ละคนด้วย

หลังจากการเสียชีวิต ได้มีการสร้างพิพิธภัณฑ์ฮิเดะในเมืองโยโกซูกะ โดยเปิดใช้เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2543 สองปีให้หลังจากวันเสียชีวิต ในพิพิธภัณฑ์ประกอบไปด้วยเครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ กีตาร์ และของใช้ส่วนตัวของฮิเดะ แต่สุดท้ายพิพิธภัณฑ์ต้องปิดตัวลงด้วยสาเหตุบางประการ อย่างไรก็ตาม ถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความรักที่แฟนคลับมีให้ต่อเขาได้เป็นอย่างดี

สรุปส่งท้าย

เรื่องราวของฮิเดะแสดงให้เห็นถึงความรักอย่างลึกซึ้งของคนคนหนึ่งที่มีให้กับสิ่งหนึ่ง โดยไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นมนุษย์เท่านั้น ความรักของฮิเดะที่มีต่อเพลงร็อค ทำให้จากเด็กหนุ่มธรรมดา เขาได้อุทิศทั้งชีวิตให้กับสิ่งที่เขารัก จนสามารถประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียง มีผู้คนที่รักเขามากมาย

แม้ว่าวันนี้ฮิเดะจะไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว แต่เรื่องราวของเขาก็ยังถูกกล่าวถึงอยู่จวบจนปัจจุบัน ยิ่งไปกว่านั้นบทเพลงที่เขาเขียนในยามที่เขามีชีวิตอยู่ ก็ถูกเปิดฟังอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสิ่งนี้คือเครื่องยืนยันว่าผู้คนจะไม่มีวันลืมชายคนนี้ แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม ชายคนนี้ก็จะยังอยู่ในความทรงจำของเราตลอดไป “ฮิเดะ มัตสึโมโตะ”

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก

HistorockTV

thepeople

thehistorynow

wikipedia

gqthailand

bilibili

japan-metal-indies

chinatimes

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0

ความเห็น 0

ยังไม่มีความเห็น