การใช้มือถือหรือสมาร์ทโฟนเพื่อติดต่อพูดคุยกันไม่ใช่เรื่องใหม่ หลายคนใช้สื่อสารกันผ่านโปรแกรม Chat กันอยู่แล้วเป็นปกติ แต่สำหรับการแพทย์ไทย ที่เริ่มหันมาใช้เทคโนโลยี เพื่อให้คำปรึกษาและแนวทางการรักษาผู้ป่วยแบบทางไกล หรือที่เรียกว่า "เทเลเมดิซีน" (Telemedicine) กำลังกลายเป็น “ทางเลือกใหม่” ที่เริ่มใช้แพร่หลายอย่างจริงจังมากขึ้นในช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา
✚ 'เทเลเมดิซีน' (Telemedicine) แท้จริงแล้วคืออะไร?
เทเลเมดิซีน เป็นคำที่วงการแพทย์คงได้ยินมานาน มันคือการปรับใช้เทคโนโลยีเครื่องมือสื่อสารให้ผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์สามารถพูดคุยกันได้แบบ Real-time ไม่ว่าจะผ่านแชต ระบบ VDO conference ที่มองเห็นหน้าหรือสนทนาได้โดยตรง ไร้ข้อจำกัดเรื่องเวลาและสถานที่ ง่าย สะดวกสบาย แต่ยังคงได้รับบริการเหมือนกับที่โรงพยาบาล ด้วยสถานการณ์โควิด-19 หลายสถานพยาบาลในประเทศไทยได้พัฒนาระบบเทเลเมดิซีน มาให้บริการมากขึ้น
คำถามที่ตามมาคือ “แล้วจะใช้เครื่องมือเทเลเมดิซีนนี้อย่างไร” “ต้องโหลดโปรแกรมอะไร ต้องเสียเงินเพิ่มหรือเปล่า” “การใช้งานจะยุ่งยากไหม” ซึ่งคำตอบนั้นฟังแล้วอาจจะประหลาดใจ เพราะไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติมให้ยุ่งยาก เทเลเมดิซีนอยู่ในมือของทุกคนแล้ว ถ้าทุกคนใช้ LINE ก็สามารถใช้เทเลเมดิซีนได้เช่นกัน
🏥+ฟีเจอร์ LINE เบื้องต้นก็นำมาใช้ทำ 'เทเลเมดิซีน' ได้ +
ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน ผู้ให้บริการด้านการแพทย์ อาจเจอข้อจำกัดมากมายทั้งในเรื่องบุคลากรด้านไอที งบประมาณและเวลาท่ามกลางสถานการณ์เร่งด่วน การใช้ฟีเจอร์ใน LINE Chat เบื้องต้นง่ายๆ ที่ออกแบบมาเพื่อสื่อสารในชีวิตประจำวันอยู่แล้วให้เป็นประโยชน์ เพียงเปลี่ยนสถานะของผู้ใช้มาเป็น “คนไข้” กับ “คุณหมอ” ก็สามารถช่วยให้เกิด 'เทเลเมดิซีน' ได้ ไม่ยุ่งยาก เช่น
👥 LINE VDO Call: รองรับได้ทั้งในห้องแชต 1:1 หรือในกรุ๊ปแชต เพียงกดไอคอนรูปโทรศัพท์ตรงมุมขวาในห้องแชต รออีกฝ่ายกดรับสายก็สามารถพูดคุยแบบเห็นหน้ากันได้แล้ว
อีกทั้งคุณหมอยังสามารถแชร์หน้าจอผลการรักษาหรือผลการตรวจต่างๆ ให้คนไข้ได้เลย ขณะเดียวกันคนไข้เองก็สามารถโชว์อาการบาดเจ็บหรืออาการป่วยให้คุณหมอเห็นได้ทันทีด้วยเช่นกัน
คลิกศึกษาวิธีการใช้และแชร์หน้าจอผ่าน LINE VDO Call ได้ ที่นี่
👥 LINE Meeting: ในกรณีที่คุณหมอไม่ได้เป็นเพื่อนกับคนไข้ใน LINE หรือไม่อยากสร้างกรุ๊ปใน LINE เพิ่มขึ้นมาใหม่ การใช้ LINE Meeting สร้างลิงก์สำหรับพูดคุย ประชุมออนไลน์ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกได้เช่นกัน
โดยเหมาะสำหรับการพูดคุย ปรึกษาคนไข้กลุ่มใหญ่ที่ทุกคนอาจจะไม่ได้เป็นเพื่อนกันใน LINE สมาชิกสามารถนำลิงก์ไปให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมได้ทันที ทุกฝ่ายสามารถเข้าร่วมได้โดยง่าย ได้รับข้อมูลตรงกัน โดยรองรับการประชุมร่วมกันได้มากสุดถึง 500 คน
คลิกศึกษาวิธีการใช้ LINE Meeting ได้ ที่นี่
👥 LINE OpenChat: คอมมิวนิตี้แหล่งใหญ่ที่สามารถสร้างห้องสนทนาย่อยตามหัวข้อที่แตกออกไปได้ เหมาะสำหรับเป็นศูนย์ให้คำปรึกษา ความช่วยเหลือคนไข้ในรูปแบบข้อแนะนำ คำตอบสั้นๆ จากคุณหมอ หรือบุคลากรทางการแพทย์ที่ไม่จำเป็นต้องวิดีโอคอล
โดยหน่วยงานสามารถมอบหมายให้บุคลากรทางการแพทย์ทำหน้าที่แอดมินกรุ๊ป คอยตอบปัญหาสุขภาพ ปัญหาพื้นฐานที่คนมักถามได้อย่างง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ทำให้การสื่อสารเป็นไปอย่างฉับไว รวดเร็ว
ศึกษาวิธีการใช้งาน LINE OpenChat เบื้องต้นได้ ที่นี่
ฟีเจอร์เหล่านี้อาจเป็นแค่ตัวอย่างให้เห็นภาพชัดขึ้นว่า ทุกคนสามารถเข้าถึง Telemedicine ได้โดยง่าย เพียงรู้จักปรับใช้ฟีเจอร์ต่างๆ ใน LINE มาเป็นช่องทางการให้บริการที่สะดวกและปลอดภัยสำหรับทุกฝ่ายในช่วงเวลาวิกฤต โดยไม่จำเป็นต้องจัดทำระบบให้ซับซ้อน
🏥ใช้ LINE OA ต่อยอด อำนวยความสะดวกคนไทยเข้าถึง 'เทเลเมดิซีน'
แต่สำหรับองค์กรหรือหน่วยงานการแพทย์ที่มีการใช้ LINE Official Account (LINE OA) อยู่แล้ว ฟีเจอร์พื้นฐานของ LINE OA ก็สามารถช่วยยกระดับการให้บริการ 'เทเลเมดิซีน' ให้เข้าถึงสะดวกและสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นได้
ตัวอย่างเช่น ฟีเจอร์ ริชเมนู (Rich Menu) เมนูหลักที่ปรากฏด้านล่างของห้องแชตใน LINE OA ที่แอดมินสามารถออกแบบให้แต่ละช่องลิงก์ไปสู่หน้าปลายทางใดๆ ก็ได้ตามต้องการ
หลายหน่วยงานพยาบาลใช้ Rich Menu นี้เป็นช่องทางลัดให้คนไข้เข้าถึงบริการแบบทันใจ ไม่ว่าจะเป็นการจองคิวนัดหมาย ติดตามข้อมูลสุขภาพหรือประวัติการรักษาของตนได้เอง รวมถึงเป็นช่องทางลัดให้คนไข้สามารถติดต่อสื่อสารกับหน่วยงานได้โดยตรง
ยกตัวอย่างเช่น LINE OA @Ramacovid ที่ใช้ฟีเจอร์ Rich Menu เป็นช่องทางให้คนไข้เลือกเข้าถึงบริการต่างๆ ของรพ. ได้เองแบบทันใจ เลือกคลิกในสิ่งที่พวกเขาอยากรู้และต้องการคำตอบได้เอง ตัดปัญหาการใช้เวลาและแรงงานในการพูดคุยเบื้องต้นไปด้วยในตัว
เช่น เช็คข้อมูลวัคซีน เช็คสถานที่รับตรวจ และสามารถติดต่อขอปรึกษาพยาบาลแบบส่วนตัวผ่าน LIVE Chat ได้ ถือเป็นตัวอย่างการใช้ฟีเจอร์ใน LINE OA มาอำนวยความสะดวกให้คนไข้อย่างครบถ้วนโดยไม่ต้องเดินทางมาสถานพยาบาลโดยไม่จำเป็น
หรืออีกหนึ่งองค์กรที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพอย่าง ศิริราชพยาบาล ที่ได้พัฒนาทำ Telemedicine ผ่าน LINE OA @SIRIRAJConnect ที่นอกจากจะใช้เครื่องมือแชทในการการบรอดแคสต์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ประจำวันทางการแพทย์แล้ว
ยังใช้ฟีเจอร์ Rich Menu เชื่อมต่อกับฐานข้อมูลของโรงพยาบาล เพื่อเป็นช่องทางลัดในการเข้ารับบริการจากโรงพยาบาลเบื้องต้น เช่น ลงทะเบียนทำนัดหมายพบแพทย์ ตรวจสอบสิทธิ์ในการรักษา แสดงตารางวันนัดพบแพทย์ รวมถึงให้บริการพบแพทย์ออนไลน์บน LINE OA ด้วย
นอกจากนี้ หลากหลายองค์กรที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ COVID-19 ยังได้ใช้ LINE OA มาเป็นช่องทางให้บริการประชาชนในช่วงวิกฤต โดยไม่ต้องเดินทางและยังช่วยแบ่งเบาภาระของสายด่วนต่างๆ ที่ต้องทำงานหนัก เช่น การใช้ @sabaideebot ของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อช่วยเหลือผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในเขตกทม.และปริมณฑล เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการลงทะเบียนหาเตียงโดยมีทีมติดตามให้ความช่วยเหลือ เป็นต้น
ต้องบอกว่าในช่วงเวลาอันแสนวุ่นวายนี้ มองทางไหนก็ดูยากลำบากไปหมด โดยเฉพาะสำหรับหน่วยงานการแพทย์ทั่วประเทศไทย เทคโนโลยีกลายเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้บริการทางการแพทย์ต่างๆ ยังคงเดินหน้าให้บริการประชาชนได้อย่างว่องไวในช่วงวิกฤตนี้
โดย LINE พร้อมเป็นอีกหนึ่งกำลังใจและเป็นแพลตฟอร์มพื้นฐานให้หน่วยงานการแพทย์ทั่วไทยนำไปประยุกต์ใช้ สู่การให้บริการ ‘เทเลเมดิซีน’ เพื่อช่วยเหลือคนไทยได้อย่างทันท่วงทีต่อไป
ติดตามคอนเทนต์ความรู้และกิจกรรมมากมายที่ LINE อาสาช่วยคนไทยทุกภาคส่วนในยามวิกฤตผ่านแคมเปญ WE LOVE YOU ได้ ที่นี่
#TeleMedicine #WELOVEYOU #LINEChat #LINEOA